ซีรีส์เกาหลีโดย Netflix ที่ผมรู้สึกว่าน่าดูมากๆ ช่วงนี้น่าจะหนีไม่พ้น "Squid Game" ครับ เป็นซีรีส์ที่มีงานอาร์ตสีสันสดใสแต่เนื้อหากลับดาร์กเลือดสาดมากกว่าที่เห็น

        ดูไปแล้วนึกถึงหนังญี่ปุ่นสมัยก่อนในความทรงจำเลยแหละ พวก As The Gods Will, Battle Royale หรือล่าสุดอย่าง Alice in Borderland ที่มาในธีมเดียวกันนี้เหมือนกัน เป็นแนวหนีตายที่ไม่ว่ายังไงก็ดูได้ไม่เบื่อครับ

        แต่วันนี้หลักๆ ไม่ได้จะมารีวิวตัวซีรีส์ เพราะผมรู้สึกว่า Netflix เกาหลีทำในส่วนที่น่าสนใจออกมาไม่แพ้กัน นั่นคือการ "โปรโมท"

        ก่อนหน้านี้การโปรโมทของ Netflix เกาหลีที่เป็นไวรัลเลยเหมือนจะเป็นภาพยนตร์ Sci-Fi ฟอร์มยักษ์ของเค้า อย่าง "Space Sweepers"

        จัดฉากยานอวกาศพุ่งชนคังนัม ที่ไม่เพียงจะดึงดูดสายตาคนเท่านั้น ยังจัดเต็มด้วยกลุ่มคนที่แต่งตัวในชุดป้องกัน ทำท่าสืบค้นเก็บชิ้นส่วนของยานอวกาศ มีพื้นที่ยานอวกาศกั้นด้วยเทปสีเหลือง-ดำ ประหนึ่งว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ เลยครับ

        พอมาถึง "Squid Game" ที่ก่อนหน้านี้ก็โปรโมทกันเยอะเหมือนกันทางออนไลน์ Netflix เกาหลีเลยเล่นใหญ่ ใส่ไปไม่ยั้ง ด้วยการโปรโมทแบบออฟไลน์ด้วยเลย

        ครั้งนี้ถือว่าเป็นรูปแบบการโปรโมทที่น่าสนใจมากๆ เพราะถ้าใครพอจะรู้เรื่องคร่าวๆ ของตัวซีรีส์แล้วจะเข้าใจว่า setting ของเค้าคือพื้นที่คล้ายกับสนามเด็กเล่นสีสันสดใสแต่เอาไว้เพื่อฆ่า

        ทางนี้ก็เลยจัดไปด้วยการยกเอาสนามเด็กเล่นธีมเดียวกันกับในซีรีส์มาตั้งไว้กลางสถานี Iteawon ซะเลยครับ

        เริ่มการแปลงโฉมกันตั้งแต่ทางเข้าสถานี มีทั้งป้ายโปรโมทขนาดใหญ่ การจัดไฟ และอย่างที่บอกว่ามีสนามเด็กเล่นจริงให้ด้วย

        นอกจากนี้ยังมี Gonggi (คล้ายๆ หมากเก็บบ้านเรา) แต่เป็นเวอร์ชั่นไจแอนท์ตั้งเอาไว้ด้วย ของเล่นแคปซูลกับเกมจอยสติ๊กก็มี ขนาดบันไดในสถานียังถูกตกแต่งให้ดูเหมือนเชิญชวนให้เราไปเล่นเกมเลยนะ

        ผู้คุมชุดแดงยังมีเลย!

        และนอกจากตัวสถานีอิแทวอนที่ถูกแปลงโฉมเป็น setting ในซีรีส์แล้ว ด้านในยังมีเกมสนุกๆ ให้เล่นเพื่อรับรางวัลกันด้วยครับ เป็นอีเวนท์โปรโมทที่ประสบความสำเร็จน่าดู

        ต้องบอกว่าถ้าใครได้ดู "Squid Game" แล้วน่าจะรู้สึกประทับใจกับ Setting ของเรื่องล่ะครับ เพราะทั้งการดีไซน์และรูปแบบสีสันมันดูลงตัวไปหมด (ต่อให้เนื้อเรื่องมันจะ gore ไปหน่อยก็ตาม 555)

        แต่การเสกสรรค์ปั้นแต่งทั้งฉาก งานสถาปัตยกรรม หรือพร็อพต่างๆ ในเรื่องก็มีความเป็นธีมที่เหมาะสมกับเรื่องดี ไม่แปลกใจที่จะลงทุนโปรโมทกันขนาดนี้

        ใครที่ไม่ได้ไปดูแต่อยากเห็นของจริงไม่ต้องเสียดายไป เพราะ Netflix อัพโหลดคลิปวิดีโอสนามเด็กเล่นจาก Squid Game แห่งนี้ให้เราได้ดูกันด้วย 

        รู้จัก Squid Game

        "Squid Game" เป็นซีรีส์ดราม่าเดือดพล่าน ผ่านการละเล่นเด็กสุดโหด พูดถึงผู้ถูกเลือกจำนวนทั้งหมด 456 คนมาเข้าร่วมเกมเอาชีวิตรอด เพื่อคว้าเงินรางวัล 45,600 ล้านวอน ผ่านเกมที่แปลงจากการละเล่นของเด็กเกาหลีใต้สู่เกมโหดที่คนแพ้ต้องตายเท่านั้น

        Squid Game หรือ 오징어 게임 เป็นเกมที่เด็กๆ เกาหลียุค 70-80s นิยมเล่นกันครับ วิธีเล่นคือวาดรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม และวงกลม ให้ออกมารูปร่างคล้ายปลาหมึกลงบนพื้น จากนั้นก็แบ่งทีมรุก-ทีมรับ เล่นไปเรื่อยๆ จนเหลือผู้เล่นคนสุดท้ายที่สามารถเข้าไปอยู่ในส่วนหัวของปลาหมึกได้ คนคนนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ 

        ตัวผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก บอกเอาไว้ว่า Squid Game เป็นเหมือนนิทานที่ใช้แสดงถึงสังคมทุนนิยมในยุคร่วมสมัย บอกเล่าผ่านเรื่องราวอันหลากหลายของผู้เข้าแข่งขัน กับสังคมในยุคปัจจุบันที่ต้อนพวกเขาเหล่านั้นให้จนมุม เป็นการเปรียบเปรยอย่างสร้างสรรค์ ผ่านเกมเด็กเล่นง่ายๆ ที่ทุกคนเคยเล่นในวัยเยาว์

        ที่ซีรีส์ Squid Game ถูกจับตาส่วนหนึ่งคือพล็อตที่หยิบยกประเด็นทางสังคมมาใช้ และสองคือตัวผู้กำกับนี่แหละครับ

        ฮวังดงฮยอกเป็นผู้กำกับที่ดังมากๆ คนหนึ่งในสายงานภาพยนตร์เกาหลีเลยล่ะ และผลงานที่เคยทำก็มักจะเป็นการตั้งคำถามกับประเด็นสังคมด้วย ทั้งเรื่อง My Father (2007), Silenced (2011), Miss Granny (2013) และ The Fortress (2017) หากใครไม่เคยดูผมแนะนำเรื่อง Silenced (2011) ครับ เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมชอบที่สุดในฝีมือกำกับของคุณฮวัง ที่สำคัญยังสร้างมาจากเหตุการณ์จริงอีกด้วยนะ

        นอกจากนี้สำหรับ Squid Game คุณฮวังแกบอกเอาไว้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะสนุกที่สุดหากคุณไม่โดนสปอยล์ล่วงหน้า ดังนั้นพยายามอย่าหาอ่านสปอยล์ อย่าให้ใครมาสปอยล์คุณ โดยเฉพาะครึ่งหลังของเรื่องครับ ทราบแล้วก็ไปกดดูกันได้เลยที่ Netflix จ้า