ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านมากี่ร้อยปี "บ้าน" หรือ ที่อยู่อาศัย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มนุษย์ต้องการและพึงจะมี แต่ในโลกปัจจุบันนี้เราก็ต้องยอมรับอีกครับว่าการเติบโตของระบบทุนนิยมและการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก ส่งผลให้ราคาบ้านพุ่งทะยานสูง จนบางทีก็เป็นราคาที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับหลายๆ คนไปเลยนะ ทั้งๆ ที่มันเป็นปัจจัยหลักของมนุษย์แท้ๆ อันนี้ก็พูดรวมๆ ไปถึงที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ด้วยนะ

        เทคโนโลยีสมัยนี้เจริญก้าวหน้าไปไวจนบางครั้งผมที่คิดว่าตัวเองทันสมัย เป็นคนรุ่นใหม่ ก็ตามอะไรไม่ทันอยู่บ่อยๆ เลยนะ 555

        ขนาดวงการอสังหา ยังต้องคอยเดินตามเกมตามเทคโนโลยีกับเค้าเช่นกันครับ จากที่เห็นว่าเวลาผมไปดูโครงการอะไรใหม่ๆ หนึ่งหมัดเด็ดที่แต่ละโครงการเค้ายกขึ้นมาชูเป็นจุดเด่นก็หนีไม่พ้นเรื่องของเทคโนโลยีที่เอามาใช้ในการสร้างบ้านนี่แหละ 

        แหม เราเกริ่นถึงความรุ่นใหม่ ความเจ๋งของเทคโนโลยีการสร้างบ้านแบบนี้ วันนี้ก็คงจะเดา Topic กันไม่ยากครับ 555 ใช่แล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีการสร้างบ้านที่ไม่ธรรมดากันครับ เพราะผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ บ้านที่ทำมาจากเครื่อง3D Printer !!

        ฟังไม่ผิดครับ บ้านที่ทำมาจาก 3D Printer ไอเจ้าเครื่องปริ้นที่รับคำสั่งให้ปริ้นสิ่งของมาในรูปแบบ 3 มิติ แต่ก่อนเนี้ย เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตามันด้วยการใช้งานให้มันปริ้นตัวโมเดลขนาดเล็กๆ ส่วนวัสดุที่ปริ้นออกมาจะเป็นอะไรอันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใส่อะไรลงไปในเครื่อง คล้ายๆ หมึกแท่งที่เราใส่เครื่องปริ้นเอกสารนั่นแหละครับ

        งั้นมนุษย์เราก็เลย เอาไอเครื่องนี่มาปริ้นเป็นบ้านซะเลยนี่ แหม!!มันจะง่ายอะไรปานนั้น!! ง่ายจริงหรอ? ทำได้ แล้วจะอยู่ได้มั้ยล่ะ? มา เรามาหาคำตอบกันครับ

        ก่อนอื่นเรามาดูกันครับว่าใครกันฟร๊ะ ที่มันบ้าบิ่นปรื้นบ้านด้วย 3D Printer? 

        บ้านต้นแบบจากเครื่อง 3D Printer มาจากบริษัท Icon ในอเมริกาครับ โดยเค้าได้ทำการสร้างบ้านชั้นเดียวจากเครื่อง 3D Printer ซึ่งเป็นบ้านต้นแบบชั้นเดียว เสร็จภายใน 48 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านหลังนี้ตกอยู่ที่ 304,000 กว่าบาทเท่านั้น โดยวัสดุที่ใช้ในการสร้างคือปูนมอตาร์ ซึ่งบริษัทไอคอน บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และ นิว สตอรี องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำงานสร้างบ้านในประเทศกำลังพัฒนา ร่วมกันสร้างขึ้น โดยจุดประสงค์หลักตอนนั้นเค้าทำเผื่อจะสร้างบ้านให้แก่ผู้ที่ไร้บ้านหรือเหล่าโฮมเลสประมาณนี้แหละ

        แต่ในช่วงแรกๆ เนี้ย เค้าก็ต้องใช้คนงานมา Set Up เครนกันก่อน พอเครื่อง 3D Printer มันได้รับคำสั่งจากพิมพ์เขียวจนทำงานได้เองแล้ว ก็เหลือคนคุมงานแค่คนเดียว!! เห้ย อะไรเนี้ย บ้านทั้งหลังมีคนคุมงานคนเดียวเนี้ยนะ ซึ่งบางหลังใช้เวลาในการสร้างไม่ถึงเดือน นี่ข่าวใหม่อัปเดตมีบ้านที่ทำจาก 3D Printer ที่สร้างเสร็จภายใน 24 ชั่วโมงด้วย เว่อร์มาก แต่เรื่องจริงฮะ!!

        ซึ่งไอเจ้าเครื่อง 3D Printer จะสามารถสร้างบ้านทั้งหลังได้แบบไร้รอยต่อเลยครับ แต่ก็จะมีตรงส่วนของประตูและหน้าต่างที่ต้องมาติดตั้งเอาทีหลังครับ ซึ่งความเจ๋งของเจ้าเครื่อง 3D Printer คือสามารถก่อผนังได้สูงประมาณ 2.6 เมตร กว้าง 8.5 เมตร ได้เลยนะ แถมยังสามารถควบคุมการทำงานได้บนมือถือหรือแท็บเล็ต นี่ไงครับ คนคุมงานเลยเหลือแค่คนเดียว5555

        ทำจากเครื่องปริ้นแล้วจะอยู่ได้จริงเหรอ? โดนแดด โดนฝน น้ำท่วมแผ่นดินไหวจะพังมั้ย?

        เว่อร์เรื่องระยะเวลาในการสร้างบ้านและคนงานในการก่อสร้างที่ไม่ต้องมีสักชีวิตแล้ว มาเว่อร์กันต่อครับ เค้าเคลมมาเลยนะว่าบ้านที่ทำมาจากเครื่อง 3D Printer นั้นทนมากกกก สามารถทนแรงแผ่นดินไหวได้มากถึง 8 ริกเตอร์เลยนะ ซึ่งความแข็งแรงทนทานของตัวบ้านจะอยู่ที่ระดับไหนมันก็ขึ้นอยู่กับว่า เราใส่วัสดุอะไรไปในเครื่องครับ 

        อย่างกรณีบ้านหลังแรกที่สร้างด้วย 3D Printer ในประเทศเนเธอแลนด์ของคู่รักวัยเกษียณ เป็นการใช้วัสดุคอนกรีต 3 มิติ โดยผนังภายในคือยิปซั่มบอร์ด ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้รับการยอมรับในวงการก่อสร้างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมบ้านหลังนี้ยังได้รับการยืนยันจากนักพัฒนาด้วยครับว่า การใช้วัสดุคอนกรีตนี้ยังมีข้อดีกว่าการสร้างบ้านแบบเดิมๆ  ไม่ว่าจะในเรื่องของความแข็งแรง ความทนทานต่อดินฟ้าและสภาพอากาศ รวมถึงสามารถป้องกันเสียงรบกวนได้ดีมากๆ ด้วยครับ เพราะฉะนั้น มั่นใจได้เลยว่าบ้านจากเครื่อง 3D Printer อยู่ได้ปลอดภัยแน่นอนฟันธง!!

        สรุปบ้านจากเครื่อง 3D Printer น่าจะเหมาะกับใคร?

        อย่างที่ทางไอคอน บริษัทผู้ผลิตเค้าบอกแหละครับว่าจุดประสงค์ของการสร้างบ้านด้วยเครื่อง 3D Printer คือเค้าตั้งใจทำออกมาเพื่อสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยแก่คนไร้บ้าน หรือ กลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศที่กำลังพัฒนา เนื่องจากการสร้างบ้าน 3D Printer นั้นใช้เงินทุนที่น้อยเมื่อเทียบกับบ้านแบบเดิม รวมถึงยังเป็นการสร้างบ้านที่แทบไม่ต้องใช้กำลังคน อีกทั้งยังมีระยะเวลาในการก่อสร้างที่รวดเร็ว จึงค่อนข้างเหมาะกับกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่เยอะนัก 

        ซึ่งตรงนี้ผมมองว่ามันก็สอดคล้องกับโลกปัจจุบันนะ ที่จำนวนประชากรโลกหลายครัวเรือนเลยที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง หาในอนาคตมีการนำเทคโนโลยี 3D Printer มาใช้ในวงการก่อสร้างบ้านเรา ก็น่าจะทำให้คนที่มีรายได้น้อยมีโอกาสเข้าถึงปัจจัยหลักอย่างที่อยู่อาศัยง่ายขึ้นแน่นอนครับ