“ต่อให้จบคอร์สนี้ไปแล้ว เด็กบางคนจะตัดสินใจว่าไม่อยากมาทำงานภาคอสังหาฯ อีกต่อไป ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะเค้าจะไม่ต้องเสียเวลาไปลองอีก”

        สิ่งที่ผมจินตนาการไว้ก่อนจะแฝงตัวเข้าไปในคลาส ‘พี่น้องคุยกัน’ ที่ ‘พี่อนุพงษ์ อัศวโภคิน กับ พี่พิเชษฐ วิภวศุภกร’ 2 บอสใหญ่แห่ง AP มานั่งคุยกับ ‘น้องๆ นักศึกษา 40 คน’ ในโรงเรียนอสังหาฯ ที่ชื่อ ‘AP Open House’ ….. กลับไม่เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในห้องนั้นเลย

        บ่ายสามคือช่วงเวลาที่ ‘ความง่วง’ ทรงพลังมากที่สุด และถึงแม้ผมจะรู้ว่าลีลาการบรรยายของ ‘คุณอนุพงษ์’ สนุกแค่ไหน บอกเลยว่าระดับ ‘เดี่ยวพี่โน้ส’ แต่ที่ผมเซอร์ไพรส์ก็คือ น้องๆ ทั้ง 40 คน ไม่มีใครละความสนใจไปจาก พี่ๆ ทั้ง 2 คนเลย!

        ในทางกลับกัน ภาษากายของน้องๆ กลับ กระตือรือร้น สนใจ ตั้งคำถาม หัวเราะ ครุ่นคิด แบบที่ผมตอนอายุเท่ากันคงกำลังนั่งสัปหงกอยู่!

        ถ้าไม่ติด PDPA ก็อยากจะถ่ายรูปมาให้ดูว่าน้องๆ สนุกกับคลาสนี้กันแค่ไหน แต่บอกได้เลยว่ามันทำให้ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปด้วย ทั้งสนุกกับการฟัง ‘คุณอนุพงษ์’ กับ ‘คุณพิเชษฐ’ และ สนุกกับการเฝ้ามองน้องๆ ถามคำถามกับ พี่ๆ ทั้ง 2 คน แบบเลยเวลาที่กำหนดไว้ 1 ชั่วโมงไปเยอะมาก

        “มีเวลาให้ผมตอบคำถามสัก 5 วัน มั้ยล่ะ?”

        คุณอนุพงษ์ เกริ่นก่อนตอบคำถามสุดท้ายจากน้องๆ เรียกรอยยิ้มจากคนฟังเกือบทุกคน ยกเว้นพิธีกรที่กำลังควบคุมเวลา 

        ผมเคยฟัง ‘คุณอนุพงษ์’ พูดในหลายเวทีใหญ่มาก่อน แต่ไม่เคยเห็นแกมีความสุขเท่ากับการพูดในคลาสเล็กๆ แบบวันนี้เลย 

        “ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเล่าความสำเร็จของ AP ให้ทุกคนฟัง ไปอ่านเอาเองก็ได้ แต่เรื่อง Outward Mindset นี่แหละ ที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกคุณ มันใช้ได้กับทุกเรื่อง”

        เพราะมันเคยเปลี่ยนชีวิต ‘คุณอนุพงษ์’ กับ ‘คุณพิเชษฐ’ มาแล้ว ….. 

        ย้อนไปในปี 2016-2017 AP มียอดขายติดอยู่ที่ 20,000 ลบ. มานานหลายปี ไม่ก้าวหน้าไปไหน แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ บอสทั้ง 2 คนเริ่มรู้สึกว่าการทำงานมันน่าเบื่อ แย่งกันอยากจะรีไทร์ทั้งคู่!

        “ผมกับคุณพิเชษฐ เป็นคนที่ต่างกันสุดขั้ว ทำงานกันมากว่า 30 ปี แต่ไม่เคยกินมื้อเย็นด้วยกันสักมื้อ!” 

        “จนวันหนึ่งผมไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เกี่ยวกับ Outward Mindset ของ ดร.เทอรี่ วอร์เนอร์ (Dr. Terry Warner)”

        “ผมซื้อมาและอ่านรวดเดียวจบใน 1 วัน ผมชอบมาก และส่งต่อให้คุณพิเชษฐอ่าน แกก็ชอบมาก จนเราทั้ง 2 คนอยากจะเจอตัวจริงของ ดร.เทอรี่”

        ด้วยความพยายามอย่างแน่วแน่ สุดท้าย ดร.เทอรี่ จึงยอมมา coaching ให้กับ ‘คุณอนุพงษ์’ กับ ‘คุณพิเชษฐ’ (ซึ่งเป็นสองคนสุดท้ายที่ ดร.เทอรี่ coach ให้) ผ่านการ Zoom ในราคา 12,500 เหรียญสหรัฐ ดูเหมือนแพง แต่ถ้าบอกว่ามันทำให้หลังจากนั้น AP มียอดขายเติบโตทะลุ 40,000 ล้านบาท!!! ก็ต้องบอกว่า ….

        ‘มันถูกมากกกกกกก’

        เล่ามาถึงตอนนี้ น้องๆ ทุกคนก็อยากจะรู้เเล้วว่า Outward Mindset คืออะไร?

        “คนเราปกติจะเริ่มต้นด้วยการหวังดีต่อคนอื่นเสมอ แต่พอเจอการตอบสนองที่ไม่ดีกลับมา เราก็จะรู้สึกไม่ดีกลับไปทันที Outward Mindset บอกว่าเมื่อเรารู้สึกแบบนั้น ให้หา 3 ข้อของคนอื่นให้เจอ

        1. Need : ความจำเป็น (ของเค้า)

        2. Objective : จุดมุ่งหมาย (ของเค้า) 

        3. Challenging: ความท้าทาย (ของเค้า) 

        ทั้งหมดนี้เรียกแบบไทยๆ เข้าใจง่ายๆ ว่า 

        “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”

        ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนมาขโมยเงินของเราไป เราต้องโกรธมากแน่ๆ แต่สมมติว่า พอเรามารู้ความจริงว่าเค้าไม่มีเงิน จึงขโมยเงินเราไปซื้อนมให้ลูกเค้าที่เพิ่งคลอด เราก็จะโกรธเค้าน้อยลง จนถึงขั้นไม่โกรธเลยก็เป็นได้

        เป็นเพราะเรารู้ 1. ความจำเป็นว่าเค้าไม่มีเงิน 2. เค้าขโมยเงินไปซื้อนมให้ลูก 3. ความท้าทายที่เค้าต้องทำตัวไม่ดีที่มาขโมยเงินของคนอื่นซึ่งคนปกติไม่อยากทำ 

        แล้วแนวคิดแบบนี้ทำให้ AP เติบโตได้อย่างไร? 

        “เริ่มจากมันทำให้ผมกับคุณพิเชษฐเข้าใจกันมากขึ้น ผมเริ่มเข้าใจว่าที่คุณพิเชษฐตัดสินใจในสิ่งต่างๆ ที่ผมเคยโกรธ เคยไม่พอใจ มันมีเหตุผลอะไร ในทางกลับกันคุณพิเชษฐก็เข้าใจผม”

        “พอเข้าใจกัน มันก็ฟังกัน สุดท้ายการทำงานก็จะมีวิธีการที่สร้างสรรค์ เกิด innovation ใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ” 

        ประโยคที่คมที่สุดประโยคหนึ่งจากคุณอนุพงษ์ก็ตามมา 

        “Innovation = วิธีแก้ปัญหาที่ไม่เคยใช้กับปัญหานี้มาก่อน และได้ผล”

        ผมนั่งเลือดออกซิบๆ อยู่ตรงริมห้อง 

        AP ใช้ Outward Mindset เป็นแกนหลักของบริษัท ไม่ใช่แค่คุณอนุพงษ์และคุณพิเชษฐ แต่ทุกคนในองค์กรต้องยึดถือเรื่องนี้เป็นอันดับ 1 

        ผมแอบมองน้องๆ ทั้ง 40 คน ในเสื้อ Jacket สียีนส์สุดเท่ห์ ปักป้าย AP Open House เป็นระยะๆ ทุกคนนั่งฟังด้วยแววตากระตือรือร้น ไม่มีแม้สักคนที่โดนความง่วงลักพาตัวไป ที่รู้ก็เพราะผมตั้งใจจับผิดอยู่!

        ที่สำคัญ หลังจากที่คุณอนุพงษ์เปิดโอกาสให้ถาม ก็แย่งกันยกมือไม่ขาดสาย เด็กรุ่นนี้ช่างกล้าหาญแตกต่างจากรุ่นผมจริงๆ 

        ผมไม่แปลกใจเลยที่ ‘AP Open House’ เดินทางมาถึงปีที่ 8 พร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนความสุขของ ‘คุณอนุพงษ์’ กับ ‘คุณพิเชษฐ’ ในคลาสเล็กๆ วันนี้ 

        ผมเคยเขียนลงในเพจก่อนหน้านี้ว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาฝึกงานที่นี่ และวันนี้ขออนุญาตอิจฉาน้องๆ ทั้ง 40 คน ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ 

        หลังจากนี้ 4 จาก 40 คน จะถูกคัดเลือกเพื่อร่วมเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น กับ บริษัท Mitsubishi Estate ที่เป็นพันธมิตรกับ AP มายาวนานเข้าปีที่ 10 

        ในฐานะที่เคยไปดูมาแล้ว ต้องบอกว่ามันมีค่ายิ่งนัก ‘มีเงินก็ซื้อไม่ได้’ กับโอกาสทองแบบนี้ ถ้าไม่ได้ไปกับ AP ก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้ดูอะไรที่เปิดโลกทัศน์ขนาดนั้น 

        ผมมั่นใจว่าน้องๆ ทั้ง 40 คนจะได้ประโยชน์จากช่วงเวลา 2 เดือน ที่มาฝึกงานกับ AP อย่างมหาศาล

        “ต่อให้จบคอร์สไปแล้ว เด็กบางคนจะตัดสินใจว่าเค้าไม่อยากมาทำงานกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีกต่อไป ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะเค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปทดลองทำงานจริงในอนาคตอีก”

        คุณอนุพงษ์กรีดผมอีกหนึ่งแผล 

        ทุกวันนี้ผมรู้จักบุคคลากรที่ทำงานในบริษัทอสังหาฯ หลายแห่งที่ผ่านการฝึกงานมาจาก ‘AP Open House’ และทุกคนยืนยันกับผมว่าการฝึกงานที่นี่ ‘ดีจริงๆ’

        AP เดินทางมาเกินกว่า 30 ปี ถ้าเปรียบเป็นคนก็เริ่มมีลูกกันแล้ว เด็กๆ เหล่านี้ก็เปรียบเหมือนลูกๆ ‘AP Open House’ ก็คือ โรงเรียนชั้นดีที่สร้างเด็กๆ เหล่านี้ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ 

        AP ไม่ได้แค่หาคนมาทำงานในองค์กร แต่ได้ ‘สร้าง’ บุคคลากรที่มีคุณภาพต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาประดับวงการอีกด้วย 

        ช่างเหมาะสมกับประโยคที่ ‘น้องบิวกิ้น’ ได้กล่าวไว้ในงานวันเปิดตัวเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของ AP และเป็น motto ของบริษัทมาหลายปี

        ‘AP ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้’