นั่งอ่านบทสัมภาษณ์ของ “คุณ อนุพงษ์ อัศวโภคิน” แล้ว ‘เลือดออกซิบๆ’ ... โดนบาดหลายครั้งเลย
“ผมเปลี่ยนบทบาทตัวเองจาก “คนกำหนดวิธีทำ” มาเป็น “คนกำหนดกติกาในการทำ” …. ตอนนี้ซื้อที่ดินที่ไหนผมยังไม่รู้เลย โปรดักต์จะออกมาเป็นอะไรผมยังไม่รู้เลย แต่ผมเห็นภาพใหญ่ ผมจะรู้ว่าแต่ละทีมมีสตังค์ไปซื้อที่ดินเท่าไหร่ ผมจะเป็นคนกำหนด”
“ไทมิ่งนี้เหมือนเรายืนอยู่บนสายพานวิ่ง คุณยืนเฉยๆ คุณตกสายพาน คุณต้องวิ่ง แต่จะวิ่งยังไง”
“มีซีอีโอเก่าอินเทลเขียนหนังสือชื่อ ‘Only the Paranoid Survive’ พวกประสาทแดกจะมีชีวิตรอด เรานั่งดูทุกอาทิตย์ทุกเดือน ยอดโอน ยอดขาย โอนได้ไหม ถ้ามีไซน์สักนิดนึงว่าไม่เวิร์กเราก็หยุด”
นี่แค่น้ำจิ้ม .... อยากให้อ่านบทสัมภาษณ์เต็ม ผมไม่อยากย่อเลย มันมีประโยชน์ทุกคำพูด ซึ่งต้องบอกว่า ‘คุ้มค่า’ ที่รออ่าน เพราะแกไม่ได้ให้สัมภาษณ์มา 2 ปีแล้ว
แน่นอนว่าการให้สัมภาษณ์ในช่วงเวลานี้ ประเด็นสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องการทำธุรกิจท่ามกลางมหาวิกฤตโควิด ซึ่งแกตอบคำถามโดยใช้แนวคิดจากหนังสือ ‘Only the Paranoid Survive’ สู่หนทางการปรับตัว เตรียมองค์กรตั้งรับกับพายุแห่งความผันผวน ที่มาพร้อมกับวิกฤการณ์เปลี่ยนโลกของ Covid-19 ที่ที่คน Paranoid เท่านั้น ถึงจะรอด!
“อย่างที่บอกว่าคนที่พารานอยต์เท่านั้นที่จะรอด เรานั่งดูและปรับแผนการทำงานทุกอาทิตย์ ทุกเดือน นิยามการทำธุรกิจปีนี้เหมือน ‘วิ่งมาราธาน’ ที่มองไม่เห็นเส้นชัยสักที ถ้าออกตัวแรง...ไปเรื่อยๆ ก็จะหมดแรง ถ้าวิ่งช้าก็แพ้คนอื่น หนทางข้างหน้าต้องต่อสู่อีกยาวไกล worst case scenario คือเราต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ มีเรื่องใหม่ให้เจอทุกวัน key สำคัญต้องตัดสินใจให้ไว ในแต่ละวันนี้มีเรื่องใหม่เกิดขึ้น ทำให้เราต้องเอาเข้ามาตัดสินใจทุกวัน ผลลัพธ์ประเมินวันต่อวันกันเลยก็ว่าได้ในภาวะเช่นนี้
“ทุกวันนี้ก็กลัว Timing นี้เหมือนเรายืนอยู่บนสายพานวิ่ง ยืนเฉยๆ คุณก็จะตกสายพาน คุณต้องวิ่ง แต่จะวิ่งยังไง หน้าที่ผมเหมือนโค้ชคอยกระตุ้นน้องๆ ขณะเดียวกันเราต้องให้กำลังใจเขา เช่น โควิดปีที่แล้วผม town hall ทั้งองค์กรบอกว่าไม่ลดคน ไม่ไล่คนออก ต่อให้ขาดทุนก็ไม่ลดไม่ไล่คนออก ซึ่งวันนี้เข้าสู่ wave 4 แล้ว เอพีเราก็ยังไม่เคยเอาคนออก หรือลดเงินเดือน เราดูแลพนักงานเราทุกคนรวมถึงครอบครัวของเค้าด้วย”
ใครไม่ซื้อ ‘AP’ ซื้อที่ดินทำโครงการเพิ่ม!!!
“ปีนี้มีงบซื้อที่ดิน 10,000 ล้านเพราะปี 2563 โตเยอะ ปี 2564 ตัวเลขกลางปีใช้ได้ ยังโตอยู่”
อัตราหนี้สินต่อทุนลดลง จากเดิมปลายปี 62 เกือบ 1 เท่า วันนี้เหลือ 0.6 เท่า ทำให้ในสถานะที่สามารถซื้อที่ดินได้อีกพอสมควร
ซึ่งจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ไม่ใช่เพราะ ‘โชคดี’ แต่เกิดจากการวางแผนมากว่า 10 ปี
“เบื้องหลังการทำงานหนักเริ่มจริงๆ 10 ปีก่อน (2555-2564) หลังยุคน้ำท่วมใหญ่หมาดๆ ปฏิบัติการ “จัดวินัยองค์กร” นาน 1 ทศวรรษ ต้องบอกว่าคุ้มค่าและบริษัทเห็นดอกผลในยุควิกฤตเศรษฐกิจรอบนี้พอดี”
การผ่านวิกฤติช่วยให้เกิดภูมิคุ้มกันจริงๆ ‘เหมือนเป็นการฉีดวัคซีน’ นั่นแหละ
อย่างเรื่อง ‘ดิจิตอล’ ที่กลายมาเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้ ‘AP’ ให้ความสำคัญมานานมากแล้ว
“เราทำมา 3 ปีแล้ว คือทุกอย่างต้องเป็นดิจิตอลให้หมด เราก็เจออะไรแปลกๆ เวลาพูดถึงคอมพิวเตอร์จะพูดถึง ‘IT’ เราคิดว่าเขาเป็นหน่วยเดียวกัน แต่จริงๆ ไม่ใช่ ‘IT’ กับ ‘ดิจิตอล’ เป็นคนละพันธุ์กัน
‘IT’ เป็นหน่วยที่ดูระบบทางด้านคอมพิวเตอร์จริงๆ ระบบบัญชี ระบบซีอาร์เอ็ม แต่ ‘ดิจิตอล’ มันคือ ดิจิตอล …ติดต่อดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง คุยกับเฟสบุ๊ก ฉะนั้น ข้างในเอพีมีไอที 2 ทีม ทีมหนึ่งคือ’IT ’อีกทีมหนึ่งคือ ‘ดิจิตอล’ เพื่อตอบโจทย์ข้อ 3 ของผม everything ในองค์กรต้องดิจิตอล”
อนาคตของ ‘AP’ จากนี้ไปคืออะไรบ้าง
คำตอบแบบนิวนอร์มอลคือ “…สิ่งที่ผมวางวันนี้ ในวิธีการทำงานทุกๆ วัน ทุกคนเป็น Independence Responsibility Leader, next ขององค์กรคือคนจากหน้างานเป็นคนตัดสินใจเองว่า next คืออะไร”
อ่านดูแล้วเป็นองค์กรที่น่าทำงานด้วยจริงๆ โดยเฉพาะประโยคต่อมา
“บริษัทวางเคพีไอล่วงหน้า 3 ปี ปัจจุบันเป็นเคพีไอปี 2564-2565-2566 พอเข้าปีหน้าก็จะรันรอบสามปีเป็นเคพีไอปี 2565-2566-2567 ข้อแตกต่างกับการวางเคพีไอปีต่อปีคือ ถ้าปี 2564 เป้า 100 ปีหน้าต้องการโต 10% เท่ากับบวกเป็น 110 แต่บังเอิญทำงานเก่งทำได้จริง 150 หากต้องการโต 10% เท่ากับเป้าปีหน้าต้องแบกไว้ที่ 150+10 = 160
ในขณะที่เคพีไอล่วงหน้า 3 ปี สมมติเติบโตปีละ 10% ปี 2564 เป้า 100, ปี 2565 เป้า 110, ปี 2566 เป้า 120 ถ้าปีไหนทำได้เกินเป้า เช่น 150-160 แต่เคพีไอไม่เปลี่ยนยังยึดแผนเดิมที่วางไว้ล่วงหน้าจาก 100 ไป 110 และ 120 เหมือนเดิม”
“โมเดลนี้เหมือนกับไม่มีแรงกดดัน แต่ข้อเท็จจริงตรงกันข้าม เพราะคนเอพีเมื่อทำผลงานโตเกินเป้าแล้วก็ไม่มีใครอยากทำน้อยลง เพราะอย่าลืมว่า เวลาที่บริษัทพูดคำว่าเคพีไอ ความหมายคือโบนัสล้วนๆ ดังนั้นจึงเข้าสูตรทำมากได้โบนัสมาก ทำน้อยได้น้อยโดยอัตโนมัติ”
ผมพอจะรู้จักคนที่ทำงานที่ ‘AP’ อยู่บ้าง ไม่สงสัยเลยว่าแต่ละคนทำงานที่นี่กันเป็นระยะเวลานานๆ และถึงแม้บางคนอาจจะตัดสินใจย้ายออกไป แต่ก็มีแต่พูดถึงเรื่องดีของบริษัทกันทั้งนั้น ไม่ค่อยมีการพูดถึงในแง่ลบเลย
ท้ายสุดของการให้สัมภาษณ์ “คุณ อนุพงษ์ อัศวโภคิน” ฝากทิ้งท้ายถึงเรื่องสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน
“เรื่องวัคซีนและชีวิตผู้คน ต้องหยุดว่ากัน และทำให้เกิดให้ได้ ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้ายังไง นี่คือโจทย์ใหญ่ และเรื่องสำคัญที่สุดคือเอาวัคซีนให้จบ”
คมจนหยดสุดท้ายจริงๆ !!!!
#APThai #EmpoweLivng #คอนโดติดดอย
[อ่านฉบับเต็มได้ที่ >>>> https://www.prachachat.net/property/news-719031?fbclid=IwAR2oTi1RrYQ3IymPgSEVR5txpWiHzuuaOFjhnEDqdhiR0531LSZ5feTIMNk ]
Tag : APThai | EmpoweLivng | คอนโดติดดอย
ตอนที่คุณพราวเธอบอกว่าโครงการ "VEHHA" คอนโดลักชัวรี่ตัวใหม่ในหัวหินของเธอเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในหัวหิน ผมก็คือว้าวเลยครับ เพราะด้วยพื้นที่ที่เค้าเลือกสามารถทำให้ตัวตึกสูงได้ถึง 31 ชั้น!
ปล่อยเช่า ปล่อยเช่า ปล่อยเช่า! หลายเสียงบอกว่าตลาดเช่ากลับมาแล้ว ใช่! คนเช่าคอนโดกลับมาคึกคักแล้ว ถึงแม้ราคาจะยังไม่กลับมาเท่าเดิม แต่หลายปัจจัยทั้ง ชาวต่างชาติ รถติด น้ำมันแพง ล้วนเกื้อหนุนให้ตลาดเช่าคอนโดกลับมามีสีสัน พลอยทำให้ ‘การซื้อคอนโดปล่อยเช่า’ กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเช่นกัน โดนเฉพาะคอนโดใหม่ เพราะซื้อตอนนี้กว่าจะเสร็จก็อีกพักใหญ่ ทุกอย่างน่าจะเข้ารูปเข้ารอยเต็มที่
ใครกำลังหาคอนโดราคา 7 หมื่นกว่าๆ ต่อตารางเมตร ห่างรถไฟฟ้าระดับ 300 เมตร Space เยอะ ลมดี สีเขียวทาทาบโครงการ ตามมาอ่านบรรทัดถัดไปโดยพลัน
"QUINTARA MHy'GEN" เห็นราคาแล้ว "ใจหวิว" เลยครับ
จะบอกว่าทำเล "สายหยุด-สะพานใหม่" เป็นทำเลที่หลายคน "คุ้นหู" แต่อาจจะไม่ "คุ้นเคย" ก็ได้ครับ
หากจะเลือกลงทุนซื้อคอนโดปล่อยเอาไว้ปล่อยเช่าสักยูนิต ผมเชื่อว่าตัวเลือกแรกๆ ของนักลงทุนน่าจะหนีไม่พ้น "แคมปัส คอนโด" กันอย่างแน่นอน
บ้าไปแล้ว!! ถ้าพัฒนา AI ได้ขนาดนี้ วงการออกแบบมีสะเทือนอ่ะ บอกตรงๆ
ตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นหนักหน่วง มีแนวโน้มสูงมากที่ดอกเบี้ยนโยบายของบ้านเราจะปรับตัวขึ้นอย่างแน่นอนครับ
ร้านลับกว่านี้มีอีกมั้ย?
ซื้อคอนโดแถม VISA 20 ปี! ที่ดินทำเล ‘พัทยาเหนือ’ แบบ Free Hold (ขายขาด) หาได้ยากแล้วนะ! Once Pattaya : Iconic Mixed Use แรกแห่ง ‘พัทยาเหนือ’ ของดีเวลลอปเปอร์ชื่อ Honour Group
ตอนอยู่ NIDA เคยเรียน Case Study ของร้านขาย Hardware ในอเมริกา ว่าเค้าใช้ 'เส้น' ในการกำหนดเส้นทางเดินของลูกค้าในร้าน
เข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลังปีของปี 2565 กันแล้วนะครับ และผมเชื่อว่าเป็นเวลาที่หลายคนเริ่มมองหาอัตราดอกเบี้ยดี ๆ เพื่อทำการรีไฟแนนซ์กันอีกครั้งด้วย 555