หนอนหนังสือต้องไม่พลาดมาเช็คอินครับ เห็นแล้วอยากไปญี่ปุ่นขึ้นมาทันทีแต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเมื่อไหร่น้อออ
เวลาไปเที่ยวต่างประเทศทั้งทีถ้าไม่อยากพักที่โรงแรมแต่อยากจ่ายถูกลงมาอีกนิดแน่นอนว่าหลายๆ คนมักจะเลือกพักกันที่โฮสเทลใช่มั้ยล่ะ
พูดถึงโฮสเทลแล้วผมคิดว่ามันมีเสน่ห์ในตัวมันเองมากๆ เลยนะ
เพราะไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล กระทั่งโฮสเทลในบ้านเราเองยังมีลูกเล่นใหม่ๆ ให้เพียบ บางที่ก็จัดเป็นธีมต่างๆ เพื่อดึงดูดแขกให้มาพัก เรียกได้ว่าบางครั้งไปนอนโฮสเทลไม่ได้อยากจ่ายถูกอะไรแต่ไปเอาบรรยากาศเสียมากกว่าก็มีเหมือนกัน
ไม่ต้องพูดถึงที่ต่างประเทศครับเพราะนักท่องเที่ยวที่นั่นนิยมพักกันที่โฮสเทลเสียเยอะ ดังนั้นการใส่รายละเอียดหรือการหาจุดเด่นให้กับโฮสเทลของตัวเองนี่ก็ต้องบอกเลยว่าต่างฝ่ายต่างก็สรรหาจัดมากันเต็มที่
หนึ่งในโฮสเทลที่ผมเอนเอียงใจให้คะแนนพิศวาสไปเป็นการส่วนตัวก็คือโฮสเทลที่ผมแอบนำมาแนะนำกันในวันนี้นี่แหละ
"BOOK AND BED TOKYO" เป็นโฮสเทลที่เป็นทั้ง "ร้านหนังสือและที่พัก" สวรรค์ของคนรักการอ่านโดยเฉพาะ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของความคิดสร้างสรรค์ที่เลือกเจาะกลุ่มลูกค้าได้ดีมากๆ อีกที่หนึ่ง
ที่แห่งนี้นอกจากจะได้มานอนพักแล้วเรายังสามารถดื่มด่ำไปกับหนังสือมากกว่า 4,000 เล่มที่เก็บเอาไว้ในห้องหนังสือขนาดใหญ่ มีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ จัดไปเพื่อบริการแก่หนอนหนังสือทั้งหลายที่เข้ามาพักยังร้านหนังสือค้างคืนแห่งนี้โดยเฉพาะ
แม้จะเรียกตัวเองว่าเป็นร้านหนังสือค้างคืนได้ แต่หนังสือในโฮสเทลไม่ได้ขายนะครับ ทุกเล่มที่มีนั้นมีไว้ให้บรรดาแขกหยิบยืมไปอ่านภายในโฮสเทลเท่านั้น ซึ่งหนังสือต่างๆ ก็ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีจาก Shibuya Publishing & Bookseller รองรับหลายประเภทหลากสไตล์ ตั้งแต่นวนิยาย มังงะ สมุดภาพ ตำราปรัชญา หนังสือท่องเที่ยว นิตยสาร ฯลฯ
ในเรื่องของการออกแบบเองก็ได้ 2 สถาปนิกอย่าง Makoto Tanijiri และ Ai Yoshida แห่ง Suppose Design Office มาต่อยอดจินตนาการสานฝันให้คนรักหนังสือ ด้วยการนำเสนอรายละเอียดของแง่มุมเล็กๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่น สรรค์สร้างออกมาเป็นงานสถาปัตยกรรมที่ทำให้คนรักหนังสือจมอยู่ที่นี่ไม่อยากแวะไปที่อื่น
เห็นแล้วมันเหมาะมากๆ ครับที่จะใช้เวลาทั้งวันไปกับการอ่านหนังสือในพื้นที่ที่สุดจะ cozy ให้นอนอ่านอยู่ในนี้ทั้งวันก็ยังไหว
อ่านแล้วรู้สึกง่วงก็นอนพักได้เพราะที่โฮสเทลแห่งนี้มีห้องพักไว้คอยให้บริการกันมากถึง 55 เตียง ซึ่งพื้นที่ที่ใช้นอนก็อยู่ด้านในชั้นหนังสือนั่นแหละ!
ทางนี้เค้าใช้ไอเดียในการแบ่งพื้นที่อ่านหนังสือกับพื้นที่สำหรับนอนเอาไว้ด้วยผ้าม่านครับ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบห้องเดี่ยวและห้องคู่ แค่ปิดม่านก็ได้พื้นที่ส่วนตัวของเรากับหนังสือเล่มโปรดแล้ว
ส่วนห้องอาบน้ำและห้องสุขานั้นจะตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางที่แยกไว้ให้ตามเพศ มี Wi-Fi ให้บริการฟรี
อย่าลืมว่าทางนี้มาพร้อมกับวิวแสงสีช่วงตอนกลางคืนอีกต่างหาก เพราะสถานที่ตั้งของโฮสเทลแห่งนี้อยู่ในย่าน Kabukicho ของชินจูกุ ล่าสุดยังเปิดเพิ่มอีกหนึ่งสาขาที่ Higashishinsaibashi ในโอซาก้า และเร็วๆ นี้เตรียมจะเปิดอีกแห่งที่เกียวโตด้วยนะ
ส่วนใครที่แค่อยากไปอ่านหนังสือและอยากแวะไปถ่ายรูปชมบรรยากาศเฉยๆ ไม่ต้องการค้างคืนก็สามารถแวะไปได้เช่นกันครับ เพราะที่นี่เค้าพร้อมให้บริการทั้งลูกค้าค้างคืนและขาจรช่วงกลางวันเลย
แค่อยากเข้าไปจิบชาหามุมสงบอ่านหนังสือก็ทำได้ หรือจะแวะไปเพื่อหาที่นั่งทำงานแบบ Telework ก็ยังเหมาะ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว!
ในส่วนของอัตราค่าบริการของ "BOOK AND BED TOKYO" นั้นมีหลากหลายระดับไล่ตามรูปแบบการรับบริการครับ
ค่าใช้บริการโซฟาคิดเป็นจำนวน 700 เยน (ประมาณ 200 บาท) ส่วนค่าใช้บริการเตียงจะเริ่มต้นที่ 960 เยนต่อชั่วโมง (ประมาณ 280 บาท) หากอยากค้างคืนจะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ราคา 3,000 เยนเป็นต้นไป (ประมาณ 900 บาท)
สามารถพูดได้ว่า "BOOK AND BED TOKYO" นั้นไม่ใช่โฮสเทลราคาถูกที่สุดแต่ในเรื่องของความสะดวกสบายนั้นก็อยู่ในอันดับต้นๆ เลยนะ เพราะเดินทางง่าย อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า จะเข้ามาพักผ่อนค้างคืน หาหนังสืออ่านไม่กี่ชั่วโมง หรือนั่งทำงานสักครึ่งวันก็ได้ทั้งนั้น
ด้วยคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ บรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลายท่ามกลางหนังสือมากมายแบบนี้ ทำให้ "BOOK AND BED TOKYO" เป็นโฮสเทลที่มาแรงมากตั้งแต่เริ่มเปิดตัวใหม่ๆ เมื่อหลายปีก่อน แถมยอดจองยังเต็มไวอีกต่างหาก
ตอนนี้เพราะสถานการณ์โควิด-19 ลูกค้าหลักอย่างชาวต่างชาติจึงลดลงไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นจำนวนคนญี่ปุ่นที่เข้าไปใช้บริการระหว่างวันกลับยังมีอยู่มากครับ ก็คล้ายๆ กันกับบ้านเรานั่นแหละที่ไม่จำเป็นต้องทำงานในออฟฟิศแล้ว แต่ไปหาที่นั่งเหมาะๆ นั่งทำงานนอกบ้านเอาอะไรแบบนี้
ถ้าได้ไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่เห็นทีต้องแวะไปสักครั้งแล้วล่ะ เพราะนอกจากจะบรรยากาศดีมีหนังสือมากมายแล้วยังถูกใจคนหนุ่มสาวทั้งหลายที่กำลังมองหาสถานที่เก๋ๆ เอาไว้ผ่อนคลายและถ่ายภาพสวยๆ ของตัวเองอีกด้วยยนะ
Tag : japan |
ว่ากัน 'ซอยหลังสวน' เปรียบเสมือน "แมนฮัตตันแห่งกรุงเทพฯ" คำกล่าวนี้ผมว่าไม่เกินจริงเลยนะ เพราะซอยหลังสวน ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทย และมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่องทุกปี!!
นี่คือคอนโดที่ใกล้ "ลานชมเมืองภูเก็ต" บนเขารังมากที่สุด ทำให้คุณเห็นวิวเมืองภูเก็ตสวยๆตัดภูเขา ทะเล และท้องฟ้า ได้อย่างเต็มตา
ไม่อยากจะเชื่อว่า คอนโดที่มีค่าตัวเริ่มระดับ 7 หมื่นกลางๆ/ตร.ม. จะให้ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ WASHLET (แบบที่ใช้ที่ญี่ปุ่นอ่ะ)
จะว่ายังไงดี...นี่น่าจะเป็นคอนโดทำเลนิชสุดๆ ไปเลยก็ได้ล่ะมั้ง ไม่งั้นก็คงต้องบอกว่าคือการ "บุกเบิก" อะไรทำนองนั้น
มาตามคำสัญญาครับ โครงการคอนโดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพหลโยธิน 59 'Phyll Pahol 59 station' (ฟีล พหลฯ 59 สเตชั่น) จะมีภาษีดีกว่าในเรื่อง 'ระยะทาง' ครับ เพราะตัวนี้เค้าไม่ใช่แค่ 'ใกล้' รถไฟฟ้า แต่ตัวนี้เค้า 'ติด' รถไฟฟ้า เรียกได้ว่า 0 ก้าวถึงรถไฟฟ้า ประตูคอนโดจ่อหน้าบันไดขึ้นสถานีกันเลยทีเดียว
เกริ่นนำมาเลยว่านี่คือการเดินส่องทำเลโครงการ ที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นโครงการอะไรนะครับ ข้อมูลในมือตอนนี้ทราบแค่ว่าเป็นที่ดินจาก AP ขนาดที่ดินเท่านี้ ยังไงก็ต้องคอนโดละวะ!!
หลังจาก ปล่อยให้สงสัยมานาน ว่าที่ดินตรงถนนเลียบหาด หรือพัทยา สาย 1 แถวๆพัทยากลาง ที่พี่สิบหมื่น ล้อมรั้วปักความเป็นเจ้าของมาได้เป็นปีๆล่ะ จะพัฒนาเป็นโครงการอะไรหนอ?
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง...
ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT พระราม 9 ประมาณ 420 ม. เป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญวิ่งเป็น Loop เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายอื่นมากมาย จะไปไหนก็ง่ายดาย
‘ภูมิสถาปนิค‘ ท่านหนึ่งบอกกับผมว่า “Lanscape โครงการนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ไม่มีที่ไหนใกล้เคียงความเป็น ‘สวนแบบ Classic’ ที่เป็น ‘quite luxury’ ได้เท่านี้แล้ว“
เฮ้ย! เนื้อที่ดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง 5555