“ถ้ารู้ว่าโตขึ้นมา ต้องมาขับ Taxi แบบนี้ ตอนเด็กผมคงตั้งใจเรียนน้อยกว่านี้แล้วล่ะ 555” (2)
ความเดิมตอนที่แล้วแบบเต็ม สามารถกดอ่านจากลิงค์ในคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะ
แบบย่อๆคือ ผมได้คุยกับพี่คนขับ Taxi ที่รับงานจาก G เฉพาะ G Taxi เท่านั้น ร่วมกับการ วนหาลูกค้าเอง มีรายได้วันละ 3-5,000 และประมาณ 1 แสนกว่า/เดือน
หลังจากนั้นสัก 1-2 เดือน ผมก็ได้ใช้บริการ Taxi อีกครั้ง แต่คราวนี้ เป็น Just G ซึ่งจะมีคนรับงานที่กว้างขึ้น
ส่วนใหญ่ ผมจะเลือก Just G ในช่วงเร่งด่วน เพราะจะหารถง่ายกว่า แลกกับค่าบริการที่เพิ่มขึ้น อาจจะ 10-30 กว่า % เลย
คราวนี้ได้คันที่แปะ G อยู่รอบคัน เป็นรถ EV ใหม่ๆ
“อันนี้คือ รถของ G รึครับพี่? เป็นแบบเช่าไหม?”
“ใช่ครับ ผมทำสัญญาเช่าไว้ 3 เดือน ค่าเช่าตกวันละ 800 จะขับแค่ไหนเวลาไหนก็ได้ นอกจากค่าไฟที่ต้องชาร์จ ไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม มีประกันให้ด้วย (ไม่รู้ว่าชั้นไหนแหะ)”
“แล้วต้องส่งรถไหมครับ ถ้ารถเสียล่ะ?”
“ไม่ต้องส่ง ผมขับมือเดียวเลย จะไปส่งคืน ก็ตอนครบสัญญา รถเสีย ก็ซ่อมฟรี (โอ้ ดีแหะ)”
“แล้วเวลารับลูกค้าแบบ Just G กับ G Taxi รายได้ต่างกันแค่ไหนครับ”
“ผมรับแต่ G Premium นะ โดยปกติ จะได้ค่าโดยสารเยอะกว่า มีเสีย GP แต่ก็ยังได้เยอะกว่าอยู่ดี ยิ่งพอเราเอารถจาก G จะเสีย GP น้อยลงเป็นครึ่งเลย เหลือแค่ 10-15% (คะแนนคนขับมีผล)”
“เมื่อก่อน ผมก็เอารถตัวเองขับ ขับไปขับมา รู้สึกว่า รถมันโทรม ต้องมาเสียค่าบำรุง แถมยังเสีย GP เยอะ เลยเปลี่ยนมาแบบนี้ดีกว่า”
“ด้วยความที่ไม่ต้องวนหาลูกค้า ก็ประหยัดได้ ค่าไฟเฉลี่ยก็ตก กม.ละ 1 บ. เติมตามปั๊มบ้าง ที่บ้านบ้าง รายได้ต่ำๆก็วันละ 3-4,000 5-6,000 ก็มี”
“เดือนๆหนึ่งหักโน่นนี่แล้ว ได้สัก 60,000+” (ว้าว)
“เอ รายได้ดูน่าพอใจจังครับ แล้วทำไม ผมเห็นหลายคนบ่นว่า รายได้น้อย”
พี่คนขับบ่นว่า “ก็เป็นไอ้พวกที่เลือกงาน รับแต่ต่างชาติเหมาๆ นี่ละครับ มังแต่เลือก มัวแต่รอ ไม่ปรับตัว แถมมาทำให้พวกผมดูแย่กันไปด้วยหมด”
เออ เอาจริงๆรายรับของพี่คนขับ Taxi ทั้ง 2 ไม่ค่อยต่างกันนะ จะมาต่างเรื่องค่าใช้จ่าย ต่างแนวคิด แต่ก็ดีทั้งคู่
จุดร่วมของพี่ทั้ง 2 คือ “ไม่เลือกงาน ไปหมดทุกที่” และขยันมาก วันหนึ่งขับต่ำๆก็ 12 ชม. ฟ้าสางยันตะวันตกดินทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด
หลังจากที่ผมคุยมานาน ผมรู้สึกว่า G ทำให้วงการ Taxi เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ