โลกของเรามีอายุมาราวๆ 4,500 ล้านปี แล้ว (ข้อมูลจากวิกิ) ส่วนมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกมาได้ประมาณ แสนปี หรือ พันปี อันนี้ผมเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนะ

        แต่เอาเป็นว่า การที่มนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกที่มีอายุอานามมายาวนานแบบนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่แน่นอนคือ เราต่างก็ใช้ทรัพยากรต่างๆ บนโลกไปมากมายแล้วครับ

        แม้หลายๆ สิบปีที่ผ่านมาเรามนุษย์โลกอาจจะยังไม่ตระหนักถึงทรัพยากรในโลกกลมๆ ใบนี้ว่า สักวันสิ่งที่มีอยู่จะหมดไป แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นปัญหา และสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

        ภาวะโลกร้อน และทรัพยากรที่มีอยู่แบบจำกัด เริ่มทำให้หลายหน่วยงานตระหนักและร่วมกันแก้ไข แต่ความโชคร้ายของผู้คนในยุคนี้ยังมีโชคดีซ่อนอยู่มากมายครับ

        จริงๆ จะบอกว่าเราโชคดีก็ได้นะที่เกิดมาในยุคที่มนุษย์ศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีต่างๆ เอาไว้มากมาย ซึ่งหลายๆ อย่างก็คิดค้นเพื่ออนาคตโลกนี่แหละ 

        เมื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังไม่สูญพันธุ์ ปัจจัย4 ที่เราท่องกันมาตั้งแต่เด็กจนโตยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอสำหรับคนบนโลกนี้ครับ และหนึ่งในนั้นคือที่อยู่อาศัยนั่นเอง

        ในแง่ของนวัตกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยก็ตระหนักถึงปัญหาด้านทรัพยากรเช่นกันครับ อย่างล่าสุดในปี 2022 นี้ ผมได้ไปเจอข้อมูลที่น่าสนใจมากๆ ว่าในอนาคตวัสดุก่อสร้างที่เราเคยใช้สร้างบ้านเรือนนั้นอาจจะเปลี่ยนไป

        อดไม่ได้ที่จะหยิบมาพูดถึงครับ ว่าในอนาคตเนี้ย วัสดุที่เราจะเอามาสร้างบ้าน อาจจะมาจากสิ่งต่างๆ รอบตัวที่หาได้แบบง่ายๆ ไม่ต้องรบกวนทรัพยากรธรรมชาติแบบเดิมแล้ว แถมยั่งยืนอีกต่างหาก 

        เพราะฉะนั้นเรามาดูกันครับว่าในอนาคต เราจะได้อาศัยอยู่ในบ้านที่ทำมาจากวัสดุอะไรกันบ้าง พร้อมแล้ว เลื่อนลงไปพร้อมๆ กันเลยฮะ

        1. Self Healing Concrete - คอนกรีตที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

 

 

        ตัวนี้บางคนเค้าเรียกว่าคอนกรีตมีชีวิตครับ นวัตกรรมนี้ถูกคิดค้นโดย Dr. Henk Jonkers และคณะ จริงๆ ดร. คนนี้แกเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์อยู่ที่ Delft University of Technology ประเทศเนเธอแลนด์ ซึ่ง Self Healing Concrete เป็นงานวิจัยที่แกทำออกมา งานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2017 แล้วแหละ 

        โดยไอเจ้า Self Healing Concrete มาจากการใส่จุลชีพลงไปในส่วนผสมคอนกรีต หน้าตาไม่ได้เหมือนหลุดออกมาจากนอกโลกแบบหนัง Sci-fi อะไรแบบนั้นนะครับ ดูจากตาเปล่าเจ้านี่จะเหมือนวัสดุคอนกรีตธรรมกาเลย แต่ข้างในจะมีส่วนผสมของแบคทีเรียที่มีชื่อว่า "Healing Agent" ซึ่งแบคทีเรียตัวนี้แหละที่สามารถทำให้คอนกรีตสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ เพราะเมื่อคอนกรีตเกินรอยร้าวและมีความชื้นเข้าไปข้างในแบคทีเรียจะตัวนี้ก็จะเจริญเติบโตและทำการขยายตัวจนสามารถทำการเติมเต็มรอยแตกร้าวของคอนกรีตได้ แจ่มว้าวมากๆ ลองดูคลิปได้ครับ

 

 

2. Metal Foam - โฟมโลหะ

 

 

        แต่ก่อนเวลาเรานึกถึงโฟมเนี้ย เราก็จะนึกถึงโฟมแลลพลาสติกวายร้ายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นวัสดุที่ย่อยสลายยากอย่าง โพลิสไตรีน วัสดุน้ำหนักเบา สามารถลอยตัวได้ นิยมเอามาทำเป็นวัสดุบรรจุอาหาร เพราะโฟมประเภทนี้มีสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน มีช่องว่างของฟองอากาศมีความหนาแน่นน้อยเลยทำให้มันลอยตัวได้นั่นเองครับ

        แต่โฟมโลหะจะไม่เหมือนกับโฟมที่เราคุ้นเคยเพราะมีความแข็งแรงกว่า มีช่องว่างหรือโพรงอากาศ 75 – 95 เปอร์เซ็นต์ (โฟมโลหะมีน้ำหนักน้อยกว่าโลหะตัน) และที่สำคัญเจ้าตัวนี้มันยัง มีความแข็งแรงกว่าโฟมที่ทำจากวัสดุอื่น แถมยังมีสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน มีสมบัติดูดซับเสียง เป็นต้น ซึ่งเหมาะที่จะเอามาใช้ในอุตสาหกรรมครัวเรือน เนื่องจากความแข็งแรงที่กล่าวมาข้างต้นแล้วในส่วนของราคายังน่ารักมาอีกด้วยครับ

 

 

3. Martian Concrete - คอนกรีตจากดาวอังคาร

 

 

        ล้ำไปอีกครับ ใครจะคิดว่าในอนาคต เราจะสามารถใช้วัสดุที่พบจากนอกโลกมาใช้ได้ Martian Concrete เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Northwestern จากสหรัฐอเมริกา ทีมวิจัยเค้าคิดค้นมาจากแนวคิดที่ว่า "ถ้าหากมนุษย์โลกต้องย้ายถิ่นฐานไปยังดาวอังคารที่ไม่มีน้ำเนี้ย เราจะสร้างบ้านยังไง" (โครงการประกวดการสร้างที่อยู่อาศัยบนดาวอังคารของ NASA) 

        ซึ่งแน่นอนครับว่า Martian Concrete ไม่ต้องใช้น้ำเป็นส่วนผสมเลยเพราะบนดาวอังคารไม่มีน้ำนั่นเอง Martian Concrete เป็นคอนกรีตที่ใช้ซัลเฟอร์ที่ถูกเพิ่มอุณหภูมิ 240 องศาเซลเซียส จนหลอมละลายเป็นของเหลวและนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นดินบนดาวอังคาร พอเย็นตัวลงจะกลายเป็นคอนกรีตที่แข็งแรง และมีส่วนผสมจากดาวอังคาร ซึ่งในอนาคตเราอาจจะได้ใช้เจ้าวัสดุที่ไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมของน้ำแน่ๆ ครับในอนาคตไม่ไกลก็ใกล้นี่แหละ

 

 

4. 3D-printer

 

 

        นวัตกรรมนี้เป็นอีกนวัตกรรมที่น่าจับตามองมากครับ ผมเคยหยิบมาเล่าให้ฟังแล้วครั้งหนึ่ง "ชวนดูบ้านจากเครื่อง 3D Printer" ใช้งบน้อย สร้างเสร็จไว แต่อยู่ได้จริงเหรอ?  นวัตกรรมนี้สามารถใช้ได้จริงจากเครื่อง 3D Printing ที่แต่ก่อนมันอาจจะถูกปริ้นออกมาเป็นสิ่งของเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โต แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้สามารถนำมาผนวกเข้ากับอุตสาหกรรมการก่อสร้างโดย 3D Printer มาจากบริษัท Icon ในอเมริกา ที่คิดมาเพื่อสร้างบ้านให้แก่ผู้ที่ไร้บ้านหรือเหล่าโฮมเลส

        เนื่องจากใช้เวลาการก่อสร้างแค่ 48 ชั่วโมง ราคาไม่แพงและมีความคงทน สามารถทนแรงแผ่นดินไหวได้มากถึง 8 ริกเตอร์เลยนะ ซึ่งความแข็งแรงทนทานของตัวบ้านจะอยู่ที่ระดับไหนมันก็ขึ้นอยู่กับว่า เราใส่วัสดุอะไรไปในเครื่อง ซึ่งในอนาคตเราคงได้เห็นบ้านที่มาจากเจ้าเครื่อง 3D-printer กันมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนอกจากความสะดวกแล้ว ความคงทนและปลอดภัยยังแจ๋วไม่ใช่เล่นเลยครับ

 

 

5. Recycling Cigarettes - อิฐจากก้นบุหรี่

 

 

        บุหรี่ลายปอดในวันนั้น สู่วัสดุสำคัญที่จะกลายมาเป็นที่อยู่อาศัยของเราในอนาคตแล้วครับ ไอเดียนี้เกิดมาจากนิสับความมักง่ายของมนุษย์เราก็ว่าได้ เชื่อไหมครับว่าก้นบุหรี่คือขยะที่พบได้ริมชายหาดมากที่สุด โดยไอเดียนี้เกิดจาก นักวิจัยจาก RMIT 

        ก้อนอิฐนี้เกิดจากการนำก้นบุหรี่มาบีบอัดรวมกันกับวัสดุอื่นๆ ให้มีความเหนียว ทนทานต่อการสึกหรอและแตกหัก นอกจากนี้ยังมีความอดทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากๆ ซึ่งก้อนอิฐเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างอาคารบ้านเรือนได้ โดยก้นบุหรี่ยังเป็นหนึ่งในขยะที่ทั้งโลกพยายามที่จะนำมารีไซเคิลมากๆ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในขยะที่อันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและอย่างที่บอกครับว่ามันมีเยอะมากจริงๆ เชื่อว่าในอนาคตนอกจากก้อนอิฐจากก้นบุหรี่แล้ว เราคงได้เห็นนวัตกรรมจากก้นบุหรี่อีกมากมายแน่นอนครับ

 

 

6.The CABKOMA strand rod - เส้นใยผ้า CABKOMA

 

 

        นวัตกรรมนี้มาจากญี่ปุ่นนั่นเอง นวัตกรรมนี้ถูกคิดค้นมาจากวัสดุที่เรียก คอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์เทอร์โมพลาสติก พลาสติก – thermoplastic carbon fiber composite ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จักนะ แต่เค้าบอกว่าไอเจ้าวัสดุชื่อยาวเนี้ย มันเป็นเส้นใยที่แกร่งมาก มีคุณสมบัติในการเสริมโครงส้รางอาคาร และทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนต่อแผ่นดินไหว และที่สำคัญวัสดุตัวนี้ยังมีน้ำหนักเบามากๆ

        The CABKOMA strand rod  ถูกคิดค้นมาจาก Komatsu Seiten Fabric Laboratory โดยเส้นหนึ่งจะมีความยาวถึง 160 เมตรมีน้ำหนักเพียง 12 กิโลฯ ซึ่งน้ำหนักนี้ถ้ามาเทียบกับโลหะแล้วถือว่าเบามากกว่าถึง 5 เท่าเลยทีเดียว

 

 

7. Pollution absorbing bricks - อิฐดูดซับมลพิษ

 

 

        โลกปัจจุบันที่เราอาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยมลพิษ อากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่นับวันจะยิ่งหาได้ยากในอนาคต ไม่เชื่อลองมองที่บ้านเรือเราเลยครับ ตอนนี้แทบทุกบ้านจะต้องมีเครื่องฟอกอากาศกันคนละเครื่องสองเครื่องแล้ว นวัตกรรมนี้เกิดจากปัญหามลพิษบนโลกนี่แหละครับ

        เจ้าตัวนี้ถูกพัฒนาโดยช่วยศาสตราจารย์ Carmen Trudell ที่ Cal Poly วิทยาลัยแห่งสถาปัตยกรรมและการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอิฐตัวนี้สามารถดูดเอาสารที่ก่อมลพิษในอากาศเข้าไปและปล่อยออกมาผ่านตัวกรองอากาศ ด้วยระบบด้านหน้าสองชั้น โดยมี specialist bricks หรืออิฐชนิดพิเศษอยู่ด้านนอกและฉนวนมาตรฐานอยู่ด้านใน

        ตรงกลางเป็นระบบการกรองแบบไซโคลนที่แยกอนุภาคอากาศหนักออกจากอากาศปกติและนำไปเก็บไว้ในถังที่ถอดออกได้ ลักษณะคล้ายๆ เครื่องดูดฝุ่นมาก นอกจากสามารถระบายมลพิษได้แล้ว มันยังระบายความร้อนได้อีกด้วยครับ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ระบบนี้สามารถกรองมลพิษอนุภาคละเอียดได้ 30% และอนุภาคหยาบได้ถึง 100%

 

8. Cooling System in Bricks - อิฐเย็น

 

 

        ประเทศไทยต้องการสิ่งนี้ฮะ เพราะนวัตกรรมนี้เกิดมาเพื่อรองรับอากาศที่ร้อนจัด นวัตกรรมนี้คิดค้นโดยนักศึกษา Institute of Advanced Architecture of Catalonia  เค้าเอาดินเหนียวและไฮโดรเจลมาผสมกัน เรียกว่า ไฮโดรเซรามิกส์มีความสามารถในการลดอุณหภูมิในร่มได้ถึง 6 องศาเซลเซียส 

        โดยความเย็นนี้เกิดจากไฮโดรเจลที่อยู่ในโครงสร้างของอิฐ สามารถดูดซับน้ำได้ 500 เท่าของน้ำหนัก น้ำที่ถูกดูดซับไว้จะถูกปล่อยออกมาเพื่อลดอุณหภูมิ ปัจจุบันไฮโดรเซรามิกส์กลายเป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างยอดนิยม ซึ่งในอนาคตน่าจะถูกนำไปพัฒนาต่อให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้แน่นอน ดีไม่ดีในอนาคตเราอาจจะไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศก็ได้นะ เพราะอิฐเย็นจะกลายเป็นนวัตกรรมที่อาจจะมาช่วยเรื่องนี้ได้แบบตอบโจทย์ก็เป็นได้ฮะ 

 

 

9. Light Generating Cement - ซีเมนต์เรืองแสง

 

 

        ซีเมนต์ เป็นวัสดุที่เราทราบกันดีว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างคอนกรีต แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีนักวิทยาศาตร์ชาวแม็กซิโกคนหนึ่งทำการคิดค้นซีเมนต์เรืองแสง นวัตกรรมที่เค้าบอกว่ามันจะมาเปลี่ยนวงการก่อสร้างเลยล่ะครับ

        โดยนักวิทยาศาสตร์ท่านี้มีชื่อว่า โฆเซ คาร์ลอส รูบิโอ อวาลอส ได้ใส่สารที่จะช่วยทำให้ตัวคอนกรีตนั้นสามารถดูดซับแสงในเวลากลางวัน และปล่อยแสงออกมาในเวลากลางคืน  แต่เนื่องจากคอนกรีตนั้นเป็นของทึบแสง จึงต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างของมันเล็กน้อย  โดยนำซีเมนต์มาผสมกับน้ำ ซึ่งทำให้เกิดเนื้อผิวและรูปทรงใหม่ ที่มีลักษณะคล้ายกับคอร์นเฟลก ในคอร์นเฟลกนี้เองจะมีส่วนที่เขาเรียกว่า คริสตัล ซึ่งเป็นส่วนที่เขาได้นำออกไป และทำให้ก้อนคอนกรีตของเขา มีช่องต่าง ๆ ไว้ดูดรับแสงได้  ซึ่งในอนาคตมันจะถูกนำมาใช้แทนไฟต่างๆ ตามตึก ตามอาคารนั่นเอง

 

 

10. Translucent Wood - ไม้โปร่งแสง

 

 

        เป็นข่าวใหญ่โตในอุตสาหกรรมการก่อสร้างไปเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมานี่เองครับ ไม้โปร่งแสงถูกคิดค้นโดยลาร์ส เบิร์กลุนด์ นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีหลวงเคทีเอช ประเทศสวีเดน โดยไม้โปร่งแสงนี้ทำมาจากเยื่อบุในแผ่นไม้อัดไม้ ผ่านกระบวนการในระดับนาโน แม้จะเป็นวัสดุสังเคราะห์แต่ไม้ชนิดนี้ก็แข็งแรงในระดับเดียวกับไม้จริงๆ ทุกประการ แต่บวกคุณสมบัติพิเศษคือความโปร่งแสงนั่นเอง 

        ซึ่งในอนาคตเราอาจจะนำไม้โปร่งแสงนี้มาแทนพลาสติกหรือกระจกได้ เพราะแข็งแกร่งกว่า และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าพลาสติกและกระจกมากกว่าด้วย

 

 

        เรียกได้ว่าทั้ง 10 อย่างที่ผมยกมานั้นหากถูกพัฒนาต่อ เชื่อว่าในอนาคต แม้ทรัพยากรจะค่อยๆ ร่อยหรอ ปัจจัยสี่ด้านที่อยู่อาศัย น่าจะยังเป็นสิ่งที่มนุษย์โลกสามารถเอาชนะได้อยู่ครับ 

        แต่ทั้งหมดทั้งมวล เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การคิดค้นเหล่านี้เกิดมาจากปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย และกำลังจะหมดไป แม้มนุษย์เราจะฉลาดจนสามารถคิดค้นวัสดุแห่งอนาคตเหล่านี้มาทดแทนได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้ชีวิตโดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อโลกนะ!! ไม่เชื่อลองตามวงการอสังหาฯ ไทยดูครับ นักพัฒนาหลายๆ เจ้าเค้าคำนึงเรื่องนี้เป็นหลักกันหมดแล้ว เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ที่คนทั้งโลกต้องหันมาตระหนักเสียทีรวมถึงตัวเราเองด้วยครับ