ในช่วงเวลานี้ คงไม่มีเรื่องไหนให้ติดตามได้เท่ากับข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่การระบาดครั้งนี้ เป็นการระบาดระลอกสามของประเทศไทยแล้วนะ
กลายเป็นแจ็คพอตช่วงเทศกาลอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมโควิดมักจะมาในช่วงเทศกาลเป็นประจำ อย่างระลอกล่าสุดก็มาในช่วงเวลาก่อนเทศกาลสงกรานต์แบบพอดิบพอดี นับว่าเป็นของขวัญปีใหม่ไทย ที่ไม่มีใครอยากได้นัก
ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันจริงๆ ครับว่า การกลับมาครั้งนี้ของโควิด-19 นับว่าเป็นการระบาดที่หนักที่สุดกว่าครั้งไหนๆ ด้วยแนวโน้มขอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น เริ่มทะยานจากหลักร้อยสู่หลักพันซึ่งปัญหาที่ตามมาหลังจากมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นก็คือ โรงพยาบาลหลายแห่งมีเตียงไม่เพียงพอที่จะรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด
ซึ่งก็มีข่าวเศร้ารายวันเลยครับเพราะผู้ป่วยบางรายรอเตียงเพื่อเข้ารับการรักษาเป็นเวลานานจนกระทั่งไม่ทันเวลาเสียแล้ว ดังนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขเลยเริ่มมีนโยบายต่างๆ มารองรับผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ที่นอกจากโรงพยาบาลสนามแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ผมจะนำมาพูดถึงในวันนี้คือ "Hospitel" นั่นเองครับ
Hospitel คืออะไร?
Hospitel มาจากคำว่า Hospital บวกกับ Hotel โดยทำการปรับโรงแรมให้เป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ COVID-19 สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือไม่รุนแรง เน้นให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาการ หรือผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ซับซ้อนมากนัก เพื่อให้ทางโรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือลดความเสี่ยงสำหรับผู้ป่วยอื่นๆ ในโรงพยาบาลที่ไม่ได้เป็นโควิดด้วยครับ
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชน ขอตั้งเป็น Hospitel รวม 33 แห่ง ตัวเลขที่ระบุไว้ตอนนี้มี 8,000 เตียง ขณะนี้มีว่างจริงๆ ประมาณ 6,000 เตียง (ซึ่งตัวเลขนี้อาจจะถูกปรับเปลี่ยนได้ทุกวันนะครับ) โดยห้องพักจะมี 2 แบบคือ เตียงเดี่ยว และเตียงคู่ ซึ่งตอนนี้ยังเปิด Hospitel ไม่หมดเพราะยังต้องตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆ ว่าเพียงพอหรือไม่ การดูแลรักษาห้องเหมาะสมแค่ไหน ระบบกำจัดขยะ ทำความสะอาดดีพร้อมไหม
ผู้ป่วยที่อยู่ Hospitel จะได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิดไหม?
ในเมื่อเราป่วยแต่ไม่ได้อยู่โรงพยาบาล แล้วอย่างนี้เราจะได้รับการดูแลแบบใกล้ชิดจากแพทย์ไหม? หลายๆ ท่านอาจจะตั้งคำถามต่อ เพราะต่อให้อาการไม่รุนแรง แต่ขึ้นชื่อว่าป่วยก็คงกังวลกันอยู่บ้าง
ข้อนี้หายห่วงครับ เพราะถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่โรงพยาบาลหลัก แต่ตามเกณฑ์ของ Hospitel จะต้องมีแพทย์ 1 คนประจำ มีพยาบาลอัตราส่วน 20 เตียงต่อ 1 พยาบาล มีการตรวจคนไข้ผ่านเทเลเมดิซีนและแอพพลิเคชั่นไลน์ มีการเยี่ยมผู้ป่วยทุกวัน พร้อมทั้งมีเครื่องมือพื้นฐานต่างๆ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดระดับความเข้มข้นออกซิเจนในเลือด และเครื่องเอกซเรย์ เป็นต้น และหากผู้ป่วยที่กักตัวอยู่ใน Hospitel มีอาการรุนแรงขึ้น ก็จะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหลักได้แบบทันท่วงทีครับ
หลักเกณฑ์ของโรงแรมและผู้ใช้บริการ Hospitel มีอะไรบ้าง?
-ต้องเป็นโรงแรมที่มีห้องพักมากกว่า 30 ห้องขึ้นไป
-เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วไม่น้อยกว่า 5-7 วัน และมีผลภาพถ่ายรังสีปอดคงที่
-ผู้ป่วยยินดีให้ความร่วมมือ สามารถสื่อสารได้รู้เรื่อง ดูแลตนเองได้ดี ไม่ก้าวร้าว และไม่มีความเสี่ยงทางจิตเวช
-ผู้ป่วยไม่มีไข้ กรณีมีโรคประจำตัว ต้องควบคุมอาการได้ดี
-ต้องจัดยาให้พร้อม สำหรับให้ผู้ป่วยรับประทานด้วยตัวเองจนครบตามแผนการรักษาของแพทย์
-โรงพยาบาลต้นทางต้องยินดีรับผู้ป่วยกลับเข้ารักษาที่โรงพยาบาล หากผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลง
ในเมื่อ Hospitel ได้ชื่อว่าเป็น หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ COVID-19 แล้วอย่างนี้จะแตกต่างจากโรงพยาบาลสนามอย่างไร? ไขข้อสงสัยให้กระจ่าง เพราะโรงพยาบาลสนามถูกแบ่งเกณฑ์ต่างจาก Hospitel ดังนี้
โรงพยาบาลสนามหรือ Field hospital หรือ cohort center
-เป็นการจัดตั้งที่พัก สำหรับการสังเกตอาการผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ ในพื้นที่ที่มีการควบคุม
- จะต้องมีการคัดกรอง ไม่รับกลุ่มที่มีอาการ หรือมีความเสี่ยง รวมถึงระบบส่งต่อกรณีที่ต้องการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน
- มีระบบดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้น และระบบสำคัญๆ ของโรงพยาบาล โดยเฉพาะระบบการควบคุมการติดเชื้อ เพื่อป้องกันการระบาด สู่บุคคลภายนอกและชุมชน
มีประกันโควิดอยู่ในมือสามารถเคลมประกันขอใช้บริการ Hospitel ได้นะ
พูดง่ายๆ คือหากตรวจพบเชื้อ โรงพยาบาลที่เราไปตรวจจะประสานงานจัดหาเตียงให้หากต้องแอดมิท และมีความประสงค์ไม่อยากนอนรวมเพื่อรักษาในโรงพยาบาลสนาม คปภ. ได้ออกคำสั่งใหม่มาแล้วว่าผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ.สนามและ Hospitel ให้ถือว่าเป็น “ผู้ป่วยในและสามารถเคลมประกันโควิดได้” เฉกเช่นเดียวกับการรักษาตัวใน รพ.ทั่วไป
หากถือแผนของ “เอเชียประกันภัย” สามารถรีเควสแยกไปรักษาตัวที่ Hospitel ที่เปิดรับได้และสามารถเคลมได้ในวงเงินค่ารักษาแบบหายห่วง (ดีมาก!!)
ส่วนของ “วิริยะประกันภัย” จะไม่สามารถรีโรงพยาบาลได้เองตามใจชอบได้ จะต้องพักรักษาตัวตามที่รัฐฯ จัดหาให้เท่านั้น อาทิ รพ.ทั่วไปเต็ม โดนจัดสรรไปรพ.สนาม ก็ต้องเข้ารับการรักษาหากต้องการเคลมวงเงินค่ารักษา แต่ถ้าอยากรีเควสในส่วนของ Hospitel เพื่อซื้อความเป็นส่วนตัวนั้นก็ต้องจ่ายเงินเอง ไม่สามารถเคลมได้ (ปล. ตัวนี้ได้ข่าวว่าถือกันเพียบซะด้วย แหะแหะ)
คำถามต่อมา แล้วถ้าเกิดเราติดเชื้อ เราสามารถเลือกได้ไหมว่าจะขอเข้าไปรักษาที่ Hospitel และค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการจาก Hospitel จะอยู่ที่เท่าไหร่?
ข้อแรก หากมีเตียงว่างคนไทยทุกคนมีสิทธิเข้ารับการรักษาใน Hospitel ได้ครับ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลว่าจะจัดผู้ป่วยไว้ที่ไหน ต่อมาเรื่องค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะเหมือนการรักษาทั่วไป
โดยจะมีค่าเฉลี่ย14 วัน ต่อคน จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 - 40,000 บาท ในราคานี้ก็จะมีพวกค่าห้องพัก, ชุด PPE, เจ้าหน้าที่พยาบาล-หมอ, อาหาร 3 มื้อ ซึ่งข้อมูลนี้มาจากที่ทพ.อาคม ให้สัมภาษณ์มากับทางไทยรัฐนะครับ เค้าบอกราคาคร่าวๆ ว่า ค่าห้องพัก ประมาณ 650 บาท อาหาร 3 มื้อ ประมาณ 250 บาท แล้วแต่โรงแรม ซึ่งโรงแรมจะได้ค่าส่วนต่างตรงนี้
ในเมื่อรู้จักกับ Hospitel กันแล้ว เรามาดูกันครับว่าปัจจุบันมีโรงพยาบาลจับมือกับโรงแรมกี่แห่งกันแล้ว
1.โรงแรมโอทู ลักซ์ชัวรี่ (โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์)
จำนวนเตียง: 194 เตียง
ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ : 7 วัน 19,500 บาท
2. โรงแรม ฌ เฌอ - เดอะ กรีน โฮเทล (โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์)
จำนวนเตียง: 400 เตียง
ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ : 12 วัน 24,000 บาท
3. โรงแรมเดอะกรีนวิว (โรงพยาบาลบางปะกอก 9)
จำนวนเตียง: 400 เตียง
ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ : 7 วัน 19,000 บาท
4. โรงแรมรอยัล รัตนโกสินทร์ (โรงพยาบาลปิยะเวท)
จำนวนเตียง: 158 เตียง
ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ : 7 วัน 17,000 บาท
5.โรงแรมมาเลเซีย (โรงพยาบาลสุขุมวิท)
จำนวนเตียง: 80 เตียง
6. โรงแรมอินทรา รีเจนท์ (โรงพยาบาลปิยะเวท)
จำนวนเตียง: 455 เตียง
7. โรงแรมสินสิริ รีสอร์ท (โรงพยาบาลเสรีรักษ์)
จำนวนเตียง: 64 เตียง
8. โรงแรมชีวา กรุงเทพ (โรงพยาบาลกรุงเทพ)
จำนวนเตียง: 77 เตียง
9. โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท (โรงพยาบาลธนบุรี)
จำนวนเตียง: 324 เตียง
10. โรงแรมสินสิริ (โรงพยาบาลสินแพทย์)
จำนวนเตียง: 52 เตียง
11. โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท (โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์)
จำนวนเตียง: 171 เตียง
12. โรงแรมเมเปิล (โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์)
จำนวนเตียง: 150 เตียง
13. โรงแรมเวิร์ฟ โฮเต็ล (โรงพยาบาลเมดพาร์ค)
จำนวนเตียง: 324 เตียง
14. โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินน์ (สาทร) (โรงพยาบาลเมดพาร์ค)
จำนวนเตียง: 108 เตียง
15. โรงแรม อีลีแกนท์ แอร์พอร์ต (โรงพยาบาลสิรินธร)
จำนวนห้องพักทั้งหมด 230 ห้อง
ก็เอามาบอกเล่าเก้าสิบกันครับ ตอนนี้ก็ต้องศึกษากันไว้แล้วเนอะ เพราะต้องยอมรับจริงๆ ว่าการระบาดรอบนี้มันแพร่กระจายไวมากๆ แม้จะดูแลตัวเองดีมากแค่ไหน แต่ก็ต้องมีหวั่นๆ กันบ้างเหละ
ศึกษาข้อมูลกันไว้ ถ้าหากเราหรือคนใกล้ตัวติดเชื้อขึ้นมาจริงๆ แล้วมีอาการเล็กน้อย ก็สามารถใช้ Hospitel ได้ครับ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ทางที่ดี ก็ไม่อยากมีโอกาสไปใช้เนอะ5555
หวังว่าลูกเพจของเราทุกคนจะปลอดภัยกันถ้วนหน้าโดยไม่จำเป็นต้องไปใช้ Hospitel ทุกคนนะครับผม
ช่างเป็นคอนโดที่เหมาะกับคนเห็นแก่กินอย่างพวกผมยิ่งนัก 555 จะหันซ้ายหันขวา ก็คราคร่ำไปด้วยร้านของกินเด็ดๆ เรียงกันเป็นแถว
เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก
จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย
หน้าร้อนซัมเมอร์มันก็ต้องคู่กับทะเล ผมฝันไว้เสมอนะว่าอยากมีคอนโดตากอากาศ แต่ปัญหาก็คือคอนโดติดทะเลส่วนใหญ่มีราคาแรงมาก
หลังจากปล่อย "KLOS Ratchada" ไปไม่นาน "Frasers Property" ก็ได้ฤกษ์เตรียมผุดคอนโดแบรนด์ KLOS แห่งที่ 2 ต่อทันทีครับ
นับตั้งแต่เมืองเริ่มขยายตัวออก พื้นที่ที่หลายคนเคยมองข้ามก็กลายเป็นว่าเริ่มเนื้อหอมขึ้นเรื่อยๆ
หลังจาก "Emsphere" ห้างใหม่ในกลุ่ม "Em District" เปิดตัวไป ก็เพิ่มกระแสให้กับพื้นที่รอบด้านได้เพียบเลย ขนาดแค่เปิดตัววันแรกคนก็มหาศาล เรียกว่าสมราคาตระกูล Em สุดๆ
คิดจะพักคิดถึงคิทแคท แต่ถ้าคิดถึงโดนัทอร่อยๆ ก็ต้องคิดถึงคริสปี้ ครีม ดิค้าบบ ไปลองกันยัง “คริสปี้ ครีม x คิทแคท” (Krispy Kreme x KitKat) กับ 3 โดนัทหน้าพิเศษสุดฟิน!!
แต่ก่อนผมคิดนะว่า การจะซื้อบ้านทีก็ต้องไปดูถึงโครงการ ไปดูให้เห็นกับตาแล้วค่อยตัดสินใจ แต่ด้วยอากาศแบบนี้ บางทีก็แอบส่องผ่านทาง Social เอาก่อน น่าจะดีกว่านะ 5555
เมื่อวันก่อนได้ไปเดินเล่นที่งาน "สถาปนิก’67" เป็นอีกงานที่ผมประทับใจแล้วอยากให้เพื่อน ๆ ตามไปกันมาก ๆ เลยนะ
ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองตอนผ่านไปโซน ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางแค บางบอน บางขุนเทียน นะว่ามองไปทางไหน ทำไมถึงมีแต่โครงการบ้าน 100 ตร.วาขึ้นไปเท่านั้น!
ล่าสุดทางด้าน RPBW ได้ทำการเปิดตัวการออกแบบศูนย์ศิลปะและนวัตกรรมในเมืองโบกา ราตัน รัฐฟลอริดา ซึ่งความน่าสนใจก็คือเค้าไม่ได้เป็นแค่ศูนย์ศิลปะธรรมดา แต่ที่นี่ยังเป็นเวทีสำหรับแนวคิดใหม่ๆ โอกาสในการโต้ตอบกับ AI อีกด้วย