ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘Ideo Q จุฬา-สามย่าน’ คือ หนึ่งในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของคอนโดเมืองไทย ทั้ง รูปแบบ ทำเล พรีเซล ขายใบจอง การปล่อยเช่า การขายต่อ ล้วนแต่สร้างปรากฏการณ์ที่พลิกโฉมวงการคอนโดไทยไปตลอดกาล

        Ananda คือ ผู้ที่พลิกโฉมคอนโดทำเลสามย่านอย่างแท้จริง เอาแค่ชื่อห้อยท้าย ‘จุฬา-สามย่าน’ ก็มีคนใช้ต่ออีกมากมาย ขอชมคนคิด เป็นการตั้งชื่อที่ดีมาก

        จาก ‘Ideo Q’ สู่ ‘Ashton จุฬา-สีลม’ กลับมา ‘Ideo จุฬา-สามย่าน’ Ananda กลับมากับคอนโดทำเลสีชมพู หมายเลขที่ 4 กับ ‘Culture Chula’ 

        การทำโครงการลำดับที่ 4 ในทำเลเดิม มีทั้ง ข้อได้เปรียบ และ ความกดดัน 

        ข้อได้เปรียบ คือ ประสบการณ์ Feedback ที่สามารถนำมาปรับปรุง พัฒนา Product ให้ตอบสนองกลุ่มผู้พักอาศัยในย่านนี้ได้ดียิ่งขึ้น ถ้าเปรียบเป็นนักศึกษา ตอนนี้ก็ปี 4 แล้ว รู้จัก มหาวิทยาลัย อาจารย์ เป็นอย่างดี

        ความกดดัน คือ จะทำอย่างไรให้ ดีกว่า แตกต่าง จาก 3 โครงการก่อนหน้านี้ 

        ‘Ideo Q จุฬา-สามย่าน’ คือ ปรากฏการณ์

        ‘Ashton จุฬา-สีลม’ สร้างส่วนกลางที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในรอบหลายปี จนมีนักท่องเที่ยวขอไป Check-in นึกว่าสถานที่ท่องเที่ยว!

        ‘Ideo จุฬา-สามย่าน’ ก็สร้างยอดขายที่ดี เพราะ Product ตอบสนอง นักศึกษา อย่างแท้จริง

        Ananda จะหมดมุกหรือยัง?

        การกลับมาด้วยแบรนด์ใหม่ ‘Culture’ คือ การตอบสนองต่อการท้าทายนี้ของ Ananda 

        ‘Culture Chula’ เป็นคอนโด 32 ชั้น จำนวน 612 ยูนิต เป็นห้องแบบ Hybrid 2 ชั้น ทั้งโครงการ! 

        นี่คือ หมัดฮุกแรกที่ตั้งใจปล่อยออกมา 

        ต้องยอมรับว่ากระแสคอนโดที่มีชั้นลอยอยู่ในห้องกำลังมาแรง แทบจะไม่มีเจ้าไหนไม่ทำ Product แบบนี้ออกมาเลย ที่สำคัญก็คือ มันโดนใจคนรุ่นใหม่มาก!

        ผมว่า Ananda เล่นเรื่องนี้แหละ จี้ไปที่ นิสิต นักศึกษา ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในทำเล ตัดเรื่องราคาออกไปก่อน ผมคิดว่า ‘เด็กๆ’ ชอบ Product แบบ Hybrid แน่นอน! 

        การเดินขึ้นอีกชั้นอาจปวดเข่าสำหรับคนรุ่นผม แค่มันคือความตื่นเต้นของคนรุ่นใหม่ 

 

 

        ลองดู Post ที่ผมลงรูปของห้องตัวอย่างห้อง 1-bedroom plus Hybrid ที่ Sales Gallery ‘Culture Chula’ เมื่อวันก่อน พร้อม Caption แบบนี้

        ‘นึกภาพตาม …. พี่น้อง หรือ เพื่อนกัน 2 คน เรียนจุฬาฯ มาอยู่ห้องนี้ด้วยกัน ช่วงเวลาเย็นๆ มานั่งคุยกัน กินข้าวกัน ทำรายงานกันที่ living room โปร่งๆ โล่งๆ ตอนเข้านอนก็ขึ้นไปข้างบน แยกกันไปคนละห้อง ห้องใครห้องมัน ใครยังไม่เสร็จก็อยู่ข้างล่างต่อได้ พาเพื่อนมาห้องก็อยู่ข้างล่างไป   โอย … ทำไมตอนเราเรียนอยู่ ไม่มีแบบเน้’

        ยอด Like เกือบพัน เพราะผมเชื่อว่าโดนใจหลายคน โดยเฉพาะเด็กๆ 

        ปัญหาตอนนี้เลยตกอยู่ที่ผู้ปกครองซะแล้ว … ราคาล่ะเป็นยังไง 

        เสียงลือ เสียงเล่าอ้าง ว่าเริ่มที่ 7.9 ล้านบาท มลายหายไป เพราะในที่สุด ‘Culture Chula’ ก็เปิดตัวที่ 6.69 ล้านบาท เป็นห้อง 1-bedroom Hybrid 26 ตร.ม. ไม่รวมพื้นที่ชั้นลอย เฉลี่ย 176,000 บาท/ตร.ม. ในรอบ Online Booking

 

 

        ‘Culture Chula’ วางตัวอยู่บน ‘ถนนพระรามสี่’ ตรงข้าม ‘จามจุรีสแควร์’ ห่าง ‘BTS ศาลาแดง’ 290 เมตร และ ‘MRT สามย่าน’ 350 เมตร เข้าออกได้ 2 ทาง ทั้ง ‘ถนนพระรามสี่’ และ ‘ถนนสุรวงศ์’

        ทำเลแบบนี้ไม่ต้องรีเสิร์ชก็รู้อยู่แล้วว่าผู้พักอาศัยคือใคร แต่ที่อยากให้รู้มากกว่าก็คือ ราคาที่ดินโซนนี้มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุดของกรุงเทพฯ ใน 4 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 33% ทั้งที่เป็นช่วงโควิด!

        นอกจากเรื่อง Hybrid แล้ว ‘Culture Chula’ ยังพัฒนา Product ในแง่มุมอื่นเพื่อตอบสนอง ‘New type of Living’ อีกหลายอย่าง 

        Sustainable Urban Living: เกือบทั้งโครงการดีไซน์ให้อยู่กับสิ่งแวดล้อมได้ยั่งยืน เช่น การจัดการขยะ, ฝุ่น PM2.5, ไฟ LED , Solar Cell ในบางจุด, ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับวิ่งแวดล้อม 50% ในการก่อสร้างโครงการ เป็นต้น 

        Co-Working Space 24/7 เปิด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ที่ชั้น 1M และ 30 ก็ตอบสนองต่อการใข้ชีวิตของคนยุคนี้ เข่นเดียวกับส่วนกลางอื่นๆ เช่น Live Studio, Video Call Booth, Sky Fitness ฯลฯ 

 

 

        ‘Culture Chula’ มีแบบห้องคร่าวๆ คือ 1-bedroom Hybrid, 1-bedroom plus Hybrid และ 2-bedroom Hybrid และ 3-bedroom 

        ผมแอบชอบห้อง 2-bedroom 1-bath Hybrid 32.5 ตร.ม. ที่มีห้องตัวอย่างให้ชมที่ Sales Gallery มาก ก็ตามที่บรรยายไปข้างต้นเลย ถ้าเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกันจะ Happy มากๆ ห้อง living room ข้างล่างดูโปร่งด้วยความเพดานสูง สามารถใช้เวลากินข้าว เล่นเกม นั่งเม้าท์กัน ส่วนห้องนอน 2 ห้องข้างบนแยกออกไปคนละปีก มีความเป็นส่วนตัว ใครนอนกรนก็ไม่ต้องไปกวนอีกคน

        แต่ห้อง 1-bedroom Hybrid ก็น่าอยู่ไม่แพ้กันนะ ห้องนอนข้างบนมีการกั้นเป็นสัดส่วน และทีเด็ดก็คือ มีการออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับ Work หรือ Learn from Home ได้เลย โดยเป็นวิวที่มองลงมาห้อง Living Room ที่โปร่งโล่ง 

        เชิญชวนให้มาชมของจริงนะ คุณถึงจะเข้าใจ ว่าทำไมผมถึง Post เสียดายวัยนักศึกษา ที่ไม่มีคอนโดแบบนี้!

        สิ่งที่แบรนด์ ‘Culture’ มีเหมือนกันทั้ง 2 ทำเลก็คือ การร่วมมือกับ ‘Ascott’ แบรนด์ระดับโลก ในการบริหารที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยม 

        ‘Culture Chula’ เซ็นสัญญากับ ‘Ascott’ เป็นเวลา 10 ปี ในการเข้ามาบริหารงาน เป็นนิติบุคคลของคอนโด พร้อม Option ต่อสัญญาออกไปอีก

        ผู้ปกครองสบายใจได้ เหมือนลูกหลานได้อยู่โรงแรมชั้นนำตลอดเวลา

        'Ascott' จะเข้ามาเหมือนเป็น 'นิติบุคคล' ให้กับ ‘Culture Chula’ ทั้ง Security และ Cleanimg อาคาร เป็นคนของ 'Ascott' ทั้งหมด

        แต่ที่เพิ่มเติมมากกว่า 'นิติบุคคล' ปกติก็คือ Concierge ที่เป็นคนของ 'Ascott' เช่นกัน

        และที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ Service on-Demand เราอยากได้อะไรที่พิเศษไปกว่าบริการปกติก็สามารถบอกให้เจ้าหน้าที่บริการให้ได้เลย เช่น ทำความสะอาดห้องของเราเอง , ซักอบรีดเสื้อผ้า หรือ ซ่อมแซมของเฉพาะอย่าง เป็นต้น แต่บริการเหล่านี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามบริการนะ

 

 

        สำหรับนักลงทุน ห้อง 1-bedroom Hybrid คงเป็นเป้าหมายหลัก แต่ก็อย่าลืมว่า โครงการที่ผ่านมา 2-bedroom กลายเป็น rate item เพราะหลายครอบครัวเค้าอยู่กันหลายคน บวกกันได้เน้นๆ 

        แต่ที่สบายใจได้คือ สายปล่อยเช่า ผมบอกแบบนี้ละกัน ‘Ideo Q’ ของเพื่อนผม และ ‘Ashton’ ของผม ไม่เคยว่าง มีคนเช่าตลอด (และถามจะซื้อต่อเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย) 

        การกลับมาของ Ananda รอบนี้ น่าตื่นเต้น น่าสนใจ และเป็นสัญญาณของการคืนชีพแวดวงอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดอย่างมีนัยสำคัญ 

        >>>> ลงทะเบียน 

        เพราะอย่างที่บอก No Ananda , No Party 

        #Ananda #CultureChula

 

        ปล. Hot ไม่ Hot ยังไง วัน Online Booking ก็ Sold out ในเวลาไม่นาน!!!