เสียงหวูดรถไฟปลุกผมขึ้นจากความทรงจำ ภาพเก่าๆ ในวันวานฉายซ้ำเข้ามาในหัวเหมือนทุกอย่างเพิ่งผ่านมาเมื่อไม่นาน 

        ผมก้าวท้าวเข้ามาในอีกหนึ่งสถานที่แห่งความทรงจำ "หัวลำโพง" นึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่ได้นั่งรถไฟ... นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้

        ผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณให้คิดถึงวันเก่าๆ หลายๆ คนคงพอจะทราบดีว่าหัวลำโพงมีข่าวแว่วๆ มาว่าจะเตรียมตัวโบกมือลาและปิดตัวลง แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด แต่ข่าวนี้ทำเอาหลายคนใจหายไม่น้อย

        หัวลำโพงเปิดให้บริการมาถึง 105 ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมถึงเป็นแหล่งคมนาคมทางรางที่ใหญ่ หวัลำโพงจึงอยู่คู่กับความทรงจำของคนไทยมาอย่างยาวนาน

        ผมจำได้ว่าเคยนั่งรถไฟครั้งแรกตอนประถม และนั่งรถไฟครั้งสุดท้ายตอนเรียนปี 1 นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพของผู้คนที่อยู่บนรถไฟ พ่อค้าแม่ขายที่เร่เข้ามาทุกครั้งเวลารถไฟจอดเทียบสถานี และที่ขาดไม่ได้ก็คือบรรยากาศหัวลำโพงนี่แหละ แล้วคุณล่ะ นั่งรถไฟครั้งสุดท้ายกันเมื่อไหร่?

        ตอนนี้หัวลำโพงกำลังจัดงาน “Hua Lamphong in Your Eyes” ด้วยการเชิญชวนพี่น้องประชาชนเติมเต็มภาพความสุขและแบ่งปันมุมมอง ควบคู่กับการเรียนรู้ 10 จุดสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) 

        ซึ่งก็จะมีการแจกใบปลิวให้เราลงทะเบียนเช็คอินตามจุดต่างๆ แต่ละจุดจะมีเหล่าพนักงานคอยบรรยายและให้ความรู้อยู่ตลอด โดยแต่ละจุดเช็คอิน บางครั้งผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? 

ฃ 

        โดย 10 จุดเช็คอินได้แก่

        1. อนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวง เป็นอนุสรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกถึง รัชกาลที่ 5 ผู้ก่อเกิดกิจการรถไฟขึ้นในสยามประเทศ โดยจุดนี้ยังเป็นจุดที่ รัชกาลที่ 5 และ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีตรึงหมุดรางทอง รางเงิน ติดกับไม้หมอนมะริดคาดเงิน และเปิดการเดินรถไฟหลวงในราชอาณาจักรสายแรก เส้นทางสถานีกรุงเทพ-อยุธยา นั่นเองครับ

        2. สะพานลำเลียงจดหมาย เชื่อมต่ออาคารไปรษณีย์ตั้งอยู่ปลายชานชาลาที่ 4 ของสถานีกรุงเทพ

        3. ลานน้ำพุหัวช้าง ซึ่งจุดนี้เคยเป็นหลุมหลบภัยทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยครับ

        4. ป้ายด้านหน้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ตรงด้านหน้าของสถานีจะมีตัวอักษรปูนปั้นว่า สถานีกรุงเทพ ติดอยู่ที่ด้านบนโถงระเบียงทางเข้าด้านหน้าอาคารสถานีจุดเริ่มต้นการเดินทาง

        5. สถาปัตยกรรมภายนอกสถานีกรุงเทพ ตัวอาคารเป็นรูปโดมสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะยุคเรอเนสซองส์ มี นาฬิกากลางยอดโดม และประดับกระจกใส

        6. ระเบียงด้านหน้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) สวยงามด้วยกระจกสีที่ช่องระบายอากาศ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และนาฬิกาบอกเวลาที่มีอายุเก่าแก่เท่าๆ กับตัวอาคารสถานีที่เน้นลักษณะภายนอกของมนุษย์และธรรมชาติ

        7. โถงกลางสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) สไตล์ตะวันตก งดงามด้วยการตกแต่งภายในสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานศิลปะแบบ Classicism ด้วยการใช้เสาคู่ลอยตัวระเบียงไอโอนิก การตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น และศิลปะแบบอาร์ตนูโว

        8. โรงแรมราชธานี อดีตโรงแรมหรูที่เคยอยู่คู่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)

        9. เก้าอี้วงรี สัญลักษณ์ประจำสถานีรถไฟ เก้าอี้รูปทรงคล้ายหมวกปีกถูกทับจนแบนยาว ส่วนปีกหมวกเป็นที่นั่ง ตัวหมวกเป็นพนักพิง

        10. รถจักรไอน้ำแปซิฟิก รุ่นเลขที่ 824, 850 เป็นรถจักรไอน้ำที่ถูกใช้การหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รถจักรไอน้ำทั้ง 2 คันนี้นำมาใช้งานในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2492 โดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงต่อมาได้ดัดแปลงให้ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงแทนในปี พ.ศ.2514 ปัจจุบันการรถไฟฯ ใช้ทำเป็นขบวนรถนำเที่ยวในโอกาสพิเศษที่สำคัญๆ ปีละ 6 ครั้ง

        นอกจากจะมาเยี่ยมชมบรรยากาศ และถ่ายภาพสวยๆ กันไปแล้ว ทางการรถไฟยังเตรียมของรางวัลแจกจ่ายให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรมอีกด้วยครับ 

        มาร่วมเก็บภาพความทรงจำ และมาระลึกถึงวันวานที่เราคิดถึงกันได้ในงาน “Hua Lamphong in Your Eyes”  ได้ถึงวันที่ 16 มกราคม 2565 นี้

        นอกจากนี้ยังสามารถไปร่วมสนุกกับการประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “Hua Lamphong (หัวลำโพง) Through the Lens” ชิงรางวัลรวมกว่าหนึ่งแสนบาท พร้อมโล่รางวัลเกียรติยศจากผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้สนใจสามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 19 –26 ธันวาคม 2564 (ปิดรับผลงานเวลา 17.00 น.) และประกาศผลการตัดสินในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ผ่านทาง คลิก  และจัดแสดงผลงานที่ได้รับการคัดเลือกระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2564 – 16 มกราคม 2565 ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) มาร่วมสนุกกันได้นะครับ ไม่แน่อาจจะได้เงินแสนกลับมากอดกันก็ได้เนอะ