หลังจากที่ช่วงนี้รัฐเริ่มคลายมาตรการ Lockdown แล้ว ธุรกิจหลาย ๆ ประเภทเริ่มจะกลับเข้ามาเป็นปกติ แต่ก็ต้องดำเนินไปในรูปแบบของ New Normal แต่เห็นทีธุรกิจอสังหาของเราอาจจะกลับไปดำเนินตามปกติยากสักหน่อยแฮะ เพราะล่าสุด คลังคาซ่า อสังหารายใหญ่ของโคราชและในภาคอีสาน จำเป็นต้องเลื่อนการก่อสร้างโครงการไปอีกปี

 

        คุณสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คลังคาซ่า จำกัด เผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กระทบธุรกิจอสังหา ในจังหวัดนครราชสีมา อาคารและห้องพักขายได้ช้ากว่าแผนจึงมีค้างสต๊อกอีกหลายยูนิตผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

        ปรับแผนเลื่อนไป 1 ปีจากผลกระทบโควิด-19โครงการ "เดอะลิงค์88" ซึ่งเป็นโครงการขนาด 300 ไร่ กลางเมืองโคราช ในรูปแบบโครงการ มิกซ์ยูส คอมเมอเชียล มูลค่าลงทุนเฉียด 10,000 ล้านบาท จำนวนที่พัก 4,000 ยูนิต โดยมีทั้งส่วนที่พัฒนาเอง โดยได้ดำเนินการแล้วในเฟสแรก ประกอบด้วย ที่พักอาศัยแนวดิ่ง คอนโดมีเนียม "ซิตี้ลิงค์" 10 อาคารรวม 800 ยูนิต บ้านเดี่ยวทั้งระดับพรีเมียม บ้านแฝด รวมถึงอาคารพาณิชย์ และมีแผนเดินหน้าเฟส 2 เป็นคอนโดฯหรู 2 แท่ง 500 ยูนิตในปี 2563

 

         จากแผนเดิมจะก่อสร้างแท่งแรกในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยโครงการนี้มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อมคลับเฮาส์ เนื้อที่ 2,000 ตารางเมตร ที่จอดรถเกิน 50% จากเดิมเฟสนี้จะเริ่มการก่อสร้างปีนี้ ตอนนี้ทุกอย่างต้องชะลอออกไป 1 ปี เพื่อระบายสต๊อกที่เหลืออยู่ก่อน เพื่อให้กระแสเงินสดเข้าให้เกิดความสมดุลกัน ส่วนโครงการที่ให้เช่าคิดเป็น 10% ของโครงการทั้งหมด

 

        ด้านการขายในช่วงเดือนมีนาคมที่มีการระบาดหนักนั้น ยอดขายคอนโดฯหายไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เดือนถัดมากระเตื้องขึ้นบ้างโดยยอดขายยังหายไป 50 เปอร์เซ็นต์ เดือนพฤษภาคมนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ยอดขายหายไปเหลือ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนยังไม่มั่นใจอนาคต โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงในอาชีพและรายได้

 

        โดยในปีนี้คลังคาซ่าจะไม่มีสินค้าใหม่ ๆ ออกมา แต่จะเน้นการขายคอนโดฯ อาคารพาณิชย์ และทาวน์เฮาส์ ที่เหลือในสต๊อกประมาณ 180 ยูนิต โดยครึ่งหนึ่งเป็นคอนโดมีเนียมระดับพรีเมียม โดยจะอัดโปรโมชันสุดคุ้มออกมาต่อเนื่อง ถือเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า อาจจะมีโปรโมชันลดราคาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อให้มีกระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียนในกิจการมากขึ้น คาดว่าถึงสิ้นปีนี้น่าจะดีขึ้น แต่คงไม่เหมือนเดิม และจากนี้ไปต้องปรับสู่แนวปฏิบัติของวิถีปกติใหม่ หรือ New Normal เกิดขึ้น