เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เจ้ารถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV นี่เป็นเหมือนเทรนด์ทางเลือกใหม่ของคนใช้รถใช้ถนนกันไปแล้ว
ยิ่งเดี๋ยวนี้เวลาไปโครงการบ้านแต่ละที่ สิ่งที่ต้องมีให้เพิ่มเข้ามาก็ต้องเป็นที่ชาร์จรถ EV นี่แหละ!
แต่ถ้าบ้านเราไม่มีให้ชาร์จ แล้วอยากจะติดตั้งขึ้นมาบ้างล่ะต้องทำยังไง?
เพราะเจ้าสิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจู่ๆ อยากติดก็ติดได้เลยเสียเมื่อไหร่ ทั้งเรื่องมิเตอร์และ check list ความปลอดภัยก็ต้องใส่ใจเหมือนกัน
ฟังดูเหมือนจะเหนื่อย แต่ความจริงปัญหามันก็ไม่ได้ยิบย่อยอะไรขนาดนั้น เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่าว่า 5 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ ก่อนติดตั้ง EV Charger อย่างปลอดภัยในบ้านนั้นมีอะไรบ้างครับ
1. ขนาดมิเตอร์ไฟ
สิ่งแรกที่ต้องใส่ใจเลยก็คือขนาดมิเตอร์ไฟครับ ถ้ามิเตอร์ไฟฟ้าเรามีขนาดเล็กกว่า 30 แอมป์ (30/100) เราจำเป็นต้องแจ้งเปลี่ยนมิเตอร์ไฟใหม่ ให้มีขนาดตั้งแต่ 30 แอมป์ขึ้นไป หรือถ้าเป็นมิเตอร์ 3 เฟส ก็ควรใช้ขนาด 15/45 มิเตอร์จะได้มีขนาดเพียงพอที่จะรองรับปริมาณไฟฟ้าที่เราจะใช้ในบ้านได้มากขึ้น
แต่ยังไงก็ต้องพิจารณาในส่วนของรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่เราใช้ รวมไปถึงคุณสมบัติเครื่องชาร์จที่จะนำมาติดตั้งควบคู่กันไปด้วยนะ
2. ขนาดสายไฟเมน
ต่อมาก็ต้องเช็กขนาดสายไฟเมนครับ ถ้าสายไฟเป็นขนาด 16 ตร.มม. เราต้องเปลี่ยนมาใช้ขนาด 25 ตร.มม. แทนนะ ก็คือเป็นขนาดของสายทองแดงนั่นเองครับ ที่สำคัญคือต้องตรวจดู Main Circuit Breaker (MCB) ด้วย เพราะถ้าต้องการติดตั้งอย่างปลอดภัยเราจำเป็นต้องใช้ตู้ที่สามารถรองรับกระแสไฟได้สูงสุด 100 แอมป์
3. ตู้ควบคุมไฟฟ้า
ตรวจสอบดูว่าในตู้ยังมีช่องว่างเผื่อสำหรับให้เราได้ติดตั้ง Miniature Circuit Breaker หรือเปล่า นั่นก็เพราะการจะติดตั้ง EV Charger นั้น จำเป็นต้องแยกช่องจ่ายไฟไว้ต่างหาก เพื่อให้การชาร์จไฟของยานยนต์ไฟฟ้ามีช่องส่วนตัวของตนเอง ถือเป็นการแยกการใช้งานออกกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ นั่นเอง
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเผื่อช่องว่างให้มีขนาดตามพิกัดที่สามารถรองรับกระแสไฟของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ครับ แต่หากในตู้ไม่เหลือช่องว่างแล้วจริงๆ ก็สามารถเพิ่มตู้ควบคุมย่อยเข้าไปได้อยู่นะ
4. เครื่องตัดไฟรั่ว
เพื่อป้องกันเพลิงไหม้จากเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ที่อาจเกิดขึ้นเพราะกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกมีค่าไม่เท่ากัน ดังนั้นพระเอกของงานนี้จึงเป็น เครื่องตัดไฟรั่ว (Residual Current Device) จ้าา
เจ้าสิ่งนี้มีไว้เพื่อตัดวงจรไฟฟ้าเมื่อมีค่ากระแสไฟฟ้าไหลเข้า-ออกไม่เท่ากันโดยเฉพาะ เป็นสิ่งจำเป็นที่คนที่อยากติดตั้ง EV Charger ที่บ้านควรมีไว้เพื่อความปลอดภัยเลยล่ะ แต่ถ้าสายชาร์จไฟฟ้ามีระบบตัดไฟในตัวก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่มเติมครับ
5. เต้ารับและจุดติดตั้ง
ต้องรู้ก่อนว่าเต้ารับสำหรับใช้ในการติดตั้ง EV Charger ที่บ้านนั้นจะแตกต่างจากเต้ารับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปเพราะจะใช้แบบ 3 รู และใช้สายดินแยกออกจากหลักดินของระบบไฟเดิมของบ้าน โดยสายควรเป็นสายหุ้มฉนวนขนาดไม่ต่ำกว่า 10 ตารางมิลลิเมตร
สำคัญเลยคือก่อนติดตั้งต้องเช็กตำแหน่งก่อนว่าระยะห่างเหมาะสมกับความยาวของสายชาร์จหรือไม่ เพราะระยะสายส่วนใหญ่มักไม่เกิน 5 เมตร ตำแหน่งที่ติดตั้งควรให้อยู่ในที่ร่มแบบกันแดดกันฝนได้จะดีและปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราที่สุดครับ ง่ายๆ เท่านี้ก็สามารถมี EV Charger ไว้ในบ้านได้แล้วนะ
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ