BTS : เพลินจิต / /
25 Jun 2023 17:26ช่วงนี้มันจะมีพิกัดนึงที่เป็นแหล่งเช็คอินใหม่ของชาวโซเชียลครับ เห็นแชะภาพมาลงกันแทบทุกแพลตฟอร์ม นั่นคือหน้าร้านสาขาใหม่ของ "%ARABICA" ที่หน้าตึก "OCC: One City Centre"
ผมเพิ่งมีโอกาสได้ไปเปิดบ้านกับเค้าก็อดไม่ได้ต้องแชะภาพตามกระแสซะหน่อย แต่ยอมรับเลยว่าตึกเค้าออกแบบได้สวยจริง เหมือนไม่ใช่ตึกสำนักงานเลยแน่ะ!
เพราะหนึ่งในจุดเด่นของ OCC คือ การออกแบบตึกเป็นเชิงลึก ยกพื้นที่ด้านหน้าขนาดใหญ่ไปทำเป็นสวนสีเขียวที่ไม่ใช่เพียงแค่พนักงาน แต่คนทั่วไปก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้เช่นกันครับ
จะว่าไปการเอื้อประโยชน์ในส่วนของพื้นที่สีเขียวให้คนทั่วไปสามารถเข้ามานั่งพักหลบแดดได้ก็เริ่มมีให้เห็นในอาคารสำนักงานรุ่นใหม่ๆ ของบ้านเราเหมือนกันนะ
แต่นอกจากพื้นที่สวนด้านหน้าแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านี้ครับ เดี๋ยวเอาไว้พูดหลังจากนี้แล้วกัน
สำหรับ "OCC: One City Centre" เป็นอาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่ถ้าหากให้วัดกันในตอนนี้แล้วก็นับได้ว่าเป็นตึก Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทยด้วย
การันตีด้วยความสูง 61 ชั้น หรือ 275.76 เมตร ใช้ลิฟต์ทีหูอื้อทั้งขาขึ้นขาลงครับ 5555 แต่ลิฟต์เค้าเร็วมาก ดังนั้นหูอื้อแป๊บเดียว ไหวอยู่
โครงการนี้เป็นบิ๊กโปรเจกต์ร่วมทุนระหว่าง "ไรมอน แลนด์" กับ "มิตซูบิชิ เอสเตท" หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น มูลค่าลงทุน 8,800 ล้านบาท
ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ "REIMAGINE YOUR WORLD" ปักหมุดเป็น Happy Workplace และ Lifestyle Destination ศูนย์กลางแห่งใหม่ของโลก ซึ่งแน่ละว่าจุดเด่นของเค้าคือการชูความเป็นสุดยอดทำเลติด BTS เพลินจิต
จุดที่ปังมากๆ คือมี Sky bridge เชื่อมจาก BTS ตรงเข้าสู่อาคารได้เลย แต่ว่าตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีกำหนดสร้างเสร็จตอนปลาย Q3 แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถใช้ Skywalk เดิมที่เชื่อมเข้าตึกกรุงศรีฯ ที่อยู่ข้างกันก่อนได้ครับ เดินเข้าตึกกรุงศรีฯ แล้วเดินลงมา เลี้ยวเข้าไปข้างกันก็ถึงตัวอาคาร OCC แล้ว
นอกจากนี้อย่างที่บอกไปคือเค้าตั้งใจสร้างสวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองด้วย เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตร.ม. ซึ่งพื้นที่ตรงนี้คนนอกสามารถมาใช้ได้ หรือใช้จัดอีเว้นท์สำหรับลูกค้าก็ได้ ที่ชอบมากคือความตั้งใจในการผลักดันศิลปะและศิลปินไทยให้มีที่โชว์ผลงาน อย่างที่เห็นคือด้านนอกตรงนี้จะมีพื้นที่สำหรับ art installation ด้วย
แล้วก็อีกไฮไลต์นึงคือ Sky Bar ชั้นบนสุดของอาคาร กับวิวสวยสุดที่ทุกคนต้องไปเยือนให้ได้สักหนครับ ตรงนี้มองเห็นวิวรอบเมืองได้แบบพาโนรามาเลย และแน่นอนว่าเปิดให้คนนอกเข้ามาใช้บริการได้อีกเหมือนกัน
ในแง่ฟังก์ชันการใช้งานพื้นที่ก็ยอมรับว่าออกแบบมาได้เอื้อประโยชน์กับผู้เช่าหลายอย่างเลยล่ะ
จุดเด่นหลักๆ ของที่นี่คือ ไม่มี "เสากลาง" ครับ แต่ละชั้นเสาจะถูกดันไปอยู่ริมหมด ทำให้ผู้เช่ามีอิสระในการวางผังและออกแบบได้อย่างเต็มที่
เพดานสูงมาก สูงสุดคือ 3 เมตร ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับตึกออฟฟิศ ทำให้บรรยาการปลอดโปร่งดีมากด้วย
กระจกที่ใช้เป็น full height สูงจากพื้นถึงเพดาน และเป็นกระจก 3 ชั้น Insulated Glazing Windows ที่กรองแสงแดดและกรองเสียงได้ คิดภาพทำงานไปแล้วมองวิวเมืองสูงๆ ไปก็ฟินนนน
ยังมี Amenities Floor ที่เป็น Co-working Space เพื่อรองรับการใช้ห้องประชุมสำรองสำหรับผู้เช่า ส่วนนี้ทำร่วมกับ JustCo มีทั้งหมด 4 ชั้น โดย 2 ชั้นแรกเปิดตัวต้น Q4 ปีนี้ครับ
อีกอันที่ชอบคือ ตัวอาคารรองรับการออกแบบสำนักงานแบบ Knockout Panels ก็คือเชื่อมระหว่างชั้นได้ สำหรับผู้เช่าที่ต้องการเช่าพื้นที่หลายๆ ชั้นก็ทำพื้นทะลุกันได้เลยเพราะว่าทุบง่ายมาก ไม่ยุ่งยากสักนิด
ที่น่าสนใจคือตึกนี้เน้นเทคโนโลยี Smart Building ที่ทันสมัยครับ ตั้งแต่แอปพลิเคชั่นมือถือสำหรับใช้เข้า-ออกอาคาร ระบบไร้สัมผัสภายในอาคาร ระบบเรียกลิฟท์ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ระบบจดจำเลขทะเบียนรถยนต์ และระบบการจ่ายเงินค่าที่จอดรถ ก็คือทุกอย่างสามารถจองผ่านแอพได้หมด จะเข้า-ออกอาคารก็ใช้ QR Code ได้ เป็นตึกยุค New Normal ที่ลดการสัมผัสนั่นเอง
ในภาพรวมนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่เน้นเป็นออฟฟิศหมดครับ จะมีรีเทลเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาเสริมคนในตึก กับฟู้ดคอร์ท Kinnie Food ที่รองรับชาวออฟฟิศผู้หิวกระหาย เพราะบริเวณนี้อาจหาพวกร้านอาหารราคาย่อมเยาว์ลำบากอยู่สักหน่อย
แต่ร้านค้าด้านในก็เป็นร้านคุณภาพทั้งนั้นนะ คือมีทั้ง DEAN & DELUCA, Au Bon Pain, %Arabica, Ksana, BLK.BOBA, Focaficial ร้านสะดวกซื้ออย่าง Lawson ก็มาด้วยเหมือนกัน บางร้านเปิดให้บริการแล้ว ในภาพรวมก็เปิดหลายร้านแล้วด้วย
มาพูดในส่วนของอัตราค่าเช่ากันบ้างดีกว่า ตอนนี้ OCC มีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท/ตร.ม. ถือว่าโอเคนะ เพราะว่าแพงสุดแถวนี้คือ 1,700 บาท/ตร.ม. และผมรู้มาว่าเค้ามีผู้เช่าแล้วประมาณ 70% แบ่งสัดส่วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก 80% และบริษัทชื่อดังในไทย 20%
ตัวเลขนี้ดูทรงแล้วช่วงปลายปีน่าจะสามารถแตะที่ 90% ได้ครับ เพราะจะเปิดตึกแบบ fully operated ช่วงที่ทางเชื่อม BTS สร้างเสร็จ ก็คือปลาย Q3 อันที่จริงดีเลย์มาเล็กน้อยก็เพราะกำหนดการสร้างทางเชื่อมนี่แหละ
ส่วนผู้เช่าตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติทั้งนั้นครับ รู้มาว่าบริษัทสัญชาติอเมริกันค่อนข้างเยอะเลย
และค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่า OCC สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ของไลฟ์สไตล์เดสทิเนชั่นระดับโลกได้แน่ๆ เฉพาะกับคนกรุงเทพฯ เองตอนนี้ก็ฮิตไม่น้อย เพราะแค่ร้าน %Arabica ก็มีคนแวะมาถ่ายรูปเยอะแล้ว ยังมีสวนทางด้านหน้าเอาไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้อีก
ในอนาคตยังมีรูฟท็อปเดสทิเนชั่น บนชั้น 58 และ 61 บาร์ ห้องอาหารหรู กับทิวทัศน์กรุงเทพฯ แบบพาโนรามา 360 ที่สูงที่สุดกลางแยกเพลินจิต เรียกได้ว่าเป็นยิ่งกว่าสำนักงานไปแล้วครับ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่แปลกใจ เพราะหลังๆ มานี้ไรมอน แลนด์เน้นทำโปรเจ็คในทำเลศักยภาพลำดับท็อปๆ ทั้งนั้น เลือกทำเลปังก็ดังไปครึ่งตัวละ
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ