ปกติเวลานึกถึง "MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" ผมจะนึกถึงอะไรไม่ออกเท่าไร นอกจาก "งานหนังสือ"

        แต่หลังจากศูนย์การประชุมฯ ปิดปรับปรุงไป งานหนังสือก็ย้ายไปเมืองทอง ดังนั้นพอนึกถึงธุระที่จะไปแถวนั้นผมก็เลยนึกไม่ออกเท่าไร

        ในระหว่างที่ศูนย์การประชุมฯ เค้ากำลังปรับโฉมอยู่ แหล่งแฮงเอ้าท์ใหม่ก็ผุดเข้ามา แถมเป็นโครงการใหญ่สไตล์มิกซ์ยูสที่ผมรู้สึกว่าน่าสนใจไม่เบา

        เพราะที่นี่นอกจากจะมีพื้นที่ของอาคารสำนักงานแล้ว ยังมีร้านของกินอยู่ไม่น้อย ทั้งของคาว ของหวาน หรือเครื่องดื่มหลากหลายราคา เหมาะจะมาเช็กอินสุดๆ

        อีกอย่างคือพนักงานที่นี่อุดมสมบูรณ์แน่ๆ ครับ

        และแน่นอนว่าผมกำลังพูดถึง “The PARQ” โครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของมิกซ์ยูสมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทตัวนี้นี่แหละ!

        มาถึงขนาดนี้แล้วผมเองก็ไม่อยากพลาด ขอแวะเวียนไปดูเสียหน่อยว่าโครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามประสาคนชอบซ่อกแซ่ก 5555

        สำหรับทำเลโครงการอยู่บนสี่แยกถนนพระราม 4 ตัดกับถนนรัชดาภิเษกครับ ตรงข้าม FYI Center เลย อยู่ใกล้กันกับ MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นับว่าเป็นโครงการที่เดินทางสะดวกทีเดียว

        ตัวโครงการ The PARQ เป็นโครงการของทางฝั่งเสี่ยเจริญ แบ่งพื้นที่ในโครงการออกเป็น 2 ส่วนคือ “The PARQ Workplace” ที่เป็นโซนพื้นที่สำนักงาน กินพื้นที่ไป 60,000 ตร.ม. และ “The PARQ Life” แหล่งรวมค้าปลีก ร้านอาหาร มีพื้นที่อีก 12,000 ตร.ม. 

        อ้อ แล้วก็มีโซนพื้นที่สีเขียวและส่วนเปิดโล่งอีก 7,000 ตร.ม. ด้วยครับ

        ถ้าให้เจาะกันจริงๆ ผมขอเริ่มต้นที่ The PARQ Life ก่อนแล้วกัน เพราะเหมาะกับเราๆ มากที่สุด 5555

        โซนนี้อย่างที่บอกไปครับคือเป็นโซนร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือศูนย์อาหาร มาในแนวคิด Eat Well and Shop Well

        ตัวร้านอาหารร้านเครื่องดื่มต่างๆ นี่นับได้ว่าเยอะเลยล่ะ แต่ในวันที่ผมไปมันก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการนะ แต่ส่วนใหญ่ร้านรวงเค้าก็เปิดกันแล้วแหละ ทำให้บรรยากาศคึกคักเอาการ

        แต่บางร้านที่คนเยอะก็เพราะช่วงเปิดร้านใหม่ๆ หลายร้านเค้าจัดโปรกันด้วยครับ จะเห็นหลายร้านเลยที่คนมุงกันเพียบ (เรื่องโปรโมชั่นนี่สามารถไปเช็คได้ในเว็บของ The PARQ นะ)

        มีหลายร้านที่คุ้นหูคุ้นตากันดีครับ ขอยกตัวอย่างมาหน่อยแล้วกัน อย่างร้าน Starbucks, Hou Yuu, Kope Hya Tai Kee, 7-Eleven, Ekkamai Macchiato, Thesis, Brave Roaster, Sakae Shabu, Sukiya, Sanyod, Café Amazon, กิวคาขุ, ข้าวแกงเฮียเพ้ง, Food Republic, Kyushu Jangara Ramen, Yi-Fang Fruit Tea, KFC, ChaTraMue ฯลฯ

        พวกร้านเซอร์วิสและโลจิสติกก็อย่างเช่น Proud Flower by J&T, Kerry Express, Asset World Wex, UOB Bank, Time Clinic, MTM Academy, Jetts Fitness, Amara Beauty massage และอีกเยอะแยะมากมายครับ

        เท่าที่ลองเดินดูผมว่ามีร้านของกินตอบโจทย์หลายร้านเลย ของกินหนักๆ ของกินเบาๆ ของหวาน เครื่องดื่ม ฟาสต์ฟู้ด ระดับราคาก็ตามเรื่องครับ

        แต่โซนฟู้ดคอร์ทก็นับว่ากว้างอยู่นะ มีหลายร้านให้เลือกเลย ใครอยากได้มื้อเที่ยงราคาไม่แรงมาก ผมว่าแวะมาทางนี้น่าจะสะดวกกว่า

        พื้นที่ส่วนต่อมาคือ “The PARQ Workplace” ที่เป็นโซนสำนักงานเกรดเอ แน่นอนว่าโซนนี้เองก็จัดเต็มเหมือนกัน แต่ผมขึ้นไปดูไม่ได้ 555

        โซนนี้เค้าจัดวางพื้นที่แบบยืดหยุ่นดีครับ ตัวเด่นเลยน่าจะอยู่ที่ขนาดพื้นที่ต่อชั้นของเค้าที่เป็นแบบปราศจากเสาภายใน แถมให้ขนาดใหญ่ถึง 5,200 ตารางเมตร และความสูงจากพื้นถึงเพดานเองก็สูงถึง 3 เมตรแน่ะ

        การจัดโครงสร้างแบบนี้มันก็ดีตรงที่จะได้ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้ผู้เช่าเหมือนกันนะ ว่าจะใช้พื้นที่นี้มาจัดสรรและออกแบบพื้นที่ให้กับสำนักงานของตัวเองยังไงดี

        เรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ก็ไม่น้อยหน้าจ้า ตัวโครงการเน้นการให้แสงธรรมชาติเข้าสู่อาคาร ทั้งสองฝั่งอาคารมีล็อบบี้ของตัวเอง นอกอาคารก็ใช้กระจกสะท้อนแสง Low-E ด้วย

        ส่วนของระบบแสงสว่างในอาคารเค้าใช้ไฟ LED ที่ทำงานโดยระบบเซนเซอร์ตรวจจับแสงอาทิตย์ครับ มีกลไกควบคุมคุณภาพอากาศในอาคารอีก เจ๋งไม่เบา

        ที่สำคัญคือตัวระบบฝ้าเพดานเค้าเลือกใช้แบบเก็บเสียงครับ ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย เต็มที่พวก!

        เทคโนโลยีในพื้นที่อาคารยังมีอีกเพียบครับ เรียกว่าครอบคลุมมากทีเดียว ผมเองก็ตะหงิดๆ อยากขึ้นไปดูของจริง แหะๆ

        ส่วนพื้นที่สวนลอยฟ้าของเค้าก็ร่มรื่นดี กินเสร็จมานั่งรับลมตรงนี้ได้ เป็นพื้นที่หย่อนใจในเวลาที่เพลียจากการทำงาน

        ส่วนตัวผมมองว่าออฟฟิศหลายๆ แห่งน่าจะใส่ใจในพื้นที่สีเขียวกันเยอะๆ ได้แล้วล่ะ เพลียจากงานก็มีพื้นที่ให้หย่อนใจ จะได้ไม่เสียสุขภาพจิตกัน

        สำหรับภาพรวมถือได้ว่าเป็นมิกซ์ยูสที่ใส่ใจรายละเอียดดีครับ เพราะบนพื้นมี Step Stopper เป็นปุ่มนูนๆ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับคนพิการด้วย

        แต่ที่ผมชอบคือห้องน้ำ โซนห้องน้ำเจ๋งดี แล้วก็มีจุดให้กรองน้ำผ่านระบบกรองที่ได้มาตรฐานอีกต่างหาก คือดีเทลมันเยอะอ่ะพูดง่ายๆ

        สรุปคือออกแบบมาได้ตรงกับคอนเซ็ปต์ Life Well Balanced ของเค้ามาก จัดเต็มด้วยนวัตกรรม พื้นที่ในอาคารใช้ระบบไร้สัมผัส แค่โบกมือเซ็นเซอร์ก็ทำงานแล้วอะไรทำนองนี้ เหมาะกับยุค New Normal มากๆ ยังไงใครอยู่ใกล้ลองแวะไปเดินดูได้นะ