ชำแหละทฤษฎี Fermi Paradox ในวันที่มนุษย์ต่างดาว (เหมือนว่า) จะมาอย่างเป็นมิตร

ชำแหละทฤษฎี Fermi Paradox ในวันที่มนุษย์ต่างดาว (เหมือนว่า) จะมาอย่างเป็นมิตร

Home   /   ติดดอยล้อมวงเล่า

โซน : 12 May 2020   07:26
 
        เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาทุกคนน่าจะจำได้ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาเผยแพร่คลิปวิดีโอสั้นๆ จำนวน 3 คลิปที่สร้างความฮือฮาไม่น้อย
 
        คลิปที่ว่าถ่ายจากกล้องอินฟราเรดจากเครื่องบินของนาวิกโยธิน ในช่วงปี 2547 และ 2558 ซึ่งในตอนนั้นนักบินได้เจอกับวัตถุปริศนาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแถมเคลื่อนที่ในรูปแบบที่อธิบายไม่ได้อีกต่างหาก
 
 
        ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ก็ออกมายืนยันแล้วว่าคลิปพวกนั้น “เป็นของจริง” (และทางรัฐบาลตุรกีก็ตามมาติดๆ ด้วยการยืนยันว่าภาพขยายจากวิดีโอที่ถ่ายติด UFO เมื่อปี 2008 ว่าเป็นของจริงเหมือนกัน)
 
        ประเด็นคือ คิดว่าปี 2020 จะไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว โควิดเอยอะไรเอย สรุปพฤษภาคมมาอย่างปัง เอเลี่ยนบุกโลกซะเลยมั้ยล่ะ 55555
 
 
        ไงก็ตาม หมีเห็นกระแสแล้วดูคนไม่ได้ตกใจอะไรกันนัก เหมือนกับว่า อ๋อ เอเลี่ยนเหรอ มาเอาฉันไปด้วยที ฉันเบื่อโลก อะไรทำนองนี้มากกว่า เป็นสีสันจริงๆ
 
        แต่ก็นะ เพนตากอนเค้าเรียกสิ่งนี้ว่า "UAP" (Unidentified Aerial Phenomena) หรือก็คือปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถระบุได้ หลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า "UFO" (Unidentified Flying Object) เพื่อไม่ให้คนเอาไปรวมกับทฤษฎีสมคบคิดทั้งหลายนั่นเอง
 
 
 
        แถมก่อนหน้านี้มันก็มีข่าวมีคราวกันมามากมายแล้วล่ะ ยิ่งก่อนหน้านี้มีกระแส "Area 51" กับแคมเปญใน Facebook ที่ชื่อ “Storm Area 51, They Can’t Stop All of Us” นัดกันไปทำการพิสูจน์ความลับของ Area 51 ว่ามีสิ่งลึกลึบอย่างมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงมั้ย
 
        ซึ่งกระแสนี้คือทุกคนจริงจังมาก ไปตั้งแคมป์รอต่างๆ นานา เป็นแคมเปญบน Facebook ขำๆ ที่กองทัพสหรัฐฯ ดันไม่ขำด้วยซะงั้น
 
        อ้อ Area 51 นี่เป็นชื่อฐานทัพลับทางตอนใต้ของรัฐเนวาดาครับ เป็นพื้นที่ทดสอบเทคโนโยลีทางการทหารและการทดลองที่ก้าวล้ำต่างๆ ลึกลับเสียจนคนตั้งทฤษฎีสมคบคิดว่าที่นี่มีศพเอเลี่ยนและซาก UFO ด้วย ไม่แปลกที่คนจะสนใจกัน
 
 
 
        กลับมาที่เรื่องปัจจุบัน ไม่รู้หรอกว่า Area 51 นี่นอกจากจะทดลองอาวุธแล้วจะเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า แต่เห็นทีเรื่องที่ว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลกอยู่น่าจะเป็นความจริงแล้วล่ะ
 
        แต่ส่วนตัวหมีไม่ได้แปลกใจอะไร มีดาวอยู่นับพันล้านดวง เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีแค่ดาวโลกของเราที่มีสิ่งมีชีวิต ดาวดวงอื่นๆ ก็ต้องมีประชากรเหมือนกันนั่นแหละ
 
        พูดมาถึงตรงนี้เลยต้องโยงเข้าเรื่องเสียหน่อย ไม่รู้ว่ามีใครเคยได้ยินทฤษฎี "Fermi Paradox" หรือเปล่า เป็นทฤษฎีที่จริงจังแต่อ่านสนุกมากเลยครับ เหมือนเป็นการแง้มประตูแห่งความเข้าใจของเราออกยังไงยังงั้น ไม่เชื่อลองอ่านดูได้นะ รับรองโหด มันส์ ฮา แน่นอน!
 
        เราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล
 
 
        "Fermi Paradox" เป็นทฤษฎีของนักฟิสิกส์ชาวอิตาเลียนผู้ประดิษฐ์เตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์คนแรกของโลกอย่าง Enrico Fermi ที่ตั้งคำถามว่า “มีสิ่งมีชีวิตเหมือนเราอยู่ข้างนอกนั่นมั้ย พวกเขาไปไหนกันหมด ทำไมไม่ติดต่อพวกเราสักที (วะ)”
 
        ต้องบอกก่อนว่าในกาแล็กซี่ของเรามีดาวอยู่มากมาย ในจักรวาลเองก็มีกาแล็กซี่มากพอกัน พอเอามารวมกันทั้งหมดแล้ว จำนวนดาวที่อยู่ในจักรวาลจะอยู่ที่ราวๆ 10 ยกกำลัง 22 – 10 ยกกำลัง 24 ดวง ง่ายๆ คือโลกเราเหมือนหนึ่งในเม็ดทรายหลายล้านเม็ดเลยแหละ
 
        ทีนี้พอมีดาวเยอะขนาดนี้ก็น่าจะมีดาวที่มีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์เยอะไปด้วย พอมีดวงอาทิตย์ก็...ใช่ครับ ย่อมต้องมีดาวที่มีลักษณะคล้ายโลกเหมือนกัน
 
 
 
        พอมีดาวที่มีลักษณะคล้ายโลกแล้วก็ต้องมีสิ่งมีชีวิตด้วย แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่มีข้อสรุปว่ามีเปอร์เซ็นต์เท่าไร แต่ถ้าอิงจากงานวิจัยล่าสุดของทาง PNAS ที่ให้เปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำอยู่ที่ 22% ดาวที่มีลักษณะคล้ายโลกและมีสิ่งมีชีวิต "ทรงปัญญา" จะมีอยู่ประมาณ 100 ล้านล้านล้านดวง!
 
        ถ้าคำนวณต่อไป ก็จะพบว่าสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาในจักรวาลจะมีอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านล้านอารยธรรม เฉพาะในกาแล็คซี่เดียวกันกับเรามีดาวลักษณะคล้ายโลกอยู่ 1 พันล้านดวง และมีอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาอีกประมาณ 1 แสนอารยธรรม
 
        ยิ่งไปกว่านั้น โลกเรามีอายุแค่ 4 พันล้านปี แต่การระเบิดครั้งใหญ่หรือ Big Bang ที่เราเรียนๆ กันมานั้น Milky Way ของเรามีอายุประมาณ 13,000 ล้านปี นั่นหมายความว่าอะไร? ก็หมายความว่า มันมีสิ่งชีวิตที่น่าจะเกิดก่อนเราแถมยังมีความก้าวหน้าในแง่ของเทคโนโลยีมากกว่าเราอยู่นั่นเอง
 
        อารยธรรมของจักรวาลก็มีชนชั้นเหมือนกันนะ
 
        สำหรับการแบ่งความเจริญทางอารยธรรมหรือก็คือ Type of Civilizations จะแบ่งได้ทั้งหมด 3 แบบครับ แบ่งตามสเกลที่ยึดเป็นพื้นฐานคือ Kardashev Scale
 
 
        Type I
 
        เป็นอารยธรรมที่ใช้พลังงานบนดาวของตัวเองได้ เหมือนกันกับพวกเรานี่แหละครับที่ใช้พวกน้ำ แร่ธาตุ พลังงานธรรมชาติ ฯลฯ ได้บนดาวตัวเอง แต่มนุษย์โลกเราแม้จะเรียกว่าใกล้เคียงแต่ยังไม่ถึงขั้น Type I แบบเต็มๆ นะ แต่ก็ใกล้แล้วล่ะอีกไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น สู้ๆ นะชาวโลก
 
 
        Type II
 
        ไทป์นี้จะสกิลเจ๋งกว่าเราหน่อยคือสามารถดึงพลังงานจาก Host Star มาใช้ได้ เรียกว่าเป็นการใช้ประโยชน์จาก “Dyson Sphere” ครอบทับในส่วนของดาวฤกษ์เพื่อควบคุมและดูดพลังงานจากดาวฤกษ์มาใช้ เป็นไทป์ที่เราเริ่มจินตนาการตามไม่ออกละ
 
 
        Type III
 
        เป็นไทป์ที่สุดจะเจ๋งแล้ว พวกนี้จะอยู่กันเป็นอาณานิคม ครองกาแล็กซี่นั้นๆ เป็นที่เรียบร้อย สามารถดึงพลังงานจากทั้งกาแล็กซี่มาใช้ได้ทั้งหมด แถมยังมีสกิลโกงเป็นการ breakthrough เดินทางข้ามดาวเคราะห์ต่างๆ ได้แบบไม่มีปัญหาอีกต่างหาก ระดับความสามารถทิ้งห่าง 2 ไทป์แรกไปแบบมากโข มากแบบที่สามัญชน Type I อย่างเราจินตนาการไม่ออกเลยนะใต้หล้า! 55555
 
        ถ้าเราอยากพัฒนาให้เป็นไทป์นี้ได้ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ล้านปีเชียวครับ ต้องตายแล้วเกิดซ้ำๆ กันกี่รอบก็ไม่รู้...
 
        ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าพวกเขาไปไหนกันหมดหนอ?
 
        ชำแหละ Fermi Paradox สรุปแล้วทำไมพวกเขาไม่ติดต่อเราเสียที
 
 
        แน่นอนว่า Fermi Paradox นั้นยังเป็นทฤษฎีที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนตามชื่อมันเลยครับ สมกับความ Paradox จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแบ่งชัดเจนออกเป็น 2 กลุ่มว่าเอเลี่ยนไปอยู่ไหนกันหมดเหมือนกัน
 
        1. อารยธรรม Type II และ III "ไม่มี" อยู่จริง
 
        ง่ายๆ คือในเมื่อเราจับสัญญาณต่างๆ ไม่ได้ เอเลี่ยนไม่เห็นมาเคาะประตูบ้านเราบอกว่าอยากเข้ามาดื่มชาสักถ้วย ดังนั้นก็แปลว่าเอเลี่ยนไม่มีจริง ไม่มีพวกที่มีอารยธรรมสูงกว่าเรา กาแล็กซี่อาจมีสิ่งมีชีวิต แต่มนุษย์โลกต่างหากที่สามารถก้าวข้ามเจ้าสิ่งที่เรียกว่า The Great Filter หรือก็คือกำแพงแห่งการพัฒนาและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตทางพันธุกรรมได้
 
        ฟังดูโอ้อวดตัวเองไม่น้อย แต่ถ้าอ่านต่อไปจะยิ่งเห็นถึงความโอ้อวดมากกว่าเดิม เพราะเค้าแบ่งย่อยไปอีก 3 ข้อว่า นั่นเพราะเราเป็นพวกหายาก, เราเป็นพวกแรกที่ผ่าน The Great Filter มาได้ และสุดท้ายคิดไปในทางลบสักหน่อย คือเรานี่แหละที่ห่วยที่สุด (เพราะไม่ได้ผ่าน The Great Filter เหมือนชาวบ้านเค้า ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง กระซิกๆ)
 
 
        2. อารยธรรม Type II และ III "มี" อยู่จริง
 
        สมชื่อ Fermi Paradox มั้ยล่ะ มันขัดแย้งกันเองมากๆ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าเป็นเพียบทฤษฎีที่ต่อให้จับนักวิทยาศาสตร์มาถกกัน ทุกคนก็ต้องมีความคิดที่ไม่เหมือนกันสักคนแน่นอน
 
        เข้าเรื่องนะ ลืมเจ้าหัวข้อแรกไปก่อน เพราะข้อสองนี่คือเรื่องที่ว่าอารยธรรม Type II และ III มีอยู่จริงแน่ๆ แถมแตกย่อยไปอีกมากถึง 10 ความเป็นไปได้ที่ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่มาเยือนเราเสียที
 
 
  • พวกเขาเคยมาแล้วก่อนมนุษย์จะถือกำเนิด ไม่ก็เรายังไม่ฉลาดพอที่จะรับรู้ (อยู่ๆ ก็นึกถึงฉากแรกของหนังเรื่อง The Fifth Element ขึ้นมาซะงั้น)
  • กาแล็กซี่เราเป็นอาณานิคมของพวกเขาไปแล้ว แต่เราอยู่ชายขอบ เป็นพวกบ้านนอก เขาเลยไม่อยากมา โห เศร้านะ 5555
  • การล่าอาณานิคมหมู่ดาวนั้นเชยมาก เป็นพฤติกรรมที่ล้าหลัง อารยชนที่เจริญแล้วเค้าไม่ทำกันหรอก 
  • มีอารยธรรมผู้ล่าน่ากลัวๆ อยู่ข้างนอก อารยธรรมดีๆ แบบนี้เลยต้องปกปิดไว้
  • มีอารยธรรมแบบสุดยอดนักล่าอยู่ สูงส่งมากๆ เพราะมีแค่อารยธรรมเดียว และพวกนี้ก็คอยทำลายอารยธรรมอื่นที่มีแนวโน้มว่าจะฉลาดทัดเทียมกัน (เผด็จการนี่เอง)
  • มีความเคลื่อนไหวและสัญญาณส่งมามากมาย แต่เทคโนโลยีเราไม่ดีพอ ขอโทษที่เกิดมาอ่อนแอ
  • เราได้รับการติดต่อมาแล้ว แต่รัฐบาลซ่อนไว้ (อันนี้ได้ยินกันบ่อย และใช่... Area 51 อีกแล้ว)
  • พวกอารยธรรมที่สูงกว่ารับรู้ถึงเราและกำลังเฝ้าดูเราอยู่ เรียกว่าเรียกว่า “Zoo Hypothesis” หรือก็คือสมมติฐานสวนสัตว์ (น่าจะคล้ายๆ “Prime Directive” จาก Star Trek ที่ห้ามไม่ให้แทรกแซงการพัฒนาภายในและธรรมชาติของอารยธรรมหรือเปล่านะ)
  • มีอารยธรรมที่สูงกว่ารอบตัวเรา แต่สติปัญญาเรามันย่ำแย่เกินกว่าจะรับรู้ แบบว่าอาจอยู่กันคนละมิติทำนองนั้น
  • เราเข้าใจความเป็น Reality ผิดทั้งหมด เราอาจเป็นแค่ Hologram ไม่ก็เป็นเอเลี่ยนที่ถูกเอามาไว้ที่นี่เพื่อการทดลองก็ได้
 
 
        อาจจะมีหลากหลายความเป็นไปได้ที่แตกย่อยไปหลายแขนง เยอะมากจนสามารถสร้างพล็อตหนังแนว Sci-Fi ได้เลยหลายเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นความจริงที่ว่าเราต้องเจียมตัวนิดว่าเราไม่ได้ฉลาดมากนำหน้าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งหมด และที่สำคัญคือเราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล ข้างนอกนั่นยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายที่มีสติปัญญาสูงกว่าเรา แต่เราจะติดต่อกับพวกเขาได้เมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลาและความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีเท่านั้นครับ
 
ขอบคุณภาพจาก waitbutwhy.com และ instiz.net
 
 
 
 
 

Tag :



ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

"Cooper Siam" คอนโด Loft ของแทร่ ที่ถึงบรรทัดทอง เยาวราชของคนรุ่นใหม่ ได้ใน 1 นาที!!

ช่างเป็นคอนโดที่เหมาะกับคนเห็นแก่กินอย่างพวกผมยิ่งนัก 555 จะหันซ้ายหันขวา ก็คราคร่ำไปด้วยร้านของกินเด็ดๆ เรียงกันเป็นแถว

ทำไม "Supalai Premier สามเสน-ราชวัตร" ยังไงก็ขายหมด

เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก

หนึ่งในคอนโดที่ปล่อยเช่าดีมาก ตอนเช้าย้ายออก ตอนบ่ายย้ายเข้าเลย

จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย


ติดดอยโร้ดทู

“Lumpini SeaView Cha-am" คอนโดใหม่ใกล้หาดชะอำแค่ 200 เมตร!!!

หน้าร้อนซัมเมอร์มันก็ต้องคู่กับทะเล ผมฝันไว้เสมอนะว่าอยากมีคอนโดตากอากาศ แต่ปัญหาก็คือคอนโดติดทะเลส่วนใหญ่มีราคาแรงมาก

"KLOS Ramintra - Fashion" คอนโดที่มี Fashion Island เป็นเพื่อนบ้าน

หลังจากปล่อย "KLOS Ratchada" ไปไม่นาน "Frasers Property" ก็ได้ฤกษ์เตรียมผุดคอนโดแบรนด์ KLOS แห่งที่ 2 ต่อทันทีครับ

"MUSE สะพานใหม่" ลงจอยทำเลสุดฮอต จองที่ติดรถไฟฟ้า

นับตั้งแต่เมืองเริ่มขยายตัวออก พื้นที่ที่หลายคนเคยมองข้ามก็กลายเป็นว่าเริ่มเนื้อหอมขึ้นเรื่อยๆ


ติดดอยสไตล์

ใครๆก็ขายบ้านได้กับ "SC Affiliate Wealth Partner Program ใครๆก็รวยได้" รับค่าตอบเเทนสูงสุดถึง 1,300,000 บาท*

แต่ก่อนผมคิดนะว่า การจะซื้อบ้านทีก็ต้องไปดูถึงโครงการ ไปดูให้เห็นกับตาแล้วค่อยตัดสินใจ แต่ด้วยอากาศแบบนี้ บางทีก็แอบส่องผ่านทาง Social เอาก่อน น่าจะดีกว่านะ 5555

แอบไปส่อง "สถาปนิก’67" งานคูล ๆ ที่ไม่ต้องเป็นสถาปนิกก็ไปได้

เมื่อวันก่อนได้ไปเดินเล่นที่งาน "สถาปนิก’67" เป็นอีกงานที่ผมประทับใจแล้วอยากให้เพื่อน ๆ ตามไปกันมาก ๆ เลยนะ

ผังเมืองใหม่ส่งผลแล้ว! ที่ดินทำเลบ้าน 100 ตร.วา เบนเข็มสู่บ้านแฝด-ทาวน์โฮม

ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองตอนผ่านไปโซน ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางแค บางบอน บางขุนเทียน นะว่ามองไปทางไหน ทำไมถึงมีแต่โครงการบ้าน 100 ตร.วาขึ้นไปเท่านั้น!

The Center for Arts & Innovation ศูนย์ศิลปะและนวัตกรรมในรัฐฟลอริดา มาพร้อมจุดเด่น เรียนรู้ต่อสู้กับ AI

ล่าสุดทางด้าน RPBW ได้ทำการเปิดตัวการออกแบบศูนย์ศิลปะและนวัตกรรมในเมืองโบกา ราตัน รัฐฟลอริดา ซึ่งความน่าสนใจก็คือเค้าไม่ได้เป็นแค่ศูนย์ศิลปะธรรมดา แต่ที่นี่ยังเป็นเวทีสำหรับแนวคิดใหม่ๆ โอกาสในการโต้ตอบกับ AI อีกด้วย

คิดว่าโฆษณาขายบ้านจะเป็นสี ‘ขาวดำ‘ ได้มั้ย? จะเป็นการ์ตูนได้หรือเปล่า?

Art แค่ไหนเรียก Pop? บางเจ้าอาจจะสงสัยแต่ไม่กล้าลอง แต่ที่พูดมาทั้งหมด ‘แสนสิริ’ ทำมาหมดแล้ว!

"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม

"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com