ถึงเวลาที่เราต้องจุดพลุเตรียมนับถอยหลังในส่วนของการปรับโฉมครั้งใหญ่ของ “สวนลุมพินี” รับการฉลอง 100 ปี ภายในปี 2568 นี้แล้วครับ

        สำหรับ “สวนลุมพินี” สวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ แห่งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นสวนสาธารณะใจกลางย่านธุรกิจ ที่มีคนใช้ 20,000-40,000 คนต่อวัน มาพร้อมกับพื้นที่กว้างใหญ่ 360 ไร่ใจกลางกรุง วิ่งกันได้จุกๆ

        ถ้าใครเคยไปจะต้องรู้สึกได้ครับว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการไปออกกำลังกายและการพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ

        เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ให้เดินให้วิ่งแล้วยังมีพื้นที่ในส่วนของการจัดแสดงดนตรียามเย็นอีกต่างหาก ได้ไปใช้เวลาในช่วงวันหยุดแล้วฟินมากๆ เลย

        แต่ถึงอย่างนั้นสวนลุมฯ ของเราก็ยังมีปัญหาเรื้อรังและมีพื้นที่หลายๆ ส่วนที่ต้องปรับปรุงอยู่เหมือนกัน

        นี่จึงนับได้ว่าเป็นโอกาสดีที่สวนลุมฯ แห่งนี้จะครบรอบ 100 ปีแล้วในอนาคตอันใกล้ก็เลยปรับโฉมใหม่เสียเลย

        ว่าแต่ในวาระดีๆ แบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นที่สวนลุมฯ บ้างนะ

        งานนี้เริ่มต้นที่การดึงเอาภูมิสถาปนิกไทยชื่อดังมาออกแบบปรับปรุงสวนลุมฯ จ้างบริษัทสถาปนิกออกแบบและพัฒนาพื้นที่ มี “อาจารย์กชกร วรอาคม” ภูมิสถาปนิกชาวไทย เจ้าของผลงานภูมิสถาปัตย์ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ สวนเกษตรลอยฟ้าใจกลางสยามสแควร์ Siam Green Sky อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี และสวนลอยฟ้าเจ้าพระยาหรือพระปกเกล้าสกายพาร์ค เป็นหัวเรือใหญ่

        ทางนี้มาพร้อมกับ 5 แนวคิดใหม่ของสวนลุมพินี คือ ประวัติศาสตร์, พื้นที่ผสานความหลากหลายทางวัฒนธรรม, Modern Recreation, การออกแบบสำหรับผู้ใช้ทุกคน และ Climate Action Park

        การปรับปรุงเปลี่ยนโฉมกันในครั้งนี้จะเริ่มต้นที่ 5 พื้นที่ก่อนเลยตามนี้

        1. ปรับพื้นที่สร้างกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมของเมือง ให้กลายเป็นพื้นที่การแสดง ศิลปะ และแหล่งเรียนรู้ บริเวณลานอาคารบันเทิง ปรับพื้นที่เวทีการแสดง โดยให้มีที่นั่งชมเป็นรูปวงกลม สามารถรองรับผู้ใช้งานกว่า 25,000 คน ตรงบริเวณลานเกษตรเมืองก็จะเพิ่มพันธุ์ไม้ ดอกไม้ตลอดแนว รวมถึงมีพื้นที่สำหรับให้ผู้คนได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้นครับ

        2. พัฒนาพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน ในส่วนนี้จะเน้นไปที่การปรับปรุงสวนป่าเพื่อการเรียนรู้ธรรมชาติ มีพื้นที่ป่าลักษณะต่างๆ มีน้ำตกจำลองระบบนิเวศ ลดปัญหาสภาพแวดล้อมของเมืองอย่างปัญหาฝุ่นด้วย

        3. พื้นที่ทำกิจกรรมที่หลายหลาย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กีฬา ลานหญ้า ลานสำหรับสัตว์เลี้ยง ลานศิลปะ และลานกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เตรียมที่จะปรับพื้นที่ทางเดิน ทางวิ่ง และทางจักรยาน รวมไปถึงศาลาเพื่อนวิ่ง ที่ที่เราสามารถพาเพื่อนที่เป็นคนพิการทางสายตามาวิ่งออกกำลังกายภายในสวนได้ด้วย

        4. การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคภายในสวน พื้นที่ถนนทางเดินตั้งแต่ประตูทางเข้า ร.6 ไปจนถึงฝั่งถนนวิทยุ นำสายไฟฟ้าลงดิน นำเกาะกลางออก พร้อมมีระบบหมุนเวียนน้ำในบึงน้ำและปรับปรุงระบบไฟฟ้าส่องสว่าง 

        5. มีจุดเชื่อมต่อสวนลุมพินี ตรงนี้ก็คือ สะพานเขียว และสวนเบญจกิติครับ มาพร้อมทั้งในส่วนของทางเดินและทางจักรยาน รอบรับการใช้งานให้สะดวกขึ้นกว่าเดิม

        อย่างที่เห็นก็คือหลักๆ แล้วจะเป็นการทำให้สวนลุมฯ สนุกขึ้น มีลักษณะการใช้งานแบบอเนกประสงค์ มีศูนย์นันทนาการ สมาคม ชมรมต่างๆ ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งต้นไม้อายุเก่าแก่ ดอกไม้นานาพันธุ์ สวนป่า สระน้ำ ผสานเข้ากับมิติของศิลปวัฒนธรรม

        พูดง่ายๆ ก็คือ ทลายกำแพงของสถาปัตยกรรมกับพื้นที่โดยรอบให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันนั่นแหละครับ

        และเพราะสวนลุมฯ อย่างที่รู้กันว่ามีพื้นที่มาก แต่กลับใช้งานเบียดเสียดกันอยู่ประจำจุด และบางจุดก็ถูกปล่อยให้ให้เป็นพื้นที่รกร้างที่ไม่ได้ใช้งาน

        ทางทีมเลยอยากจะเพิ่มในส่วนของพื้นที่ Paddle Board คายัคและเซิร์ฟสเก็ตเข้ามาด้วย เพราะตอนนี้คนรุ่นใหม่เองก็มีรูปแบบการออกกำลังกายหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปแบบเดิมๆ อย่างการวิ่งออกกำลังกายหรือรำไทเก๊กนี่นา

        การปรับปรุงสวนลุมฯ เริ่มเฟสแรกไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ครับ โดยเริ่มต้นปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานกับสาธารณูปโภคภายใน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบท่อ ระบายน้ำใต้ดิน แก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในบึง ปรับปรุงงานระบบไฟฟ้าส่องสว่าง หรือทางเดิน-วิ่งกับอาคารที่ทรุดโทรม

        ส่วนในเฟสที่ 2 นั้นจะเป็นการพัฒนาพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย กับเฟสที่ 3 เป็นการพัฒนาพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้งาน

        ความจริงแล้วผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่จะปรับปรุงสวนสาธารณะให้ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น และมันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าสวนสาธารณะบ้านเรายังนับว่ามีอยู่น้อยครับ

        ถ้าพูดถึงในเมืองใหญ่ๆ ของโลก สวนสาธารณะเองก็นับได้ว่าเป็นปัจจัยชี้วัดการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมืองเลยนะ

        ที่เราเห็นก็อย่างพวก Central Park นิวยอร์ก, Hyde Park ลอนดอน, Centennial Park ซิดนีย์ หรือ Imperial Palace East Garden Park โตเกียว อย่างของไทยแน่นอนว่าต้องนึกถึง “สวนลุมพินี” การปรับปรุงให้สวนสาธารณะแห่งนี้สามารถใช้งานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

        อย่างที่บอกไปว่าสวนสาธารณะบ้านเรายังนับว่าน้อยและอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานมากเท่ากับสวนสาธารณะในเมืองใหญ่ แต่การเริ่มต้นโปรเจ็คต์เหล่านี้อาจจะทำให้เราสามารถเห็นการปรับปรุงพื้นที่ในส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้นได้ครับ

        การมีสวนสาธารณะที่สร้างสรรค์และทันสมัย ขณะเดียวกันก็พัฒนาให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้อย่างเท่าเทียมจึงเป็นเรื่องสำคัญ

        อีกราวๆ 4 ปีข้างหน้า เราคงจะได้เห็นสวนลุมฯ โฉมใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม และผมก็หวังว่าจะเห็นการปรับปรุงพัฒนาสวนสาธารณะอื่นๆ ที่เอื้อเฟื้อต่อผู้ใช้งานอย่างเราๆ ได้มากขึ้นอีกในอนาคตนะ