ทางด้านรายได้ในไตรมาสแรกของปีของทาง "สิงห์ เอสเตท" นั้นก็ไม่น้อยทีเดียว เพราะทำไปได้กว่า 3,008 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 130% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ครับ

        จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงกดดันการประกอบการในหลายอุตสาหกรรม สะท้อนผลสำเร็จจากการมุ่งปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นกลยุทธ์กระจายการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลายใน 4 กลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งจะผลักดันให้รายได้ในปี 2565 เติบโตเกือบเท่าตัว สู่เป้าหมายนิวไฮของเค้าแน่นอน

        รายได้จากธุรกิจที่พักอาศัยในไตรมาสนี้เติบโตขึ้น 110% จากปีก่อนหน้าสู่จำนวน 1,024 ล้านบาท จากความสำเร็จในการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม โครงการดิ เอส สิงห์ คอมเพล็กซ์ และดิ เอส อโศก

        สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ เค้าก็คาดการณ์ว่าการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการบ้านแนวราบสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส จะเร่งตัวขึ้น หนุนด้วยการรับรู้รายได้จากบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ที่วางแผนจะเปิดตัวในช่วงกลางปี ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้ธุรกิจที่พักอาศัยให้เพิ่มขึ้น 50% ได้ในปี 2565 นี้ได้ครับผม

        ปีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างซินเนอร์จีระหว่างทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอ พร้อมสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ร่วมกับพันธมิตร มุ่งหน้าสู่การขยายตัวของรายได้เฉลี่ย 25% ต่อปีภายใน 5 ปีข้างหน้าจ้า