ผ่านครึ่งปีแรกไปอย่างดุเดือดเลยทีเดียวครับ ล่าสุดทางด้าน 'เอสซีฯ' เผยผลงานครึ่งปีแรก สามารถสร้างรายได้ไปแล้วถึง 10,136 ล้านบาท เติบโต 12% ประกาศลุยต่อครึ่งปีหลังกับ 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 23,000 ล้านบาท

        เอสซี แอสเสท เผยถึงปัจจัยที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2566 ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดโครงการใหม่ ทั้งแนวราบ และ แนวสูง ซึ่งที่ผ่านมา SC ได้เปิด 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ 95E1 (ไนน์ตี้ไฟว์ อีสต์วัน) คือ Ultra Luxury Residence โครงการใหม่ระดับ 100 ล้านบาท บนทำเลเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพียง 10 ยูนิต และ COBE (โคบบ์) รัชดา-พระราม9 คอนโดมิเนียม ใจกลางย่านธุรกิจ ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม ราคาเริ่ม 2.39 ล้านบาท

        รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง “โตเกียว ทาเทโมโน” (Tokyo Tatemono) กับการร่วมทุนโครงการแรก คือ เรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท และยังคงมีแผนร่วมทุนกันในอนาคต

        โดยผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 10,136 ล้านบาท เติบโต 12% (YoY) แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 95% และรายได้จากการเช่าและบริการ 5% มีกำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เติบโต 16% (YoY) โดยรายได้หลัก จากการขาย 9,621 ล้านบาท เติบโต 12% มาจากรายได้โครงการ แนวราบ 7,597 ล้านบาท และรายได้จากโครงการแนวสูง 2,024 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 111% (YoY) 

        ซึ่งปัจจัยหลัก มาจากการโอน 2 โครงการระดับ Super Luxury ได้แก่ 28Chidlom, SCOPE Langsuan และมียอดขายรอโอนหรือ Backlog รวม 13,009 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 โดยคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2566 แล้วในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 6 กันยายน 2566

        ครึ่งปีหลัง บริษัทฯ พร้อมเปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนบราบ 13 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ บ้านชั้นนำจาก SC อาทิ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด , บางกอก บูเลอวาร์ด , เดอะ เจนทริ, เวนิว ไอดี และ วีคอมพาวด์ และ แนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ COBE และ SCOPE พร้อมกันนี้ อีกทั้ง SC ยังมีโครงการเพื่อขายรวมทั้งหมด 74 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 81,000 ล้านบาท ในสัดส่วนแนวราบ 70% และแนวสูง 30% และ เชื่อมั่นว่าจะทำสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้