ต้นปีแบบนี้... สิ่งหนึ่งที่เรามักจะได้เห็นกันก็คือแผนพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ของทั้งทางภาครัฐและเอกชน ซึ่งบางโครงการก็อาจจะหยุดชะงักไปจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
วันนี้ #ติดดอยรวมมาให้ ของเราเลยรวบรวมโครงการต่าง ๆ ของทางรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ภายในปี 2564 นี้มาอัพเดตให้เพื่อน ๆ ชาวติดดอยได้เตรียมตัวไปใช้กัน
เห็นว่าปีนี้มาครบทุกการเดินทางเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ สถานีขนส่งสาธารณะ ทางเท้า หรือแม้กระทั่งศาลาพักผู้โดยสารรถประจำทาง
ว่าแล้วอย่ามัวเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีอะไรใกล้ตัวชาวติดดอยกันบ้าง เพื่อน ๆ จะได้เตรียมตัววางแผนไปใช้กันล่วงหน้าเนอะ ลุ๊ยยยย!!!
1. รถเมล์ไฟฟ้า คาดเริ่มใช้กลางปี 2564
เป็นประเด็นกันมายาวนานสำหรับรถเมล์ที่พวกเราใช้อยู่ หลายคนบอกกันว่าอายุเกินใช้งาน ควรแค่แก่การปลดเกษียนเต็มที่
งานนี้ทางกระทรวงคมนาคมเค้าก็เลยตอนสนองความต้องการคนเมือง เปลี่ยนรถเมล์โฉมใหม่ให้กลายเป็นรถเมล์ไฟฟ้าตามแผนฟื้นฟูรถเมล์กรุงเทพฯ
โดยข้อดีที่เราเห็นได้ชัดก็คือการใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนนี้ราคาถูกกว่าด้วยต้นทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท/ปี เทียบกับรถยนต์น้ำมันแบบเดิมที่กินเงินเกือบ 7,000 ล้านบาท/ปี
นอกจากนี้ยังปลอดภัยต่อการใช้งาน และช่วยลดปัญหาฝุ่นควัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าในระยะยาวอีกด้วย
โดยวางแผนกำหนดการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 2,511 คัน เพื่อวิ่งรับส่งผู้โดยสารใน 108 เส้นทางทั่วเมือง
คาดกันว่า 400 คันแรกจะมาถึงช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 แต่หากไม่ทันอาจจะเลื่อนออกไปเป็นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ที่จะถึงนี้ครับผม
2. เรือไฟฟ้าคลองแสนแสบ คาดเริ่มใช้กลางปี 2564
ต่อเนื่องกระแสพลังงานไฟฟ้ากันกับ "เรือไฟฟ้าคลองแสนแสบ" ที่ก่อนหน้านี้ใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วฝุ่นควันเยอะได้ใจ 55555
ซึ่งคนที่ต้องนั่งเรือคลองแสนแสบเป็นประจำก็เตรียมตัวใช้กันได้เลยคาดว่ากลางปี 64 นี้พร้อมใช้แแน่นอน โดยตอนนี้เค้ากำลังอยู่ในช่วงทดสอบการเดินเรือให้ปลอดภัยแล้ว
แถมยังได้ข่าวว่ายังเตรียมประกอบเรือให้เสร็จตามกำหนด 5 ลำ ต้นทุนตกอยู่ที่ลำละประมาณ 10 ล้านบาท สามารถจุคนได้มากถึง 100 คน และวิ่งได้ไกล 60 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบต 1 ครั้ง
ทีนี้ต่อไปเวลาจะลงเรือก็ต้องรอลุ้นเอานะว่าจะได้ขึ้นเรือไฟฟ้าหรือเรือน้ำมันเช่นเดิม เพราะเค้ายังใช้งานควบคู่กันไป ไม่ได้เปลี่ยนทั้งหมด
แต่ผมว่าถ้าเปลี่ยนหมดได้เมื่อไหร่ก็คงจะดีไม่น้อย นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้วยังลดปัญหาฝุ่นควันที่ทำให้เกิด PM 2.5 ได้ด้วย
3. สายสีแดง คาดเปิดใช้เดือนพฤศจิกายน 2564
ขยับมาดูโครงการใกล้ตัวชาวคอนโดอย่างรถไฟฟ้ากันบ้างดีกว่า เริ่มกันที่รถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วง บางซื่อ-รังสิต กันก่อนเลย
อย่างที่รู้กันว่ารถไฟฟ้าสายนี้สร้างเพื่อร่นระยะเวลาการเดินทางระหว่างพื้นที่ใจกลางเมืองและชานเมืองให้รวดเร็วขึ้น โดยเค้าเคลมว่าใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
คนเมืองเตรียมตัวใช้กันได้เลย เพราะตามแผนเค้าก็บอกว่าจะหมุนล้อให้คนเมืองได้ทดสอบการใช้งานเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 ที่จะถึงนี้
ก่อนจะเปิดเดินรถจริงอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี ประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ครับผม :)
4. สายสีชมพู คาดเปิดใช้เดือนตุลาคม 2564
ต่อกันที่รถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่บรรดาคอนโดจ่อคิวขึ้นตามรางกันอย่างคึกคัก โดยโครงการรถไฟฟ้าสายนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพฯ
ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยวางแผนเปิดให้บริการเป็นช่วง ๆ ไม่ได้เปิดให้บริการทีเดียวตลอดทั้งสายนะ
โดยวางแผนให้ให้เอกชนเปิดเดินรถช่วงแรก สถานีมีนบุรี-ศูนย์ราชการ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ที่จะถึงนี้ และจะเปิดเต็มรูปแบบ 30 สถานีในช่วงปลายปี 2565
นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติสร้างเพิ่มอีก 2 สถานีในช่วงส่วนต่อขยาย นั่นคือสถานีศรีรัชและสถานีเมืองทองธานี ในงบประมาณ 3,380 ล้านบาท
เพื่อช่วยรองรับการเดินทางในเมืองทองธานีให้สะดวกสบาย ซึ่งปัจจุบันมีคนอยู่อาศัยมากกว่าแต่ก่อน รวมทั้งรถไฟฟ้ายังเป็นตัวกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงต้น พ.ศ. 2564 และสร้างเสร็จใน พ.ศ. 2566
5. สายสีเหลือง คาดเปิดใช้ปลายปี 2564
ปิดท้ายกันที่ "รถไฟฟ้าสายสีเหลือง" ที่จะมาเป็นฮีโร่ทะลวงรถติดบนถนนลาดพร้าว รามคำแหง ศรีนครินทร์ และพัฒนาการ ให้พวกเราลดการใช้เวลาบนท้องถนนลง
ล่าสุดเห็นว่าอยู่ในช่วงทยอยรับรถไฟฟ้ามาจากประเทศจีน หากมาครบเมื่อไหร่ก็จะเดินหน้าทดสอบรถและเช็กการใช้งานอาคารศูนย์ซ่อมได้ทันที
ใครที่พักอาศัยอยู่โซนนั้นก็อดใจรอกันอีกนิด คาดว่าจะเปิดบริการช่วงแรกปลาย พ.ศ. 2564 ก่อนจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายใน พ.ศ. 2565 ที่จะถึงนี้
6. สถานีกลางบางซื่อ คาดเปิดทดลองใช้เดือนกรกฏาคม 2564
เมกะโปรเจกต์สุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่หลายคนรอใช้งาน "สถานีกลางบางซื่อ" ปีนี้รับรองว่าชาวไทยได้ฤกษ์ใช้กันอย่างแน่นอน
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเห็นว่าด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จเกือบ 100% โดยใช้งบประมาณรวมทั้งหมดกว่า 34,000 ล้านบาท
กำหนดการเปิดให้บริการก็อีกไม่นาน คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ทดลองใช้เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 และเปิดใช้งานจริงในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564
ซึ่งตัวผมเองตื่นเต้นจริง ๆ นะ เพราะสถานีกลางบางซื่อเมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้วไม่เพียงแค่เป็นศูนย์กลางระบบรางที่ใหญ่ที่สุดของไทย แต่จะใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งเปลี่ยนถ่ายการเดินทางที่รวมทุกระบบขนส่งสาธารณะไว้ในที่เดียว ทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟทางไกลสายเหนือ อีสาน ใต้ ตะวันออก ตะวันตก และรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ที่จะช่วยให้การเดินทางจากในเมืองสู่ต่างจังหวัดเป็นเรื่องง่ายกว่าเคย
7. ปรับปรุงทางเท้า คาดจะเกิดขึ้นภายในปี 2564
หมดยุคเดินทางเท้าแล้วต้องลุ้นเหมือนเล่นเกมเหยียบกับระเบิดแล้ว!!! เพราะ กทม. เค้ามีแพลนปรับภูมิทัศน์กรุงเทพฯ ให้น่าเดินขึ้นแล้ว
โดยเริ่มจากการขยายทางเท้าเพื่อทำเป็นถนนคนเดิน รองรับการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน ซึ่งโครงการนำร่องที่แรกคือช่วงถนนเยาวราช-ถนนราชวงศ์ เป็นระยะทาง 650 เมตร ภายใต้งบประมาณทั้งหมด 10 ล้านบาท
ย่านต่อไป กทม. วางแผนจะปรับปรุงทางเท้าบริเวณ 30 เส้นทาง เช่น ถนนดินสอ ถนนพระอาทิตย์ ถนนเจริญกรุง ถนนหลักเมือง และถนนเฟื่องนคร คาดใช้งบประมาณรวมทั้งหมด 517 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กำลังศึกษาอยู่ คือช่วงเตาปูน-บางโพ เพื่อรองรับจำนวนคนที่เข้ามาอยู่อาศัยมากกว่าแต่ก่อน และรองรับสถานีกลางบางซื่อที่จะเปิดใช้งานภายในปีนี้
ถัดไปเป็นโซนพระราม 9 – อโศก มีแพลนออกแบบทางเท้าเป็นทางเดินต้นไม้ริมสองข้างทาง เพื่อสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นในการเดินตลอดสาย
ส่วนฝั่งธนบุรี ทาง กทม. สนใจเพิ่มทางเท้าบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า เพื่อเชื่อมระบบการเดินทาง รถไฟฟ้า จุดจอดเรือโดยสาร และรถเมล์ ให้สะดวกสบาย
และสุดท้ายคือบริเวณถนนมหาราช ที่เชื่อมมหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ทั้งนี้ต้องเสนอให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าพิจารณาเรื่องนี้เสียก่อนครับ
8. ปรับปรุงสวนลุม คาดเสร็จภายในปี 2564
พักเรื่องการเดินทางแล้วมาดูข่าวดีสำหรับคนชอบวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะอย่างสวนลุมพินีกันบ้างดีกว่าเนอะ
เพราะเห็นว่าทางผู้ว่าฯ กทม. เค้าวางแผนปรับปรุงสวนลุมพินีใหม่เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2568
โดยเริ่มต้นการพัฒนาแบ่งเป็น 3 เฟส ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในเฟสแรก นั่นคือการปรับปรุงโครงสร้างของสวนให้แข็งแรง ภายใต้งบประมาณ 134 ล้านบาท ใช้ระยะเวลา 1 ปี
เช่น ปรับปรุงระบบท่อใต้ดินและการระบายน้ำ การทำทางเท้าให้เสมอกัน ติดตั้งไฟส่องสว่าง และซ่อมแซมอาคารภายในที่ชำรุด ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายใน พ.ศ. 2564
ส่วนเฟส 2 จะเป็นการพัฒนาพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น พื้นที่จัดกิจกรรมหรืออาคารห้องสมุด และเฟส 3 เป็นการพัฒนาพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
แต่ แต่ แต่... สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องใช้งานสวนลุมอยู่เป็นประจำก็ไม่ต้องกังวลใจกันนะ เพราะระหว่างปรับปรุงชาวกรุงยังสามารถมาใช้บริการสวนลุมพินีได้เหมือนเดิมนะ อิอิ
9. สร้างอุโมงค์ระบายน้ำ คาดเสร็จปลายปี 2564
อีกหนึ่งปัญหาที่วนเวียนมาหาชาวกรุงเกือบทุกปีก็คือปัญหาน้ำท่วมขังจากฝนตกหนักในช่วงฤดูฝน ซึ่งต้องรีบระบายน้ำให้เบาบางลง
สาเหตุนี้เองเลยก่อให้เกิดโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน เป็นแนวอุโมงค์ลอดใต้แนวคลองกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เพื่อระบายน้ำช่วงฝนตกหนักในบริเวณเขตประเวศ เขตสวนหลวง เขตพระโขนง และเขตบางนาให้ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้โดยเร็ว
ตัวอุโมงค์ระบายน้ำมีกำลังสูบ 60 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 85 ตารางกิโลเมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร ยาว 9.4 กิโลเมตร และอยู่ลึกจากพื้นดินถึง 30 เมตร ใช้งบประมาณทั้งหมด 4,925 ล้านบาท
โดยอัพเดตล่าสุดเค้าก็แจ้งมาว่าปัจจุบันอยู่ในช่วงก่อสร้าง แต่คืบหน้าไปได้มากกว่า 60% และคาดว่าจะเสร็จภายในปลายปี 2564 แม้จะไม่ทันหน้าฝนปีนี้ แต่ปีหน้าได้ใช้แน่นอน อิอิ
10. ศาลารอรถเมล์โฉมใหม่ คาดเสร็จครบตามแผนเมษายน 2564
ได้เวลาเปลี่ยนที่รอรถเมล์สุดเก่าให้กลายเป็นจุดจอดรถประจำทางแสนอัจฉริยะกันแล้ว กับโครงการ ‘Smart Bus Shelter’ ศาลารอรถเมล์อัจฉริยะ ที่เกิดจากการจับมือของสำนักการจราจรและขนส่งร่วมกับบริษัท แพลน บี มีเดีย โดยออกแบบ 2 รูปแบบใหม่คือ
แบบ Full Function มีจอ LED แสดงเวลาที่รถเมล์เดินทางมาถึง กล้องวงจรปิด ระบบชาร์จแบตสมาร์ตโฟน และ Free Wi-Fi ส่วนอีกแบบคือ Light Function เน้นความปลอดภัยในเรื่องกล้องวงจรปิดและระบบไฟส่องสว่าง
โดยศาลารอรถเมล์อัจฉริยะนี้เป็นโครงการนำร่องที่จะทดลองติดตั้งในย่านที่มีคนใช้งานมาก อย่างบริเวณเซ็นทรัลฯ พระราม 9 ถนนรัชดาภิเษก สวนจตุจักร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท และถนนพหลโยธิน
เอาจริงผมเชื่อว่าชาวกรุงทั้งหลายคงจะรอเวลานี้กันมาแสนนาน ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาเมืองให้มีความทันสมัย และจูงใจให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะมากขึ้นเนอะ
เห็นว่าตอนนี้เค้าก็เริ่มใช้งานไปบางส่วนแล้วนะ และกำลังติดตั้งเพิ่มเติมจากปีที่แล้วประมาณ 200 หลัง คาดว่าจะติดตั้งครบตามแผนทั้งหมด 350 หลัง ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 700 ล้านบาทครับผม
ที่มา : https://bit.ly/38QLsgK , https://bit.ly/39DWF3D , https://bit.ly/3qvsFxs , https://bit.ly/2Kp7AFD , https://bit.ly/3sCgjFA , https://bit.ly/3oYgkBQ , https://bit.ly/3bPigsk , https://bit.ly/3oU5LzJ , https://bit.ly/39GdMlk , https://bit.ly/3oUekun , https://bit.ly/3sBU8Qb , https://bit.ly/2XRjhIs , https://bit.ly/3qt7mg7 , https://bit.ly/3qzgVKD
Tag : โปรเจกต์รัฐบาล | Covid 19 | รัฐบาล
“โอ้โห ได้วิวนี้เลยเรอะ คอนโดอยู่ตรงนี้เลยจริงดิ นี่มันอยู่ท่ามกลางดง รีสอร์ท โรงแรม เลยนะ“ ผมเผลอหลุดปากออกมา เมื่อได้เห็นภาพโครงการครั้งแรก
"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
ในที่สุดที่ดินตรงหัวมุมพญาไท ต้นซอยรางน้ำ ที่ล้อมรั้วกันที่ไว้นานน๊านนานแล้วก็ลุ้นกันอยู่เป็นปีว่าจะขึ้นโปรเจกต์อะไร สรุปวันนี้ก็ได้ออกหัวออกก้อยแล้วในที่สุดครับ
ถ้าใครแวะไปสีลมจะเห็นได้ว่าเดิมทีมันมีที่ดินว่างติด BTS ศาลาแดง บริเวณข้าง Silom Complex อยู่
เอ๊ะ!! ปีนี้แบรนด์ 'Life' จาก AP มาติดๆ กันเลยแหะ!!
"MX27" ช่วง "อโศก-พร้อมพงษ์" นี่มันดงโรงแรมชัดๆ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางไกลนับพันกิโลเมตร
เมื่อคนซาก็ได้เวลาไปกิน "CHICHA San Chen" ชานมไต้หวันฉบับออริจิ้นเทียบเท่ามิชลิน 3 ดาว!
วันก่อนไปเจอคาเฟ่หนึ่งมาครับ ชื่อร้านว่า Second Cafe Wanglang ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ตรอกวัดระฆัง ตรงวังหลังนี่เอง
เปิดประสบการณ์ "Pavilion Luncheon Experience" เซ็ตอาหารไทยเบาๆ 4 ที่จากโรงแรม Dusit Thani Bangkok
ใครจะไปอินช่วงเทศกาลเท่า 'คริสปี้ ครีม' ล่าสุดเข้าเดือนเมษายน ก็ส่งโดนัทและเครื่องดื่มแบบไทยๆ 4 รสชาติ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ กับ Thai Sweet Selection