พูดถึงย่านรามอินทรา หนึ่งในโครงการที่ผมเฝ้าเกาะติดรอชมอยู่ตลอดก็ต้องยกให้กับ “Origin Smart City Ramintra” ของทางออริจิ้น

        แนวคิดของโปรเจคนี้ก็คือการทำพื้นที่ให้เป็นเมืองอัจฉริยะที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน เพื่อเอื้ออำนวยการใช้ชีวิตให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยแนวคิด “Beyond A Living Platform” 

        ซึ่งทั้งโครงการจะตั้งอยู่ระหว่างซอยรามอินทรา 79/1 กับ 81 เยื้องกับโรงพยาบาลสินแพทย์ และกำลังจะมี รถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีรามอินทรา 83 ด้วย

        แม้ในตอนนี้ตัวโปรเจคที่จะสร้างให้เมืองอย่างที่เค้าต้องการจะยังไม่มีให้เราเห็นได้ชัด แต่เรื่องพื้นที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียมก็เริ่มปักหมุดกันไปบ้างแล้ว

        เริ่มจากโครงการแรก THE ORIGIN Ramintra 83 Station ที่เปิดตัวมาก็สร้างกระแสให้กับย่านนี้จนล่าสุดมียอดขายไปแล้วกว่า 70% ของโครงการ

        และน้องใหม่ล่าสุด THE ORIGIN Plug and Play Ramintra ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาด้วยการชูจุดเด่น ห้อง 2 ชั้นรูปแบบใหม่ Duo Space ที่ให้พื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น

        แค่ฟังจุดขายผมก็ว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะจากที่ผมตระเวณสำรวจโซนนี้มา นี่อาจจะเป็นโครงการแรกที่ทำห้อง Loft สองชั้นเลยก็ได้ 

        สำหรับใครที่อยากไปลองเยี่ยมชมห้องตัวอย่างของทั้งสองโครงการนี้ก็สามารถไปที่สำนักงานของเค้าได้เลยนะ

        ซึ่งทั้งสองโครงการใช้สำนักงานร่วมกัน ก็โครงการอยู่ข้างกันแบบรั้วชนรั้วเลยนี่เนอะ 555

        การเดินทางก็ง่าย ๆ เลยครับ รถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการที่สุดในตอนนี้จะเป็น รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานีวัดพระศรีฯ เพราะสายสีชมพูที่ผ่านหน้าโครงการยังไม่เสร็จ

        ลงจากสถานีมาบริเวณวงเวียนหลังสี่ เดินลงทางสถานีตำรวจนครบาลบางเขนแล้วก็ขึ้นแท็กซี่ได้เลย ส่วนใครที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มาตั้งต้นที่นี่ได้เช่นเดียวกันครับ

        วิ่งบนถนนรามอินทราตรงมาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณ รามอินทรา กม.9 หรือสังเกตที่ป้ายซอย รามอินทรา 79/1 ก็จะสามารถมองเห็นตัวสำนักงานขายของโครงการแล้ว

        ก่อนเราจะเข้าไปชมห้องตัวอย่างรูปแบบใหม่ของโครงการกัน ผมถือโอกาสเดินเล่นสำรวจ ความเป็นอยู่โดยรอบ ซะหน่อย เพราะดูแล้วก็ครบเครื่องอยู่เหมือนกัน

        เริ่มความสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้างความสะบายใจให้กับการอยู่อาศัยอย่าง โรงพยาบาลสินแพทย์ ที่ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับโครงการ

        นอกจากจะเป็นแลนด์มาร์คที่คอยสร้างจุดสังเกตแล้ว ยังถือเป็นจุดที่ช่วยให้พื้นที่นี้มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะโดยรอบมีร้านรวงต่าง ๆ ให้เรามาใช้บริการอยู่

        แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องปากท้องที่เหมาะสำหรับคนที่จะมาอยู่โครงการนี้จริง ผมว่าบริเวณช่วง ซอยรามอินทรา 83 ถึง 85 ดูจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเราได้ดีกว่า

        สาเหตุแรกเลยก็คือตั้งอยู่บนถนนฝั่งเดียวกับโครงการ สามารถเดินจากโครงการออกมาได้ในระยะไม่กี่ร้อยเมตร แถมยังมีตลาดที่คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน

        ในช่วงกลางวัน บริเวณปากซอย 83 จะมีตลาดขนาดใหญ่พอควร มีทั้งอาหารสำเร็จรูป ขนม ของกิน ของสด และวัตถุดิบในการทำอาหาร โดยจะเริ่มคึกคักในช่วงบ่ายไปถึงถึงค่ำ ๆ 

        ส่วน บริเวณปากซอย 85 ผมเห็นมีตลาดนัดกลางคืนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งส่วนนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคึกคักแค่ไหน เพราะผมไม่ได้อยู่ถึงตอนกลางคืน แหะ ๆ 

        และท้ายสุดสำหรับคนที่มองหาร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ก็จะมีตั้งอยู่บริเวณปากซอย 83 เช่นกัน โดยมีให้เลือกทั้ง Tesco Lotus Express และ 7-11 เลย 

        ซึ่งนี่เป็นจุดที่ใกล้ใครงการที่สุด แต่ไม่นับรวมกับร้านค้าต่าง ๆ ที่จะมาเปิดเพิ่มเติมภายในโครงการหลังจากที่สร้างเสร็จแล้วด้วยนะ

        จากที่ผมหาข้อมูลดูทั้ง 2 โครงการแจ้งว่าจะมีพื้นที่ร้านค้าอยู่ทั้งหมด 3 ยูนิต/โครงการ

        และแน่นอนว่าหนึ่งในนจะต้องเป็นร้านสะดวกซื้ออย่างแน่นอน

        เมื่อเทียบกับจำนวนห้องพักอาศัย (THE ORIGIN Ramintra 83 Station 879 ยูนิต และ THE ORIGIN Plug and Play Ramintra 679 ยูนิต)

        ผมว่าก็น่าจะเพียงพอสำหรับอำนวยความสะดวกภายในโครงการอยู่ครับ

        มาเจาะลึกน้องใหม่ THE ORIGIN Plug and Play Ramintra กันหน่อยดีกว่า ตัวโครงการเรียกได้ว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่เลยครับ มาพร้อมกันทั้งหมดถึง 7 อาคาร

        แบ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 18-19 ชั้น 6 อาคาร และอาคารจอดรถสูง 10 ชั้นอีก 1 อาคาร (เป็นอาคารจอดรถระบบ Auto Parking ด้วยนะ)

        ซึ่งแน่นอนว่าการที่มีอาคารจอดรถแยกออกมาแบบนี้เท่ากับว่าแต่ละอาคารจะมีที่จอดรถสำหรับผู้มาติดต่อหรือจอดชั่วคราวประมาณ 3-4 คันเท่านั้น

        (แต่ลูกบ้านก็จอดได้ถ้าแย่งทัน 555)

        ข้อดีของการแยกอาคารจอดรถแบบนี้ก็คือช่วยลดปัญหาการจราจรภายในโครงการได้ดีครับ

        เพราะรถทุกคนจะวิ่งรอบโครงการไม่เข้ามาผ่านโซนพักอาศัย

        แถมได้พื้นที่สีเขียวระหว่างอาคารและพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มขึ้นด้วยนะ

        ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางของโครงการทั้งหมดจะตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของแต่ละอาคาร

        โดยมีทางเชื่อมระหว่างอาคาร A, B, C, D และอาคาร E, F ให้สามารถเดินถึงกันได้

        การเลือกใช่พื้นที่ส่วนกลางก็ง่าย ๆ เพราะเค้าแบ่งตามอาคารเลย

• อาคาร A และ F เป็นห้องออกกำลังกาย
• อาคาร B และ E เป็นสระว่ายน้ำ
• อาคาร C เป็น Co - Play
• อาคาร D เป็น Co - Working Space

        ดูแบบนี้แล้วก็เท่ากับว่าฝั่งอาคาร A, B, C, D ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกัน มีพื้นที่ส่วนกลางเยอะกว่า ฝั่งอาคาร E, F ที่จะมีเพียงสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกาย แหะ ๆ 

        แต่... ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเลือกอยู่โครงการไหนก็สามารถเข้าใช้บริการส่วนกลางได้ทุกอาคารนะ รวมไปถึงดาดฟ้าของอาคารจอดรถที่เป็นลานกีฬาอเนกประสงค์ด้วย

        ทีนี้เรามาลองดูห้องตัวอย่างกันบ้างดีกว่า ที่สำนักงานขายจะมีทั้งตัวอย่างให้เราชม 2 ห้องจากทั้งหมด 12 รูปแบบ (ห้อง 1 ชั้น และห้อง 2 ชั้น อย่างละ 6 ขนาด)

        ซึ่งผมจะขอพาทัวร์ห้อง 2 ชั้นขนาด 26.5 ตร.ม. ห้องเดียวนะ อีกห้องเก็บไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ไปลองส่องที่โครงการกันดู เดี๋ยวจะไม่มีอะไรตื่นเต้นเอา 55555

        โดยรูปแบบการขายของโครงการจะเป็น Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์บางส่วน เคาท์เตอร์ครัว และห้องน้ำเท่านั้น ที่เหลือเพื่อน ๆ สามารถตกแต่งเองได้ตามใจ

        จากการที่ผมได้ลองเดินดูแล้วก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าเป็นรูปแบบ ห้อง 2 ชั้นที่เราน่าจะเคยผ่านตากันมาบ้างนั่นแหละ

        แต่ที่พิเศษก็คือมันอาจจะใหม่สำหรับพื้นที่ในย่านนี้

        รูปแบบการตกแต่งโดยรวมน่าจะเหมาะเลยสำหรับใครที่ทำงานที่บ้าน หรือต้องการคอนโดอารมณ์บ้าน

        เพราะในห้องตัวอย่างจำลองเป็นสตูดิโอเล็ก ๆ สำหรับดีไซน์เนอร์ น่าจะถูกใจสาว ๆ หลายคนอยู่ไม่น้อย 555

        อีกอย่างที่ผมชอบก็คือเข้ามาแล้วเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวและห้องน้ำก่อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนก่อนจะเข้าสู่พื้นที่ด้านใน

        แต่ที่นี่เค้าให้!!! ช่วยให้พื้นที่นั่งเล่นที่เป็นโถง Double Space ด้านในมีความเป็นสัดส่วน และรู้สึกเป็นบ้านมากยิ่งขึ้น

        เช่นถ้าใครทำเป็นห้องทำงานเหมือนในห้องตัวอย่างก็คงไม่อยากได้กลิ่นอาหารไปด้วยใช่มั้ยล่ะ 555

        อีกจุดคือภายในห้องน้ำที่เค้าให้ เคาท์เตอร์หน้ากระจกมาแบบเต็มพื้นที่เลย

        ส่วนตัวแล้วผมชอบเคาท์เตอร์แบบนี้มากกว่าอ่างล้างหน้าแบบลอยตัวเพราะมันไม่ค่อยมีที่วางของเท่าไหร่ 555

        ซึ่งจุดเคาท์เตอร์นี้ทางโครงการเลือกใช้เป็นกระเบื้องลายหินสีเทานะ

        ดูรวม ๆ ก็สวยดีแต่แอบเสียดายอยากให้เป็นแกรนิตที่ไม่มีรอยต่อมากกว่า แหะ ๆ

        โดยความสวยงามที่เสียไปนั้น ทางโครงการแทนที่มาด้วยการให้ ชักโครกแบบลอยตัว ข้อดีที่สุดก็คือมันสวย

        แถมไม่มีโถเก็บน้ำชำระให้รกตา ที่กดน้ำก็เป็นแบบฝังผนังแยกหนักเบาด้วย

        ในส่วนบันไดสำหรับการขึ้นชั้นสอง ห้องตัวอย่างจะไม่มีราวกันแต่ห้องจริงที่เราได้ ผมสอบถามดูแล้วทางโครงการจะมีราวบันไดให้ สบายใจเรื่องความปลอดภัยได้

        พื้นที่ชั้นสองเป็นพื้นที่สำหรับห้องนอนที่มีราวกันตกสามารถมองลองไปชั้นล่างได้อยู่ทางด้านปลายเตียง ถ้าใครอยากกั้นให้เป็นกระจกถึงเพดานต้องไปทำเองภายหลัง

        ลืมบอกไป... ขนาด 26.5 ตร.ม. ที่ทางโครงการแจ้งเป็นขนาดพื้นที่ของชั้น 1 เท่านั้นนะ ไม่นับรวมพื้นที่ชั้นลอยที่เป็นห้องนอน ในความสูงรวม 2 ชั้น 4.2 เมตร

        โดยรวมแล้วผมว่านี่เป็นอีกหนึ่งโครงการของทาง ออริจิ้น ที่สร้าง และออกแบบมาเพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่วัยสตาร์ทอัพที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองจริง ๆ 

        ด้วยปัจจัยของราคาเทียบกับสิ่งที่ให้แล้วก็คุ้มค่าตามสไตล์ The Origin เค้าเลย (ห้อง 1 ชั้น เริ่มต้น 1.99 ล้าน, ห้อง 2 ชั้น เริ่มต้น 2.49 ล้าน)

        แถมตัวโปรเจค Origin Smart City Ramintra ก็ยังมีที่ดินสำหรับพัฒนาอีกไม่น้อย

        ถ้าใครที่สนใจอยากลงทุนล่วงหน้าก่อนรถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จ ลองแวะเวียนไปเยี่ยมชมที่โครงการกันได้เลยคร้าบบบบ