เริ่มวันนี้แล้วนะครับสำหรับการปรับ "ลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก" เหลือเพียง 1 ล้านบาท จากที่เคยคุ้มครองเงินฝากของพวกเราให้อุ่นใจอยู่ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร :'(
ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ชาวติดดอยต้องมีความสงสัยกันเป็นแน่แท้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องปรับลดลงมาล่ะ เพื่ออะไร ทำไม แล้วเราจะทำไงกันต่อดีนะ?
ก่อนอื่นขอพาเพื่อน ๆ ย้อนอดีตกันไปช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 กันก่อนเพราะเป็นต้นกำเนิดของการคุ้มครองเงินฝากในทุกวันนี้ครับ
ตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงที่หนักหนาจริง ๆ ประเทศไทยเรามีสถาบันการเงินล้มหายตายจากไปจำนวนมาก คนที่มีเงินฝากอยู่ก็กลัวว่าเงินจะหาย คนฝากใหม่ก็ไม่กล้าฝากเงิน
รัฐบาลตอนนั้นเค้าก็เห็นว่าจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ละ จึงรับบทพระเอกขี่ม้าขาวออกมาประกาศว่าจะ "ค้ำประกัน" ให้กับเจ้าหนี้และผู้ฝากเงินเต็มจำนวน
โดยในตอนนั้นให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มารับหนี้ที่เกิดขึ้นนี้ก่อน ต่อมาในปี 2546 ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็เลยเสนอไปว่าควรจะมีการจัดตั้ง "สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.)" ขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ของผู้ฝากเงินโดยตรง
ในที่สุดหลังจากร่างกฎหมายและผ่านขั้นตอนต่างๆ นานเกือบ 5 ปี สถาบันคุ้มครองเงินฝากก็เกิดขึ้น และการคุ้มครองเงินฝากก็บังคับใช้ในวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ให้พวกเราแฮปปี้มาจนถึงปัจจุบัน
โดยผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองก็คือ เงินฝากที่เปิดไว้กับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งต้องเป็นเงินสกุลบาท และเป็นบัญชีเงินฝากภายในประเทศ
ในปัจจุบันมี 5 ประเภท ได้แก่ เงินฝากกระแสรายวัน, เงินฝากออมทรัพย์, เงินฝากประจำ, บัตรเงินฝาก และใบรับฝากเงิน
อยากรู้ใช่มั้ยครับว่ามีสถาบันการเงินไหนบ้างที่ได้รับการคุ้มครอง ในตอนนี้จะมีอยู่ทั้งสิ้น 35 แห่งนะครับ เข้าไปเช็ครายชื่อในเว็บนี้ได้เลย คลิก!!!
#ลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเพื่ออะไร
จากข้อมูลที่ทางสถาบันคุ้มครองเงินฝากแจ้งนั้น กล่าวว่าการทบทวนวงเงินคุ้มครองจะปรับไปตามกฎหมายคุ้มครอง ไม่ได้มากจากความสั่นคลอนของสถานบันการเงินนะครับ
เช่นในอนาคตประชาชนไทยเรามีรายได้เพิ่ม และมีทรัพย์เวลธ์เพิ่มขึ้น วงเงินคุ้มครองก็อาจจะปรับให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสมได้
เพราะการทบทวนวงเงินจะต้องดูจากข้อมูลหลายด้านในการตัดสินใจ ซึ่งวงเงิน 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน เป็นจำนวนที่เค้าคิดมาแล้วครับว่าครอบคลุมคนจำนวนมาก
ซึ่งคนที่มีเงินในบัญชีมากกว่า 1 ล้านบาทนั้นย่อมมีความเข้าใจในการลงทุนประเภทอื่นที่ซับซ้อนพอสมควรอยู่แล้ว จึงเป็นที่มาในการทบทวนวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้ครับ
อย่าลืมนะครับว่าถ้าธนาคารมีเงินฝากเยอะเกินไปก็จะกลายเป็นภาระของธนาคารได้เหมือนกัน เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ย (ทั้งที่ตอนนี้ต่ำมากๆแล้ว)
การปรับลดวงเงินคุ้มครองจึงเป็นเหมือนอีกแรงกระตุ้นที่ทำให้คนยอมถอนเงินฝากเพื่อกระจายความเสี่ยงไปสินค้าทางการเงินอื่น ๆ บ้าง
#ใครที่ได้รับผลกระทบจากการลดวงเงินคุ้มครองครั้งนี้?
จากข้อมูลของทางธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่าปัจจุบันในไทยมีบัญชีรวมกันประมาณ 100.25 ล้านบัญชี เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 13.8 ล้านล้านบาท
แต่เพื่อน ๆ เชื่อมั้ยครับว่าในร้อยล้านบัญชีข้างต้นนั้น มีบัญชีที่มีจำนวนเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท อยู่แค่ล้านกว่าบัญชีเท่านั้น คิดแล้วก็ราวๆ 1.53% ของบัญชีทั้งหมด
จากตัวเลขนี้เองทำให้เราสรุปได้เลยครับว่าบัญชีในไทยอีกประมาณ 98.5% ที่เหลือจะไม่ได้รับผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้มากนัก
เพราะงั้นย้ำอีกทีนะครับ สำหรับใครที่มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 1 ล้านบาทก็จะ "ไม่ได้รับผลกระทบ" อย่างแน่นอนครับ สบายใจกันได้นะ แหะ ๆ
#แล้วถ้ามีบัญชีเงินฝากเกินล้านจะทำยังไงกันต่อดี?
ก่อนอื่นก็ต้องตั้งสติแล้วถามตัวเองครับว่ายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ถ้าคิดว่าไม่อยากเสี่ยงก็เตรียมกระดาษปากกามานั่งลิสต์กันเลยครับว่ามีกี่บัญชี ฝากไว้ที่สถาบันการเงินไหนบ้าง
ทีนี้ก็เริ่มวางแผนโยกย้ายกระจายความเสี่ยงกัน แทนที่จะนำเงินไปฝากรวมกันไว้ที่บัญชีเดียวแล้วได้เงินคุ้มครองแค่ 1 ล้าน ก็กระจายออกไปยังสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่ได้รับการคุ้มครองบ้าง
ซึ่งอย่างที่บอกไปในตอนต้นว่ามีสถาบันการเงินที่ได้รับการคุ้มครองถึง 35 แห่งนะ คิดเล่น ๆ ก็กระจายไปฝากได้ 1-35 ล้านแบบไม่ต้องกลัวว่าเงินต้นจะหายเลย
แต่อีกทางที่ผมอยากแนะนำก็คือการแบ่งไปลงทุนไปยังสินค้าทางการเงินอื่น ๆ เช่น ประกัน, พันธบัตร, ตราสารหนี้, ตราสารทุน, กองทุนรวม, หุ้น ฯ
โดยผลตอบแทนและความเสี่ยงของแต่ละแบบก็จะไม่เท่ากันนะ ถ้าสนใจก็อย่าลืมศึกษาและทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยล่ะ
เกือบลืม!!! อีกการลงทุนที่น่าสนใจก็รวมถึง "อสังหาริมทรัพย์" ด้วยนะ ผมคิดว่าถ้ามีความพร้อมช่วงเวลานี้ก็น่าจะเป็นโอกาสดีที่ราจะได้ซื้อของดีราคาถูกอยู่ครับ สู้ ๆ
Tag : สถาบันคุ้มครองเงินฝาก | ลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก | เงินฝาก
“โอ้โห ได้วิวนี้เลยเรอะ คอนโดอยู่ตรงนี้เลยจริงดิ นี่มันอยู่ท่ามกลางดง รีสอร์ท โรงแรม เลยนะ“ ผมเผลอหลุดปากออกมา เมื่อได้เห็นภาพโครงการครั้งแรก
"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
ในที่สุดที่ดินตรงหัวมุมพญาไท ต้นซอยรางน้ำ ที่ล้อมรั้วกันที่ไว้นานน๊านนานแล้วก็ลุ้นกันอยู่เป็นปีว่าจะขึ้นโปรเจกต์อะไร สรุปวันนี้ก็ได้ออกหัวออกก้อยแล้วในที่สุดครับ
ถ้าใครแวะไปสีลมจะเห็นได้ว่าเดิมทีมันมีที่ดินว่างติด BTS ศาลาแดง บริเวณข้าง Silom Complex อยู่
เอ๊ะ!! ปีนี้แบรนด์ 'Life' จาก AP มาติดๆ กันเลยแหะ!!
"MX27" ช่วง "อโศก-พร้อมพงษ์" นี่มันดงโรงแรมชัดๆ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางไกลนับพันกิโลเมตร
เมื่อคนซาก็ได้เวลาไปกิน "CHICHA San Chen" ชานมไต้หวันฉบับออริจิ้นเทียบเท่ามิชลิน 3 ดาว!
วันก่อนไปเจอคาเฟ่หนึ่งมาครับ ชื่อร้านว่า Second Cafe Wanglang ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ตรอกวัดระฆัง ตรงวังหลังนี่เอง
เปิดประสบการณ์ "Pavilion Luncheon Experience" เซ็ตอาหารไทยเบาๆ 4 ที่จากโรงแรม Dusit Thani Bangkok
ใครจะไปอินช่วงเทศกาลเท่า 'คริสปี้ ครีม' ล่าสุดเข้าเดือนเมษายน ก็ส่งโดนัทและเครื่องดื่มแบบไทยๆ 4 รสชาติ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ กับ Thai Sweet Selection