ผมเคยได้ยินมาว่า คอนโดมิเนียมริมน้ำไม่ว่าจะยังไง พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกแค่ไหน ราคาก็ไม่มีวันตก แถมยังมีคนต้องการเข้าพักอยู่ตลอด เห็นทีจะไม่เกินจริงไปนักครับ

        นั่นเพราะเดี๋ยวนี้ที่ติดริมแม่น้ำเริ่มหายากแล้ว หลายเจ้าเลยขยับไปเลือกแบบ "เห็นวิวแม่น้ำ" แทนหน่อย แต่สำหรับ "NA REVA เจริญนคร" นั้นถือเป็นแบบแรกนะ คือโครงการติดริมแม่น้ำ ให้เราได้สบตากับแม่น้ำเจ้าพระยาได้ในทุกวินาทีเลย

        ที่สำคัญเมื่อพูดถึงโครงการนี้จุดหนึ่งที่ผมชอบคือการที่เขาตั้งอยู่ในพื้นที่ของโซนเจริญนครนี่แหละ

        โซนนี้ถือได้ว่าเป็นโซนหนึ่งย่านฝั่งธนที่มีพัฒนาการโดดเด่นกว่าใครเพื่อนแถมยังน่าจับตามองมากๆ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ด้วย

        ไม่ว่าจะในส่วนของการมาถึงของห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์ รถไฟฟ้าสายสีทอง แหล่งงานต่างๆ หรือโครงการอสังหาริมทรัพย์เองก็มาแน่นเหมือนกัน

        เอาตามจริงคือตอนนี้ความเป็นเมืองมันเริ่มมาชิดแล้วล่ะ แต่ก่อนคนจะกลัวว่าถ้าข้ามแม่น้ำไปแล้วมันคงไม่มีอะไรแล้วล่ะมั้ง แต่เดี๋ยวนี้ก็คือไม่ใช่แล้วครับ เพราะดีเวลลอปเปอร์ทั้งหลายเขาเริ่มเบนเข็มเข้ามาทางนี้กันเยอะแล้ว

        ตัวโครงการ "NA REVA เจริญนคร" เองมีพื้นที่ตั้งอยู่แถวๆ ย่านโรงแรม AVANI, ANANTARA ที่ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คือไม่ได้อยู่ใจกลางเจริญนครหรอก แต่อยู่ปลายๆ เจริญนครมากกว่า แบบจะหันไปหาพระราม 3 ก็ได้ แต่ข้อดีคือช่วงนี้มันจะมีความเงียบสงบมากกว่าไง

        พูดในเรื่องของการเดินทางก็นับได้ว่าสะดวกอยู่นะ เพราะจะมีความคล่องตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับโซนย่านเจริญนครฝั่งที่มีรถไฟฟ้าสายสีทองเข้ามา เพราะตรงนั้นรถเริ่มติดบ้างแล้ว ใครต้องผ่านแถวนั้นน่าจะเข้าใจดี

        อ้อ พูดมาถึงตรงนี้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวใกล้ๆ กับวัดเศวตฉัตรจะมีศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยมาตั้งใหม่ด้วยครับ 

        นับได้ว่าเป็นโลเคชั่นที่ครบครันและน่าสนใจสำหรับใครที่อยากหาที่อยู่อาศัยที่มีความสงบ เป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย แต่ก็ยังสามารถเดินทางเข้าใจกลางเมืองได้ง่ายและรวดเร็ว ราคาเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 112,000 บาท/ตารางเมตรแล้ว

        มาดูภาพรวมโครงการกันบ้างดีกว่า สำหรับ "NA REVA เจริญนคร" นั้นเป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 29 ชั้นครับ มีห้องพักด้วยกันทั้งหมด 253 ยูนิต แล้วก็ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 13 ยูนิต/ชั้นเท่านั้น

        ในเรื่องของ Facilities ด้วยความที่ตึกยังไม่เสร็จ (ตามแผนน่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2566) ผมเลยยังไม่มีโอกาสได้เห็นของจริง แต่เท่าที่เห็นใน perspective ก็ถือว่าครบครันเลยนะ ทั้ง Grab and Go Space, Lobby, Co-Working Space, Meeting Room, Backyard, Orchard, Playground (Outdoor), Kid’s Playroom (Indoor), Multi-Purpose Room

        ส่วนของ Fitness นั้นค่อนข้างว้าวเลยเพราะกว้างถึง 120 ตร.ม. เป็นกระจก Full Height มองเห็นด้านนอกทั้ง Playground ไปจนถึงตัววิวแม่น้ำด้วย และ Infinity Edge Pool ของเค้ายาว 22 เมตร กว้าง 4 เมตร ลึก 1.2 เมตรครับ ตัวสระอยู่ทางด้านหน้าของอาคารเลยทำให้มองเห็นวิวแม่น้ำได้อย่างเต็มตา อ้อ ที่สำคัญคือมี Pavilion และส่วนของ Sunset Lounge อยู่หลังอาคารด้วย ไว้ชมพระอาทิตย์ตกดินกันฟินๆ ยามเย็น 

        มาดูเรื่องห้องของเค้ากันบ้างดีกว่า ไทป์ห้องของโครงการนี้มีให้เลือกเยอะเลยคือมีด้วยกัน 5 แบบ คือแบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom Loft, 1 Bedroom Executive, 1 Bedroom Plus และแบบ 2 Bedroom

        สำหรับที่เซลส์แกลลอรีที่ผมไปมานั้นจะมีให้ยลโฉมกันทั้งหมด 2 ไทป์ครับ คือ 1 Bedroom Loft และ 2 Bedroom

        เอาเป็นว่าเดี๋ยวมาดูในส่วนของ 1 Bedroom Loft ก่อนเลยเพราะผมเทใจให้ห้องนี้ไปแล้ว 5555 ห้องนี้มีขนาดพื้นที่บนล่างรวมกันจะได้ 30.45 + 12.75 = 43.2 ตร.ม. นะครับ

        ที่ผมชอบคือมันไม่ดูเป็นการประโคมทุกอย่างใส่จนดูล้นเกินไป ถ้าพูดถึงความเป็นเจริญนครในความคิดผมนั้นจะเรียบง่ายหน่อยๆ ไม่หวือหวา ดูสงบ และห้องนี้ก็ถือว่าออกแบบมาได้แบบทำให้เห็นภาพของความเป็นเจริญนครในทันทีเลย!

        การวางผังของห้องก็เป็นสัดเป็นส่วนดีนะ ครัวที่ได้เป็นครัวเปิดตั้งอยู่ตรงบริเวณทางเข้า แต่ถ้าจะกั้นเพิ่มก็ทำได้ไม่ยากครับ ฝั่งซ้ายมือของประตูมีพื้นที่เล็กๆ ให้วางของ นั่งพักเหนื่อย หรือนั่งถอดรองเท้าหลังจากเปิดประตูเข้ามาด้วย ดูใส่ใจดี

        พื้นที่ห้องนั่งเล่นกับทานข้าวอยู่ถัดไปครับ ติดกระจกเลย ไว้ชมวิวแม่น้ำได้เพลินๆ ห้องเป็นพื้นที่แบบ Double Space ฝ้าเพดานสูง 4.45 เมตร ตัวนี้แอบคิดหน่อยว่าถ้าทำเป็นกระจกบานสูงใส่เต็มไปจากพื้นจรดเพดานน่าจะทำให้สามารถเทควิวได้เต็มที่มากขึ้น (แต่แน่นอนว่าอาจต้องเจอกับแดดแรงๆ ในช่วงกลางวัน แหะๆ)

        บันไดขึ้นชั้นบนเป็นรูปตัว L ขึ้นไปเลยครับ มีช่องแสงให้ความสว่างด้วย ส่วนพื้นที่ชั้นบนจะเป็นแค่ส่วนของห้องนอนที่มีพื้นที่ให้วางเตียงกับตู้เสื้อผ้าได้ แต่กิมมิกน่ารักๆ คือสามารถวางโต๊ะทำงานเล็กๆ หันหน้าออกทางวิวแม่น้ำได้นี่แหละ

        ห้องสไตล์นี้ก็พูดยากนะ คนชอบก็ชอบเลย ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ นี่สำคัญมันยากหน่อยเวลาอยากเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ เพราะต้องวิ่งลงไปเข้าด้านล่าง ถ้างัวเงียตื่นมาเดินไม่ระวังนี่ก็น่าห่วง

        เอาล่ะ มาดูอีกห้องที่เหลือกันดีกว่า เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 53.00 ตารางเมตร ตัวนี้ที่เปิดประตูมาแล้วผมปิ๊งเลยคือกระจกบานเลื่อน 4 ตอนแบบเต็มผนัง ได้ระเบียงขนาดใหญ่ไว้รับวิว แบบว่านี่ไง วิวแม่น้ำมันก็ต้องแบบเน้!

        ห้องนี้ดีตรงที่โซนทำอาหารจัดวางโต๊ะกินข้าวใกล้ๆ กันไปเลย ไม่ได้ไปแอบอยู่ด้านหลังโซฟาตรงพื้นที่นั่งเล่นเหมือนห้องแรก อาจจะกั้นห้องเพิ่มไม่ได้ แต่พื้นที่ห้องมันโปร่งโล่งครับ ถือว่าช่วยทดแทนได้หน่อย

        Master Bedroom เองก็เก๋นะ เพราะให้กระจกบานใหญ่มาเหมือนกัน ตื่นมาก็สามารถนอนเหม่อมองวิวแม่น้ำได้เต็มที่ แต่แอบอยากให้มันใหญ่กว่านี้อีกหน่อย เพราะพื้นที่ระหว่างเตียงนอนกับผนังเหลือค่อนข้างน้อยอ่ะ

        ส่วน Walk-in Closet ไม่ใหญ่นัก ห้องน้ำอยูด้านในครับ ก็นับว่าแยกการใช้งานได้เป็นสัดส่วนดี

        ในส่วนของห้องนอนเล็กถ้าจะวางเตียงใหญ่น่าจะคับแคบไปนิด เอาเป็นว่าผมว่าสักประมาณ 3.5 ฟุตน่าจะกำลังดี ยังพอมีพื้นที่เหลือแบบไม่อึดอัด สามารถวางโต๊ะทำงานตรงช่องหน้าต่างได้ แล้วก็ตรงหน้าห้องมีตู้เสื้อผ้าให้นะจ๊ะ

        ตอนนี้เห็นว่าโครงการขายได้ 30% นิดๆ เพราะเปิดมาก็เจอโควิดจังๆ เลย ดูเหมือนเพิ่งจะมาสปีดกันช่วงหลังๆ นี่เอง

        คนส่วนใหญ่ที่ซื้อไปส่วนมากก็ซื้อไปเพื่ออยู่เองครับ เป็นพวกที่ขยับออกจากด้านนอกเข้ามาด้านในนิดหนึ่งแต่ไม่ได้อยากไปอยู่พวกโซนทองหล่อ เอกมัย อะไรเทือกนั้น เลยเลือกมาอยู่ย่านนี้แทน

        สำหรับผมก็ว่าน่าสนใจนะ เหมาะกับใครที่กำลังมองหาคอนโด High-Rise ที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมวิวเมือง ที่สำคัญเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัวเพราะอยู่ในย่านชุมชนเก่าแต่ถึงอย่างนั้นก็มีความอุดมสมบูรณ์สูง ความเจริญไล่ตามมาติดๆ ด้วยเพราะใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย เดินทางเข้า CBD สะดวก ศูนย์การค้าเพียบอีกแบบนี้ ราคาเริ่มต้นก็ไม่แรงเลย อยู่ที่ 2.9 ล้านบาท เพราะงั้นน่าแอดเข้า Wish List ครับ