ทำเล “วงแหวน-จตุโชติ” บูมสุด ๆ ไปเลยครับ โดยเฉพาะตลาดบ้านหรู พลูวิลล่า นี่ฮอตมาก ใครผ่านไปโซนนั้นจะเห็นได้เลยว่าขโครงการขึ้นเยอะจริง ๆ 

        อย่างล่าสุด "BLESS" ก็ออกมาโชว์ความสำเร็จยอดขาย “เบล็สซิงตัน วงแหวน-จตุโชติ” ที่ทะลุกว่า 100 ล้าน โดยใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้นเอง แค่นี้ก็การันตีดีกรีได้แล้วเนอะ 5555

        โครงการ “เบล็สซิงตัน วงแหวน-จตุโชติ” เป็นโครงการแรกที่บริษัทฯรุกตลาดบ้านหรู ซึ่งจากยอดจองเฟสแรกที่เปิดตัวสะท้อนผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าและเชื่อว่าโครงการน่าจะปิดการขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยความสำเร็จดังกล่าวมาจากปัจจัยหลักดังนี้

        โดยทำเลมีศักยภาพสูงอันดับต้น ๆ ของฝั่งกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ทั้งการคมนาคมที่สะดวก สามารถเชื่อมต่อทั้งถนนสายหลักและสายรอง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคต และแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่อ

        การใช้ชีวิต ขณะคุ้มค่า คุ้มราคาสะท้อนจากบ้านเดี่ยวหรูพูลวิลล่า “เบล็สซิงตัน วงแหวน-จตุโชติ” โครงการแรกของบริษัทฯ ที่เปิดตลาดในระดับราคาเริ่ม 10-20 ล้านบาท แต่ได้พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 320-450 ตารางเมตร(ตร.ม.) บนพื้นที่ดินขนาดตั้งแต่ 60-106 ตารางวา(ตร.ว.) มุ่งเน้นถึงคุณภาพและมาตรฐานการก่อสร้างที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ซึ่งบริษัทฯ มีแนวคิดหลักในการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานของบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้สอยจริงในทุกตารางเมตร และเป็นครั้งแรกที่ BLESS ร่วมกับพาร์ทเนอร์กว่า 10 แบรนด์ชั้นนำ เช่น TOSTEM, SCG, CHRISTINA, DAIKIN, แบรนด์สระว่ายน้ำชั้นนำ ส.นภา และอื่นๆ โดยพาร์ทเนอร์คู่ค้าทางธุรกิจ ต่างมีความตั้งใจเดียวกัน สร้างบ้านเดี่ยวหรูในราคาที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อส่งมอบคุณค่าที่แท้จริงให้ลูกบ้านและลูกค้าทุกคน

        ที่สำคัญดีไซน์สวย-คอนเซ็ปต์ตอบโจทย์ ซึ่งเป็น บ้านเดี่ยวหรูพูลวิลล่า Modern Irish Classic Style สังคมส่วนตัว เพียง 77 ครอบครัว ได้แรงบันดาลใจการออกแบบจาก เมืองเบล็สซิงตัน ประเทศไอร์แลนด์ ที่เงียบสงบ สวยงาม มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ้านทุกหลัง ตั้งอยู่บนถนนหลักของโครงการแบบ Private Central Park Lane สามารถมองเห็นสวนส่วนกลาง และพักผ่อนกับร่มไม้ใหญ่ที่ทอดยาวกว่าร้อยต้น ช่วยบังสายตา สร้างอากาศบริสุทธิ์ 

        พร้อมกันนี้นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวให้ความเห็นในตอนท้ายว่า แม้ภาพโดยรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างมาตลอดทั้งปี 2566 และอาจลากยาวไปถึงปี 2567 ส่งผลให้ธุรกิจมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่สำหรับตลาดบ้านหรูกลับไม่ส่งผลกระทบมากนัก

        โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังเติบโตต่อเนื่องไปพร้อมๆ กับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นตลอด 3 ปี ที่ผ่านมาและคาดว่าจะยังคงคึกคักต่อเนื่องตามการเกิดขึ้นของกลุ่ม “คนรวยรุ่นใหม่” ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือเป็น Potential Customersที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจในการซื้อสินค้าหลักของตลาดและเป็นตัวแปรหลักของเศรษฐกิจในอนาคตด้วย