นึกว่าอ่านนิยายลอดลายมังกรอยู่เลยครับ เพราะจะว่าไปช่วงปีนี้ข่าวของยักษ์ใหญ่อสังหาฯ อันดับ 2 ของจีนอย่าง "เหิงต้า" หรือ "Evergrande Group" กำลังเผชิญกับความยากลำบากในเรื่องหนี้สินจนเสี่ยงล้มละลายอยู่รอมร่อ
ล่าสุดวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมามีข่าวว่าประชาชนกว่าร้อยคนบุกเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเหิงต้าที่เมืองเซินเจิ้น เรียกร้องให้บริษัทคืนเงินลงทุน หุ้นกู้ รวมถึงเงินดาวน์โครงการพัฒนาต่างๆ ด้วย
ที่เค้ากลัวกันก็เพราะว่าก่อนหน้านี้มันมีข่าวแพร่สะพัดไปว่าเหิงต้ามีหนี้สูงถึง 1.97 ล้านล้านหยวน หรือราวๆ 10 ล้านล้านบาทไทย เรียกได้ว่าส่อสัญญาณอันตรายที่อาจสะเทือนประเทศจีนได้เลยเหมือนกัน
ส่วนความรุ่งเรืองและการล่มสลายของบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ของจีนนี้มันมีจุดเริ่มต้นจากตรงไหน...เรามาหาคำตอบกันครับ
รู้จัก Evergrande Group
Evergrande Group เป็นบริษัทสัญชาติจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1996 โดย Xu Jiayin (หรือ Hui Ka Yan ในภาษากวางตุ้ง) ที่มีธุรกิจหลักคือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เน้นตลาดผู้อยู่อาศัยรายได้ปานกลางขึ้นไป เป็นบริษัทที่เติบโตพร้อมความมั่งคั่งมากๆ เรียกได้ว่าโตวันโตคืน ถือครองที่ดินในจีนราว 303 ล้านตารางเมตร มากที่สุดในบรรดาผู้ประกอบการทั้งหลายเลย
บริษัทนี้มีโครงการที่พัฒนาไว้มากถึง 810 แห่งใน 280 เมืองทั่วประเทศ กำไรสูงสุดที่เคยทำได้คือ 11,670 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 กลายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของโลกในปีนั้นไปโดยปริยาย อย่างตัว Xu Jiayin เองก็ถูกจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับ 3 ของจีนจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes เมื่อปี 2019 ด้วยทรัพย์สิน 30,400 ล้านเหรียญสหรัฐครับ
แต่ใครจะไปรู้ล่ะ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก กลายมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สูงที่สุดในประเทศจีนไปเรียบร้อย
ที่มาของปัญหาหนี้สิน
ปัญหาเกิดจากตรงนี้ครับ เพราะประสบความสำเร็จมาก ก็เลยต้องการที่จะขยายธุรกิจออกไปให้กว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิม ในช่วงที่เริ่มขยับขยายอาณาจักร Evergrande Group นั้น Xu Jiayin ไม่ได้อยากหยุดแค่ตลาดอสังหาฯ ที่อยู่อาศัย ดังนั้นเขาเลยค่อยๆ หันไปจับตลาดอื่นแทน ทั้งการเงิน รถยนต์ ท่องเที่ยว อาหาร สุขภาพ บันเทิง มีทั้งน้ำแร่ Evergrande Spring สวนสนุก รถยนต์ไฟฟ้า แถมยังซื้อทีมฟุตบอลของเมืองกว่างโจวอีกด้วย
แต่ทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินทุนสูง การแก้ปัญหาของ Evergrande Group คือกู้ยืมเงินมาลงทุนซะเลย ใช้ไปทั้งเครดิตของตัวเอง ทั้งคอนเนคชั่นทางการเมือง ทั้งชักชวนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมาลงทุนด้วย ก็เลยหากู้มาได้เรื่อยๆ
แต่หลังจากนั้นกลยุทธ์นี้ใช้ไม่ได้แล้วเพราะจีนประกาศกฎ “Three Red Lines” เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2020 กำหนดมาตรฐานเครดิตที่เข้มงวดมากขึ้น ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์สามข้อก็จะไม่สามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้ ทีนี้ Evergrande เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ หันมาเปิดขายโครงการก่อนที่โครงการจะเสร็จสมบูรณ์เพื่อรักษากระแสเงินสด แต่นั่นก็ทำให้ธนาคารที่จะปล่อยสินเชื่อเริ่มไม่ไว้วางใจในตัว Evergrande
แล้วทีนี้ทำไง? ก็ต้องขายทรัพย์สินส่วนอื่นๆ มาชำระหนี้สิครับ เริ่มต้นขายธุรกิจทิ้งไปทั้งธุรกิจอินเทอร์เน็ต ธุรกิจธนาคารท้องถิ่น รวมไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหนี้ที่ยังค้างชำระอีกก้อนโต
อันดับความน่าเชื่อถือของ Evergrande เลยตกลงฮวบฮาบ คู่ค้าจำนวนมากต่างพากันยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องให้ชำระหนี้ ซึ่งก็แน่นอนครับ...มีการประเมินว่า Evergrande อาจไม่สามารถชำระหนี้สินได้ด้วย
หาก Evergrande ล้ม จะกลายเป็น "โดมิโน เอฟเฟกต์" หรือไม่?
เวลาบริษัทใหญ่ๆ ส่อแววร่อแร่แบบนี้ถือว่าน่ากลัวครับ เพราะถ้าลองดูถึงขนาดธุรกิจของ Evergrande ทั่วทั้งประเทศจีนแล้วถือว่าน่ากังวลไม่น้อยนะ เพราะหนี้ของ Evergrande มาถึงจุดอันตรายแล้ว
ถึงแม้ Evergrande จะออกมายืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าจะชำระหนี้ทั้งหมดโดยเร็วที่สุดก็ตาม แต่แค่นี้เราก็เห็นกันแล้วว่าปัญหานี้ส่งผลเสียอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ แนวโน้ม สถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทมากแค่ไหน
และถ้าหากว่า Evergrande ล้ม จะส่งผลต่อประชาชนจำนวนมากแน่ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน ผู้ให้กู้ยืม ธนาคาร ซัพพลายเออร์ พนักงานกว่า 200,000 ชีวิต ธุรกิจขนาดเล็ก และคนที่ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยของ Evergrande ทั่วทั้งประเทศจีน
แต่ที่น่าจับตาคือภาคอสังหาริมทรัพย์ถือว่าอยู่ใต้แรงกดดันไม่น้อย และนักพัฒนาบางรายเองก็กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะล้มละลายตามไปด้วยหากว่ากลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ใหญ่อันดับ 2 ของจีนรายนี้ต้องล้มลงไป
บ้านเราเองอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ นะ เพราะพูดถึงธุรกิจอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยแล้ว ไทย-จีนก็ถือว่าจับมือร่วมกันอยู่เยอะทีเดียว อย่าลืมว่าเค้ามีสายสะพายในตำแหน่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ และอสังหาฯ ยังเป็นหนึ่งในกลไกลสำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้กลับมาฟื้นตัวหลังยุค Covid-19 อีกต่างหาก
ส่วนเรื่องที่ว่าจีนจะอุ้มมั้ย อันนี้คงต้องจับตาดูกันจริงๆ เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกว่ารัฐบาลจีนกำลังอยู่ในช่วงการรณรงค์เรื่อง "ความมั่งคั่งร่วมกัน (Common Prosperity)" เพื่อหวนคืนสู่รากเหง้าสังคมนิยมของจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาฯ หรือบริษัทท่องเที่ยวชื่อดังของจีนก็ถูกกดดันให้ลดขนาดลงเพื่อหลีกเลี่ยงการก่อหนี้จนสร้างความเสี่ยงให้ระบบการเงินของประเทศไม่ต่างกัน
แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะธุรกิจใหญ่แบบนี้อาจถูกจัดเข้าหมวด "ใหญ่เกินกว่าจะล้ม" ก็เป็นได้ ถ้าปล่อยให้ยักษ์ใหญ่ล้มง่ายๆ ก็ส่งผลเสียมากมายต่อประเทศ ไม่แน่รัฐบาลจีนอาจจะลดหนี้ให้ก็ได้ครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นทางรัฐบาลเค้ายังปิดปากเงียบไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆ ในขณะที่เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม วันครบรอบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์ที่ผ่านมา พี่ Xu Jiayin แกยังเฮฮาปาร์ตี้กับคนดังของวงการการเมืองและธุรกิจอยู่เลย ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนใจอะไรทั้งสิ้น
จะมีแผนรับมือไว้จริงหรือจะแค่ Poker face หรือเปล่า...ก็คงต้องมาตามดูกันอีกทีครับ แต่ไม่ว่าจะยังไง เจ้าของธุรกิจอสังหาฯ บ้านเราเตรียมตัวเตรียมความพร้อมกันไว้ก่อนก็ดี เพราะคิดว่าอาจได้รับผลกระทบแบบ "อาฟเตอร์ช็อก" อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ