หลังบ้านติดดอยถล่มแล้ว!!! หลายคนทวงกันเข้ามาไม่ขาดสายเมื่อไหร่จะเล่าเรื่อง The Forestias ให้อ่านซะที หลังจากที่ลงบทความแฉความงามไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
ซึ่งก่อนที่ผมจะพาไปส่องอาณาจักร "The Forestias" ใครที่ยังไม่ได้อ่านบทความครั้งที่แล้ว ตามไปอ่านกันก่อนได้ที่ คลิก!!! จะได้เต็มอรรถรส 5555
ส่วนเนื้อหาของวันนี้น่ะเหรอ ตอนนั่งพิมพ์นี่ก็ยังคิดอยู่นะว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี เพราะโครงการเค้าใหญ่จนไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน งั้นเริ่มจากความใหญ่เนี่ยแหละเนอะ
ตัวโครงการ “The Forestias” มีพื้นที่กว่า 398 ไร่ ซึ่งจุดขายของเค้าก็คือมีพื้นที่สีเขียวมากถึง 56% ของพื้นที่ทั้งหมด เยอะไม่เยอะก็เกินครึ่งอ่ะคิดดู!
'พื้นที่สีเขียว' ที่ว่า... ก็ไม่ใช่แค่พื้นที่ปลูกผัก ปลูกหญ้าให้ลูกบ้านเก็บกินนะครับ แต่เป็นพื้นที่ "ปลูกป่า" ป่าแบบจริง ๆ จัง ๆ ให้เป็นระบบนิเวศในตัวเองไปเลย
พูดง่าย ๆ ก็คือเหมือน 'ยกป่าผืนใหญ่มาไว้ท่ามกลางป่าปูนย่านบางนา' โดยส่วนป่านี้กินพื้นที่กว่า 30 ไร่เลยนะ ไม่รวมกับพื้นที่สีเขียวส่วนอื่น ๆ ที่แทรกตามโครงการอีกนะ
โดยอาณาจักร The Forestias ถือเป็นโครงการ Mixed Use ที่ภายในนั้นมีหลากหลายโครงการรวมตัวอยู่ด้วยกัน เป็นชุมชนที่มนุษย์และธรรมชาติสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งทาง MQDC ผู้พัฒนาโครงการก็ได้ทุ่มเงินลงทุนไปกว่า 125,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาเลยนะ สมกับที่เป็นโปรเจคระดับ World class สวยและดีที่สุดที่ผมเคยดูมาจริง ๆ ฮ่า ๆๆๆ
มนุษย์คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
“The Forestias” สร้างขึ้นจากแนวคิดที่เชื่อว่ามนุษย์คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป แต่ก็อย่างที่รู้ครับ กลางเมืองแบบนี้จะเอาธรรมชาติมาจากไหน
เมื่อหาไม่ได้ "ก็สร้างมันขึ้นมาสิ" ซึ่งเมื่อคิดจะสร้างก็ต้องสร้างให้ดี จะเอาน้ำประปามารถน้ำป่าก็คงจะไม่ไหว นี่เลยเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ผมอยากเล่า
เพราะหายากครับที่การพัฒนาอสังหาไม่ได้เน้อนที่ตัวอาคารเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความยั่งยืนของทั้งธรรมชาติและผู้อยู่อาศัย เหมือนเป็นระะบบนิเวศที่อยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยภายนอก
จะเห็นได้จากการน้ำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยในการดูแล เช่น ระบบ CUP ที่ช่วยจัดการการทำความเย็นและพลังงาน, ระบบ Water Management สำหรับบำบัดน้ำที่ใช้แล้ว เพื่อนำมารดน้ำในโครงการต่อครับ
นอกจากนี้แล้ว ต้นไม้แทบจะทุกต้นในโครงการ The Forestias ที่เป็นพืชท้องถิ่นกว่า 300 สปีชีส์ ยังมาจากการเพาะเมล็ด และปลูกตั้งแต่ต้นไม้เหล่านั้นยังเป็นต้นกล้าเลยนะ
เพราะแนวคิดของโครงการก็คือ เมื่อระยะเวลาผ่านไป ต้นไม้ที่ทางโครงการเริ่มเพาะตั้งแต่เมล็ดเหล่านี้จะเติบโตขึ้น ซึ่งจะเป็นการเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ รากหยั่งลึกลงดินอย่างแท้จริง
โดยในขนาดที่ดินทั้งหมด 398 โครงการ จะมีเนื้อที่ป่า 30 ไร่ และ 6 ไร่ใน 30 ไร่นี้ โครงการจะทำเป็นป่าลึกที่ไม่ให้มนุษย์เข้า เพื่อให้ระบบนิเวศดำเนินไปตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์
ส่วนตัวแล้วผมว่าความใส่ใจตั้งแต่เริ่มต้นนี้แหละที่ทำให้เค้าแตกต่าง และกลายเป็น World-class Residential Projects และ Smart City ที่ใคร ๆ ก็อยากครอบครอง
หลากหลายโครงการเพื่อคนทุก ๆ Generation
ความน่าสนใจอีกอย่างของ The Forestias ก็คือเค้ามีที่อยู่อาศัยมีหลายโครงการให้เลือกครับ โดยไม่ได้อยู่ติดกันจนแน่นไปหมดนะ เพราะที่นี่เขาเน้นเรื่องพื้นที่สีเขียวมาก ๆ
ประกอบไปด้วยคอนโด High Rise, คอนโด Low Rise, บ้านเดี่ยว, โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เพื่อตอบรับกับทุกกลุ่มเป้าหมาย
รวมไปถึงอาคารสำนักงาน, ร้านค้า, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, Sport Complex, Family Center, Town Center, Medical Complex อีกหลายหลายอย่าง
เริ่มกันที่อาคารสำนักงานก่อนละกัน อาคารนี้ใน “The Forestias” จะเป็นทั้งสำนักงาน, Community Center, ร้านค้า และ Family Center รวมกันอยู่ที่เดียวเลย
จะว่าไปก็ออกแนวอาคารส่วนกลางของหมู่บ้านนั่นแหละ แต่พิเศษตรงที่ใครก็มาใช้ได้ เพราะจะมีบางพื้นที่ บางร้านค้าที่เค้าให้บุคคลภายนอกสามารถมาใช้ได้ด้วยเช่นกัน
เห็นโครงการใหญ่ขนาดนี้ การสัญจรภายในโครงการนั้นเค้าก็คิดมาอย่างดีไม่แพ้กันครับ เพราะมีการทำทางเดินเอาไว้ให้ด้วยนะครับ เรียกว่า Canopy Walk เอาไว้ให้เราเดินชมต้นไม้และใบหญ้าได้อย่างใกล้ชิด
โดยจะแบ่งเป็น Canopy Walk ของลูกบ้านกับ Canopy Walk สาธารณะ คนนอกเข้ามาใช้ได้ แต่ว่าทางจะสั้นกว่าเยอะ หรือถ้าเราไม่อยากเดินบน Canopy Walk ก็ลงมาเดินด้านล่างได้นะ เขาก็ทำทางเดินไว้เหมือนกัน แถมยังมี Walkways หรือทางเดินธรรมชาติที่มีอยู่ทั่วทั้งโครงการกว่า 300 ไร่ด้วย
ดังนั้นแล้วโครงการนี้จึงเป็น Mega Project ในไทยที่เพื่อน ๆ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่นอน จะวัยไหน จะอยู่กับใคร ที่นี่ก็ตอบโจทย์ทั้งนั้น
4 แบรนด์ที่อยู่อาศัยเพื่อไลฟ์สไตล์ที่ลงตัว
ไฮไลท์อีกอย่างของโครงการ The Forestias นั่นก็คือที่อยู่อาศัยครับ เพราะทั้งโครงการมีการเลือกใช้แบรนด์อสังหาถึง 4 แบรนด์ในโครงการเดียว
โดยทั้ง 4 แบรนด์นั้นก็จะมีรูปแบบการอาคาร รูปแบบการขาย และรูปแบบการให้บริการที่แตกต่างกันไป เราสามารถเลือกที่เหมาะกับเราได้ครับ
- Whizdom เป็นคอนโด High Rise ที่ทันสมัย 3 อาคาร มีห้องพักอาศัย 825 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท เน้นตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ (เลี้ยงสัตว์ได้ 1 อาคาร)
- Mulberry Grove เป็นแบรนด์ระดับ Super Luxury แบ่งเป็นคอนโด Low Rise 6 อาคาร มีห้องพักอาศัย 269 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 37 หลัง ราคาเริ่มต้น 152 ล้านบาท
- The Aspen Tree เป็นคอนโดสำหรับผู้สูงวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป ดูแลแบบครบวงจรตั้งแต่สุขภาพยันการใช้ชีวิต แบ่งเป็น High Rise 3 อาคาร ทั้งหมด 250 ยูนิต และ Low Rise 2 อาคาร ทั้งหมด 40 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท
- Six Senses จะมี Six Senses Hotels Resorts Spas เข้ามาบริหาร มีทั้งบ้านเดี่ยวและโรงแรมครับ แบ่งเป็นวิลล่าหรู 27 หลัง ราคาเริ่มต้น 172 ล้านบาท, โรงแรม 60 ห้อง และโครงการพักอาศัย 50 ห้อง
ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
วันนี้ขอเล่า The Forestias แค่พอหอมปากหอมคอก่อนละกันเนอะ เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่าตัวโครงการนั้นมีขนาดใหญ่กว่า 300 ไร่ มีที่อยู่อาศัย และพื้นที่ส่วนกลางเยอะแยะไปหมด
ใครที่ไขข้อไม่ดี หรือไม่อยากเดินให้เมื่อก็ไม่ต้องกลัวไปนะครับ เพราะเมื่อโครงการสมบูรณ์แล้วก็จะมี Shuttle Bus เพื่อเดินทางไปตามจุดต่างๆ ของโครงการด้วยนะ หรือถ้าใครสายเดินก็มี Canopy Walk ให้เดินชมนกชมไม้ได้ทั่วโครงการเช่นกัน
ผมว่าเป็นอะไรที่น่ามาเดินเล่นอยู่นะ มันคงจะดีถ้าเราได้เจอและเป็นเจ้าของธรรมชาติแบบนี้ในทุกวัน ที่สำคัญคือ เค้าไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเจเนอเรชั่น สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันใน The Forestias ได้เลย
มีที่พักอาศัยให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ จะเลี้ยงสัตว์ก็ได้ ต้องการห้องใหญ่อยู่แบบครอบครัวก็มี และยังมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นป่าขนาดใหญ่ให้ด้วย เรียกได้ว่านี่แถบจะไม่ใช่โครงการที่อยู่อาศัยแล้ว แทบจะเป็นเมือง ๆ นึงแล้วก็ว่าได้ ฮ่า ๆๆๆ
ทุกวันนี้คนเมืองอย่างเราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าปูนกันเกือบทุกวัน ถ้าเรามีบ้าน หรือที่อยู่อาศัยที่ช่วยคืนความผ่อนคลายให้เราได้สูดกลิ่นอายธรรมชาติแบบเต็ม ๆ ก็คงจะดีไม่น้อย
ยิ่งถ้าใครที่ทำงานอยู่บ้าน หรือเป็นผู้สูงอายุแล้วมาใช้ชีวิตที่นี่นะ ตัวโครงการมันแทบจะสมบูรณ์ในตัวเอง ไม่ต้องออกไปเจอความวุ่นวายในโลกภายนอกเลย
เอาเป็นว่าเพื่อน ๆ คนไหนที่โหยหาและรักการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ผมว่าโครงการ The Forestias เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคุณมาก ๆ ราคาก็มีให้เลือกหลากหลาย อย่างคอนโดเริ่ม 5.19 ล้านเอง
ซึ่งย้ำอีกทีว่าทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้ยังไม่ได้ถึงเศษเสี่ยวความน่าสนใจที่โครงการนี้มี ไว้โอกาสหน้าจะพาเพื่อน ๆ ไปเจาะลึกแต่ละโครงการที่อยู่อาศัยกันรายตัวอีกที หรือถ้าเพื่อน ๆ สนใจโครงการไหนกันเป็นพิเศษก็คอมเมนท์บอกกันได้นะ เดี๋ยวติดดอยจะรีบมารีวิวเล๊ยยยย
Tag : The Forestias | MQDC |
มั่นใจว่าผมอยู่กับ "Ashton Residence 41" มาไม่น้อยกว่าใคร...
ตั้งแต่ผมเริ่มก้าวเท้าเข้ามาลงทุนคอนโด สามารถบอกได้เลยว่า ปีนี้ เป็น 1 ในปีที่ "ราคา" คอนโด ดีที่สุดแล้ว หลายๆเจ้า ขนคอนโดมาวางแผงขายลดราคา ทั้งเก่า และใหม่
ผมเชื่อว่า คนจำนวนมาก ยังต้องการให้มี สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และถ้ามีศักยภาพทางการเงินที่มากพอ "NOWW MEGA" ก็อาจไม่ใช่โครงการที่คุณมองหา
โครงการใหม่แกะกล่อง อย่างโครงการ "COZI MRT เพชรเกษม 48" ซึ่งตัวนี้ถือเป็นแบรนด์ใหม่ของทางเสนาฯ เค้าเลยนะ ความน่าสนใจคือเค้ามาในรูปแบบ 'คอนโด Low Carbon' เพราะเค้ามาในคอนเซ็ปต์ 'Nature Living ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ สร้างสมดุลของร่างกาย' มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตแบบลดคาร์บอนได้ง่ายๆ อย่างลงตัวในทุกๆ วัน
"ONE ORIGIN SUKHUMVIT 68" ไลน์อัพแตกแตน สมความเป็นแดน ONE ORIGIN
'เฟล็กซี่ สำโรง-อินเตอร์เชนจ์' คอนโดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าสถานี Interchange ทั้ง BTS สายสุขุมวิท และ MRT สายสีเหลือง สถานีสำโรง POP สุดในย่าน Facilities จัดเต็ม 3 ชั้น
“แสนสิริ” หรือที่ผมชอบเรียกบ่อยๆว่า “พี่สิบหมื่น” มีชื่อเสียงเรื่อง บริการหลังการขาย มานานแล้วนะครับ ถึงขนาดคลอดบ.ในเครืออย่าง “Plus Property” เพื่อช่วยบริการลูกบ้านโดยเฉพาะ
แค่เห็นก็ใจสั่นแล้ว กล่องคิ้วท์อะไรเบอร์นี้!! “Krispy Kreme Greeting Holiday Gift” นำลวดลายเทศกาลคริสต์มาตกแต่งบนกล่องพรีเมียมสีสันสดใส จับคู่มากับเซตความอร่อยของโดนัทเนื้อนุ่มให้เลือกฟินถึง 2 สไตล์
นอกจากจะขยันออกโดนัทหน้าใหม่ทุกเทศกาลแล้ว เครื่องดื่มประจำเทศกาลเค้าก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะ!!
คริสปี้ ครีม ยกเอามู้ดของความสุขมาไว้บนโดนัทหน้าใหม่!! กับ “Krispy Kreme x elf Specialty Doughnuts” ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขถึง 4 หน้า 4 สไตล์
'น้องนมเย็น' หรือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยมีกำหนดให้ประชาชนได้ทดลองใช้ฟรี!! ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. - 17 ธ.ค. 2566
อุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดตลอดช่วงโควิด-19 ครับ ตอนนั้นโรงภาพยนตร์ทั่วโลกต้องปิดตัวลงเป็นระยะเวลานาน การถ่ายทำก็หยุดชะงัก เรียกว่าพังกันไปเป็นหย่อมๆ