หลังจากคราวก่อน "พี่หมี" ได้แนะนำแอปพลิเคชัน สำหรับเช็คพิกัด หรือติดตามสถานการณ์น้ำท่วม วันนี้เรายังคงพูดคุยเกี่ยวกับ Topic น้ำๆ อยู่ฮะ

        แม้ตอนนี้น้ำมันจะไม่ได้ท่วมทะลักเข้ามาเป็นสวนสยามทะเลกรุงเทพฯ (บางพื้นที่) แต่ก็ต้องบอกว่า ชาวริมน้ำเจ้าพระยา เดือดร้อนกันก่อนใคร โดนน้ำหนุนสูงเข้าท่วมบ้านไปหลายครัวเรือนแล้ว!!

        แหม บ้านที่เรารัก ซื้อมาก็แพง เดินเอกสารกว่าจะกู้ผ่าน กว่าจะผ่อนกันหมด เจอน้ำท่วมแบบนี้ น้ำตาก็คงไหลท่วมพอๆ กับน้ำที่เอ่อล้นบ้านนั่นแหละ

        อีกหนึ่งปัญหาที่มาทันทีหลังน้ำลด ก็คือเชื้อรานี่แหละ บอกเลยว่าเมื่อปี 54 ที่ผ่านมา ไอเจ้าเชื้อรามันแผลงฤทธิ์เจ็บหนักน้ำตานองกันถ้วนหน้า เสียทรัพย์สินซ่อมแซมบ้านกันหนักหน่วงเลย 

        ปีนี้ไม่รู้จะท่วมหนักแบบปี 2554 หรือเปล่า แต่ที่เห็นได้ชัดคือคนกรุงเข็ดหลาบมาก เฝ้าระวังกันสุดๆ งานนี้ "พี่หมี" ขอน้ำสาระแบบรู้ไว้เถ๊อะะะ ไม่เสียหายมาฝากกับ "6 วิธีพิชิตเชื้อรา ปัญหาหลังน้ำลด" กันดีกว่าในแบบฉบับเสียงบไม่เยอะ กระเป๋าเงินไม่แฟ๊บแน่นอน

        ก่อนจะไปดูเคล็ดลับ ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เชื้อราไม่ได้สร้างความเสียหายกับตัวบ้านอย่างเดียวนะ แต่มันส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราด้วยนะ ยิ่งกับลูกเด็กเล็กแดง หรือใครที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นหอบ หรือ ภูมิแพ้ ก็ยิ่งเสี่ยงครับ

        บ้านใครท่วมไปแล้ว หลังจากน้ำลด สิ่งที่ควรทำอันดับแรกเลยนะ คือล้างบ้านไปเล้ยย ทำความสะอาดยกใหญ่ทั้งบ้าน และไม่ควรทิ้งไว้เกิน 2 วันครับ ไม่งั้นมาแน่ เจ้าราตัวน้อยย

        หลังจากรู้สึกขยาดๆ กับมันแล้ว ทีนี้เรามาดูกันฮะว่า เราจะกำจัดเชื้อรานี้ไปจากบ้านเราได้ด้วยวิธีไหนล้างนะ (แบบเสียเงินน้อยๆ)

        1. เตรียมชุดที่รัดกุม ถึงมือยางและน้ำยาฆ่าเชื้อ

        อันนี้ต้องมั่นใจก่อนครับว่าคนที่จะทำความสะอาดราต้องแข็งแรงพอ รู้ว่าเหนื่อยแน่ๆ แต่การกำจัดเชื้อราในบ้านไม่เหมาะกับคนที่ป่วยหรือมีปัญหาทางด้านระบบทางเดินหายใจลงมือเด็ดขาดครับ สิ่งที่ควรเตรียมคือชุดที่รัดกุม แนะนำให้ใส่ถุงมือยางและสวมหน้ากากอนามัยตลอด พวกหมวกคลุมผม หรือแว่นตาก็จำเป็นเช่นกันครับ เอาแบบป้องกันสปอร์ของเชื้อราให้ได้ (สปอร์ของเชื้อราเล็กมากก อาจจะเข้าสู่ร่างกายได้แนะนำให้เตรียมชุดรัดกุมจริงๆ)

        2. ห้ามเช็ดเชื้อราแบบแห้งเป็นอันขาด

        เคยเห็นราที่ขึ้นแบบแห้งๆ ไหมครับ? เวลาเราไปเขี่ยๆ มันก็จะฟุ้ง กลายเป็นฝุ่นละออง (ที่อันตรายมว้ากกก) ซึ่งไม่สมควรทำแบบนี้เด็ดขาด หากบ้านใครมีราแบบแห้งๆ แบบนี้ขึ้นมา ให้เอาผ้า หรือ กระดาษชำระไปชุบน้ำให้มันหมาดๆ ก่อนนะ จากนั้นก็เช็ดแบบปาดเดียวอยู่ อย่าวนไปวนมา เพื่อป้องกันเชื้อรากระจายฟุ้งนั่นเองครับ

        3. น้ำยาฆ่าเชื้อแบบ DIY จากห้องครัว

        น้ำส้มสายชูนอกจากจะเป็นเครื่องปรุงรสติดครัวแล้ว ยังมีประโยชน์หลากหลายมากๆ เชื้อไหมครับว่าน้ำส้มสายชูสามารถฆ่าเชื้อราได้ด้วยนะ แต่ว่ามันไม่ได้ฆ่าถึงรากถึงโคนอะไรขนาดนั้นครับ สามารถฆ่าได้ประมาณ 80% อาจจะเหลือสปอร์ทิ้งไว้ให้เจ็บใจได้ แต่ก็เป็นทางออกสำหรับคนที่อยากประหยัดๆ หรือกำจัดเบื้องต้นไปก่อนครับ โดยให้เลือกใช้น้ำส้มสายชูแบบ หมักหรือกลั่นก็ได้ ควรมีความเข้มข้นอย่างน้อย 7% อาจฉีดพ่นทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นก็เช็ดออก

        4. น้ำยาฟอกขาว สามารถฆ่าเชื้อราได้

        อันนี้ไม่แน่ใจว่ารู้กันหรือยัง แต่ว่าบ้านใครที่มีพวกผลิตภัณฑ์ฟอกขาวที่มีส่วนผสมของสารประกอบคลอรีน 6% sodium hypochlorite เพราะเป็นน้ำยาที่เข้มข้น มีคุณสมบัติที่สามารถฆ่าเชื้อราได้ แถมหาซื้อง่ายด้วย หรือแทบไม่ต้องหาซื้อเลยเพราะหลายคนคงมีติดบ้านไว้ ด้วยความที่มันเข้มข้นมากๆ ดังนั้นก่อนจะใช้ ควรนำไปเจือจางกับน้ำก่อนครับ ควรใช้ครั้งเดียวหมด จะใช้ใหม่ก็ให้ผสมใหม่เพราะมันเสื่อมสภาพเร็ว 

        ประเด็นสำคัญคือถ้าใครจะใช้วิธีนี้ มีข้อห้ามสำคัญมากคือห้ามผสมสารละลายคลอรีนกับแอมโมเนีย หรือสารละลายคลอรีนกับสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดโดยเด็ดขาด ไม่งั้นได้กลับบ้านเก่าแน่นอนครับเพราะมันจะเกิดแก๊สพิษได้เลย อารมณ์เหมือนเราผสมน้ำยาล้างห้องน้ำกับไฮเตอร์อ่ะ อันนี้ห้ามเด็ดขาดครับ

        5. ใช้บอแร็กซ์

        อันนี้อาจจะหายากนิดนึง แต่ก็เอามาฝากเผื่อบ้านใครมี555 สารบอแร็กสามารถใช้ฆ่าเชื้อราได้นะครับ โดยให้เราผสมบอแร็กซ์กับน้ำให้เข้ากัน แล้วใช้แปรงหรือผ้าเช็ดและขัดตรงที่เป็นเชื้อรา อันนี้แนะนำให้ทิ้งไว้สักแป็บ แล้วค่อยเป่าลมให้แห้ง จะได้ฆ่าให้ตายๆ ถึงรากถึงโคน5555

        6. กำจัดด้วยเบกกิ้งโซดา

        เบกกิ้งโซดาที่เราเอาไปล้างผักนี่แหละฮะ ช่วยได้เหมือนกัน อันนี้หาซื้อง่าย ราคาถูก หลายบ้านมีติดครัวอยู่แล้ว หากหาอะไรไม่ได้แนะนำให้นำเบกกิ้งโซดาไปละลายน้ำ ใส่ฟ๊อกกี้ แล้วนำไปฉีดให้ทั่ว อาจจะต้องออกแรงขัดหน่อยนะ พอล้างออกปุ๊บ ให้ฉีดอีกรอบ จากนั้นก็รอแห้งเลย ไม่ต้องใช้น้ำล้างอีกหน อันนี้ก็สามารถป้องกันเชื้อราได้เหมือนกันครับ

        เสียความรู้สึกเรื่องการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมกันไปเยอะ ก็ไม่อยากให้มาเสียเงินเพิ่มเยอะๆ อีกครับ 

        หยิบยกมาฝากกันเพราะตอนนี้หลายๆ พื้นที่ก็เสี่ยงจะท่วมจริงๆ แหละ แม้จะมีกูรูหลายสำนักออกมาบอกว่าไม่ท่วมมม ไม่ท่วมแน่ๆ อาจจะเพราะใครสวดมนต์ไล่น้ำ หรืออะไรก็แล้วแต่ นาทีนี้ อะไรป้องกันได้ก็ต้องทำไว้ก่อนเนอะ แต่ถ้ามันป้องกันไม่ได้ น้ำท่วม บ้านขึ้นราขึ้นมาจริงๆ ใครที่งบน้อย หรือไม่อยากจะเสียเยอะไปกว่าเดิม นำเอา 6 วิธีนี้ไปลองใช้กันก่อนก็ได้ครับ จะได้ประหยัดตังค์กันด้วยเนอะ