ศูนย์การค้าลุยลงทุนต่อ ตั้งเป้าปี 2560 เปิดศูนย์ใหม่กระจายทั่วหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด ขยายพื้นที่เป็น 8 ล้าน ตร.ม. เม็ดเงินลงทุนสะพัดกว่า 7.7 หมื่น ล. พร้อมเร่งเครื่องเดินหน้ามาตรฐานปรับลดภาษีสินค้าหรูมัดใจนักท่องเที่ยวขาช็อป

 

        นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย (TSCA) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจศูนย์การค้าปีนี้จะโต 4-5% จากปีก่อน เนื่องจากมีศูนย์ใหม่ขยายตัว 10% จากปีก่อน และกระจายไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ ทำให้ปัจจุบันมีพื้นที่ค้าปลีกของสมาชิกรวมกันถึง 91 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ 7.6 ล้าน ตร.ม. โดยสมาคมมีสมาชิก 12 ราย จากเดิมมี 10 ราย เช่น บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) เดอะมอลล์ กรุ๊ป บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท รังสิต พลาซ่า จำกัด บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด บริษัท อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ จำกัด เป็นต้น

 

        อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 2560 จำนวนศูนย์จะเพิ่มเป็น 94 แห่ง และพื้นที่ค้าปลีกจะเพิ่มเป็น 8 ล้าน ตร.ม. คิดเป็นสัดส่วน 42% ของพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 18.7 ล้านตารางเมตร การลงทุนไม่ต่ำกว่า 7.7 หมื่นล้านบาท สำหรับรีโนเวตและเปิดศูนย์ใหม่ เพราะมีศูนย์เตรียมเปิดจำนวนมาก เช่น เซ็นทรัลนครราชสีมา นครศรีธรรมราช มหาชัย ภูเก็ต ไอคอนสยาม เดอะ มาร์เก็ต เทอร์มินอล 21 โคราช เทอร์มินอล 21 พัทยา เป็นต้น

 

        นางสาววัลยากล่าวต่อว่า การลงทุนพัฒนาศูนย์ถือเป็นการลงทุนระยะยาว อาจจะมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบบ้าง โดยเฉพาะปัญหาจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ประกอบกับต้นทุนการแข่งขันภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ระยะเวลาคืนทุนต้องยืดออกไปเฉลี่ย 6-10 ปี จากเมื่อ 4 ปีก่อนอยู่ที่ 5-6 ปี

 

        "สมาคมต้องการให้รัฐบาลเห็นความสำคัญด้านการลงทุนของผู้ประกอบการศูนย์ เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 3 รองจากภาคอุตสาหกรรมและค้าปลีก หากการลงทุนศูนย์ขยายตัว จีดีพีและภาพรวมเศรษฐกิจจะโตไปด้วย นักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของธุรกิจศูนย์การค้าจากนี้ ซึ่งภาครัฐต้องเข้าสนับสนุนด้วย"

 

        สำหรับแผนดำเนินงาน 3 ปีจากนี้ (2559-2561) สมาคมจะเดินหน้าพัฒนาศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยว และพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งมุ่งผลักดันนโยบายลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกไทยในการแข่งขันบนเวทีการค้าระดับภูมิภาค และเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ไทยก้าวเป็นเดสติเนชั่นด้านช็อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดในอาเซียน

 

        "สมาคมเดินหน้าผลักดันนโยบายปรับลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมอย่างต่อเนื่องล่าสุดได้เจรจาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ซึ่งต้องการให้ทุกอย่างคืบหน้าโดยเร็วที่สุด เพราะจะช่วยเพิ่มการจับจ่ายในกลุ่มนักท่องเที่ยว ปัจจุบันจับจ่ายอยู่ 5,000 บาทต่อคนต่อวัน หากปรับลดภาษีแบรนด์เนมได้เร็วจะเพิ่มอัตราจับจ่าย หากเพิ่มได้ 100 บาทต่อคนต่อวันก็จะส่งผลให้มูลค่าจับจ่ายเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาทต่อปี"

 

        ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจปีหน้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกอาจจะไม่โตมาก ผู้ประกอบการศูนย์จึงต้องสร้างกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อและดึงทราฟฟิกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำลังซื้อปลายปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น

 

ที่มา : ประชาชาติะุรกิจ