นาน ๆ ทีเราจะได้เห็นโครงการขึ้นบนถนนวิภากันนะ แม้รถไฟฟ้าสายสีแดงจะเริ่มเปิดให้บริการแล้ว แต่ก็ยังไม่คึกคักในแวดวงอสังหาเท่าไหร่
แต่ล่าสุดไปเจอ Landmark at Kasetsart TSH Station ที่เปิดตัวมาสักพักแล้วผมว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
ตัวโครงการมีความพิเศษตรงที่เป็น Mixed-Use มีโรงแรม มีร้านค้า ทุกอย่างอยู่ครบจบในโครงการเลย แถมอยู่ติดกับรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตรเลยด้วย
หาไม่ง่ายนะโครงการที่ครบรอบด้านแบบจริงใจไปสุดแบบจัดเต็ม ทั้งการเดินทาง การอยู่อาศัย การกิน ไลฟ์สไตล์ ครบจบในที่เดียวแบบนี้ 555
เอาจริง ๆ ผมขอสารภาพก่อนเลยว่าไม่ค่อยได้ไปรีวิวคอนโดตามเส้นสายสีแดงเท่าไหร่ ถ้าให้พูดจากความรู้สึกการมาของรถไฟฟ้าก็ไม่ได้ทำให้เส้นนี้คึกคักมากนัก
พอมาเจอโครงการขนาดใหญ่แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะให้ให้ถนนวิภาวดีและรถไฟฟ้าเส้นนี้น่าสนุกและเป็นที่สนใจของตลาดมากขึ้นครับ
ภายในโครงการจะมาพร้อมกันถึง 3 อาคาร ซึ่งเป็นความโชคดีของที่ดินผืนนี้ที่เป็นแนวยาว ทำให้ตัวอาคารเรียงตัวกันไป ไม่มีการบังวิวกันเองอย่างแน่นอน
ซึ่งจากตอนที่ผมไปสำรวจก็เจอข้อดีอีกอย่างที่ว่ารอบด้านก็ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดเลยด้วย เพราะงั้นไม่ว่าจะอยู่อาคารไหน ฝั่งไหน ก็จะสามารถรับวิวได้อย่างจุใจแน่นอน
สำหรับตัวอาคารนั้นจะเป็นอาคารสูง 2 อาคารขนาบข้างอาคารจอดรถตรงกลาง ซึ่งสามารถรองรับการจอดได้ 166 คัน แบ่งเป็นที่จอดอัตโนมัติ 135 คัน และที่จอดปกติ 31 คัน
ส่วนอาคารในสุดจะเป็นส่วนของคอนโดมิเนียม และอาคารด้านหน้าสุดที่ติดถนนวิภาวดีเป็น Branded Residence ที่กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาครับ
โดยโครงการอยู่บนที่ดินประมาณ 3 ไร่ มีทั้งหมด 3 อาคาร รวมทั้งหมด 437 ยูนิต แบ่งเป็นจำนวนที่พักอาศัย 428 ยูนิต และร้านค้า 9 ยูนิต
เรื่องร้านค้าเนี่ยแหละที่ผมว่าน่าสนใจ เพราะมันคือตัวบ่งบอกความเป็น Mixed-Use อย่างสมบูรณ์แบบ มีพร้อมด้วยร้านอาหาร ร้านค้า และพื้นที่กิจกรรมหลากหลาย
ซึ่งทางโครงการจัดให้อยู่บริเวณด้านล่างอาคาร ยาวตลอดทั้ง 3 อาคาร โดยอาคาร A มี 6 ร้าน อาคาร B มี 2 ร้าน และ อาคาร C มี 1 ร้าน รวมทั้งหมด 9 ร้าน
รับรองว่าใครที่อยู่ที่นี่จะมีความอุดมสมบูรณ์แน่นอน ไม่ต้องออกไปไหนไกล สามารถใช้ชีวิตได้ครบจบในที่เดียว สบาย ๆ ไปเลยค้าบ
มาเจาะลึกในส่วนของคอนโดกันหน่อย ตัวอาคารนี้จะมีความสูง 19 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 236 ยูนิต และยังมีพื้นที่ของ Retail Shop ที่อยู่ชั้นล่างด้วย
และแม้ตัวอาคารจะเป็นตึกเรียงตัวกัน แต่ทางโครงการเค้ายังเปิดรับความร่มรื่นของธรรมชาติในพื้นที่สีเขียวรอบโครงการกับมุม Tropical Paradise
ซึ่งแน่นอนว่าการอยู่โครงการที่มีพื้นที่สีเขียวสอดแทรกอยู่ มันช่วยให้คุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยดีขึ้นมาก ๆ และเค้าก็ใส่ไปแทบจะทุกจุดในพื้นที่ส่วนกลางเลยด้วย
เริ่มจากล็อบบี้ที่อยู่ชั้นล่างสุด Elite Lobby เป็นล็อบบี้ที่มีความโอ่โถงด้วยเพดานที่สูงโปร่ง เปิดโล่งรับวิวได้รอบด้าน สามารถเห็นสวนภายนอกแบบสบายตา
ผมชอบที่การตกแต่งภายในล็อบบี้ทั้งหมดเค้าตกแต่งด้วยโทนสีขาวเทา ชวนให้ดูสะอาด และสวยหรูอย่างมีระดับ นัดเพื่อน นัดใครมาเจอนี่โอเคเลย
ถัดจากล็อบบี้ก็จะกระโดดไปขั้นบนสุด ซึ่งทางโครงการจัดพื้นที่ส่วนกลางหลัก ๆ มาไว้รวมกันให้ลูกบ้านสามารถขึ้นมารับลมชมวิวสวยได้แบบรอบด้านไปพร้อม ๆ กับการใช้พื้นที่ส่วนกลาง
Panoramic Gym พื้นที่ออกกำลังกายขยับเส้นสายร่างกาย ที่เปิดรับชมวิวเมืองได้แบบ Panoramic ชวนให้ออกกำลังกายท่ามกลางวิวสวยได้อย่างมีระดับทั้งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และเวทเทรนนิ่ง
Serene Pool & Jacuzzi พื้นที่ของช่วงเวลาผ่อนคลายไปกับสระว่ายน้ำพร้อม Jacuzzi ที่มีระบบ White lon Bath ที่ชวนให้สัมผัสวิวสวยรอบด้านแบบสุดสายตาของชั้นบนสุด
และถ้าใครคิดว่าที่ผมเล่ามาทั้งหมดนั้นเป็นไฮไลท์เด็ดของโครงการแล้ว บอกเลยว่าคิดผิดครับ เพราะนอกจากส่วนกลางแล้วตัว "ยูนิตพักอาศัย" เค้าก็น่าสนใจมาก
สำหรับห้องพักอาศัย มีให้เลือกทั้งหมด 2 Type
- Flexi type ขนาด 38 ตารางเมตร
- Grand type ขนาด 44.5 ตารางเมตร
ที่นี่มีการออกแบบห้องพักอาศัยให้เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงทั้งหมด ทำให้ไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนที่อยู่โครงการนี้จะได้ฟีลเหมือนอยู่บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น
ซึ่งเอาจริงก็ถือเป็นจุดขายของแบรนด์นี้และค่ายนี้เค้าอยู่แล้ว เท่าที่ผมจำได้ที่นี่น่าจะเป็นที่แรก ๆ ที่มีห้องน้ำทั้งชั้นบนและชั้นล่างให้เลย
โดยชั้นบนจะเป็นห้องน้ำแบบ Power Room ทำให้ตอนกลางคืนไม่ต้องลงมาเข้าห้องน้ำด้านล่าง ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของห้องเพดานสูง ที่แตกต่างแต่ลงตัวมากๆ
จากแปลนของห้องแบบ FLEXI จะเห็นว่าเมื่อเข้าห้องไปจะเจอฟังก์ชั่นห้องนั่งเล่น และห้องน้ำก่อน โดยได้เชื่อมต่อไปยังบันไดขึ้นด้านบนของห้อง
ส่วนด้านล่างก็อย่างที่ผมบอกว่าเค้ายังมีห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้อง เราสามารถปรับชั้นล่างให้เป็นไปตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย เพิ่มเป็นห้องนอกได้อีกห้องด้วย
ซึ่งห้องแบบ Flexi ที่เป็นตัวชูโรงนี้จริง ๆ แล้วมีขนาดพื้นที่เพียง 25 ตร.ม. เท่านั้นเองนะ แต่พอทำเป็น 2 ชั้นแล้วก็ช่วยเพิ่มขนาดพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นถึง 38 ตร.ม.
โดยทางโครงการจะมีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted ที่ให้เฟอร์นิเจอร์เฉพาะตู้เสื้อผ้า Built-in แอร์ 2 เครื่อง และ Wallpaper พร้อมกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่างเลยครับ
อีกอย่างที่น่าสนใจคือถ้าใครไปดูห้องตัวอย่างที่สำนักขายจะเห็นว่าภายในห้องพักอาศัยไม่มีครัว รวมถึงเค้าเตอร์เตรียมอาหารอะไรเลยนะ
ตอนแรกผมเองก็งงคิดว่าเค้าจะไม่ได้ให้ ซึ่งถ้าหากไม่มีจริง ๆ การพักอาศัยระยะยาวก็อาจจะเป็นเรื่องลำบาก ยิ่งสำหรับใครที่ชอบทำอาหารด้วย 555
แต่จริง ๆ แล้วเค้ามีนะ!!!
ทางโครงการเลือกที่จะยกพื้นที่ส่วนนั้นมาไว้ตรงระเบียงแทน โดยทำเป็นพื้นที่ครัวแบบลอยตัว หรือตั้งโต๊ะใช้แก๊สปิกนิคธรรมดานั่นแหละ
ผมว่ามันก็ดีนะ สำหรับคนที่ซื้อคอนโดเองย่อมมีคนบางกลุ่มที่ไม่ทำอาหารเลยยยยยยย การที่เค้าเอามาโชว์ตรงนี้ก็จะได้เห็นพื้นที่ภายในในมุมอื่นมากขึ้น
หรือถ้าคนที่จะทำครัวจริง ๆ ก็สามารถบิ้วท์เพิ่มภายในเองเมื่อเข้ามาอยู่อาศัยแล้วก็ได้ เพราะภายในจริง ๆ ก็ยังมีพื้นที่เหลืออยู่เตรียมไว้ให้แล้ว
แต่ถ้าใครชอบให้เหมือนห้องตัวอย่างที่อยู่ภายนอกผมว่าก็โอเคอยู่นะ เพราะระเบียงที่นี่ถือว่ากว้างกว่าคอนโดทั่วไป และยังไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นที่จะเข้ามารบกวนในห้องด้วย
ที่ผมชอบอีกอย่างคือห้องบนชั้นสองที่เป็นห้องนอนเค้าออกแบบให้มีการกั้นห้องไว้ให้แล้วเรียบร้อย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิดแอร์แบบที่ใครหลายคนกังวล
ต่างจากคอนโดสองชั้นส่วนใหญ่ที่มักจะทำพื้นที่ชั้นสองเป็นเพียงระเบียง และใช้ผ้าม่านมาเป็นตัวช่วยในการกั้นพื้นที่และเพิ่มความเป็นส่วนตัวครับ
อย่างไรก็ตามโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station ได้มีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted โดยจะให้ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง วอลเปเปอร์และกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่างเลยครับ
เรื่องทำเลก็อย่างที่บอกเนอะว่าเค้าอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้องแบบ 0 เมตร ตอนนี้อาจจะไม่คึกคักมาก แต่อนาคตก็ยังน่าจับตาครับ
- 0 เมตร* จากรถไฟฟ้าสายสีแดง ติด ถ.วิภาวดี และดอนเมืองโทลล์เวย์
- 1 นาที* ถึงม.เกษตร
- 5 นาที* จากสนามบินดอนเมือง
- 5 นาที* ถึงลาดพร้าว อินเตอร์เชนจ์
รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ทั้งเซ็นทรัลลาดพร้าว เมเจอร์รัชโยธินและยูเนี่ยนมอลล์ ใกล้ออฟฟิตทั้ง ปตท. สํานักงานใหญ่ การบินไทย เบทาโก ไทยรัฐ เดลินิวส์ และอีกหลายที่สำคัญเลยครับ
มาดูราคากันบ้างครับ ราคาของคอนโด Landmark at Kasetsart TSH Station เริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาทเท่านั้นครับ
ซึ่งนับว่าเป็นราคาเอื้อมถึงได้ง่ายไม่ว่าจะเป็น First Jobber หรือวัยทำงานที่อยากซื้ออยู่เองก็คุ้มค่า หรือแม้แต่กลุ่มนักลงทุนก็สามาถปล่อยเช่าทำกำไรได้สบาย ๆ เลยนะ
- ห้องขนาด 38 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท*
- ห้องขนาด 44.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.80 ล้านบาท*
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจก็อย่าลืมแวะเวียนไปชมที่ห้องตัวอย่างกันก่อนได้ครับ ไว้เดี๋ยวมีรายละเอียดเรื่อง Branded Residence จะมาอัพเดทกันอีกทีนะครับ
Tag :
“โอ้โห ได้วิวนี้เลยเรอะ คอนโดอยู่ตรงนี้เลยจริงดิ นี่มันอยู่ท่ามกลางดง รีสอร์ท โรงแรม เลยนะ“ ผมเผลอหลุดปากออกมา เมื่อได้เห็นภาพโครงการครั้งแรก
"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
ในที่สุดที่ดินตรงหัวมุมพญาไท ต้นซอยรางน้ำ ที่ล้อมรั้วกันที่ไว้นานน๊านนานแล้วก็ลุ้นกันอยู่เป็นปีว่าจะขึ้นโปรเจกต์อะไร สรุปวันนี้ก็ได้ออกหัวออกก้อยแล้วในที่สุดครับ
ถ้าใครแวะไปสีลมจะเห็นได้ว่าเดิมทีมันมีที่ดินว่างติด BTS ศาลาแดง บริเวณข้าง Silom Complex อยู่
เอ๊ะ!! ปีนี้แบรนด์ 'Life' จาก AP มาติดๆ กันเลยแหะ!!
"MX27" ช่วง "อโศก-พร้อมพงษ์" นี่มันดงโรงแรมชัดๆ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางไกลนับพันกิโลเมตร
เมื่อคนซาก็ได้เวลาไปกิน "CHICHA San Chen" ชานมไต้หวันฉบับออริจิ้นเทียบเท่ามิชลิน 3 ดาว!
วันก่อนไปเจอคาเฟ่หนึ่งมาครับ ชื่อร้านว่า Second Cafe Wanglang ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ตรอกวัดระฆัง ตรงวังหลังนี่เอง
เปิดประสบการณ์ "Pavilion Luncheon Experience" เซ็ตอาหารไทยเบาๆ 4 ที่จากโรงแรม Dusit Thani Bangkok
ใครจะไปอินช่วงเทศกาลเท่า 'คริสปี้ ครีม' ล่าสุดเข้าเดือนเมษายน ก็ส่งโดนัทและเครื่องดื่มแบบไทยๆ 4 รสชาติ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ กับ Thai Sweet Selection