“THE ISSARA Sathorn“ คอนโดโลกสองใบ วิวเมืองก็ได้ ธรรมชาติก็ดี

“THE ISSARA Sathorn“ คอนโดโลกสองใบ วิวเมืองก็ได้ ธรรมชาติก็ดี

Home   /   ติดดอยรีวิว

โซน : 22 Feb 2020   09:21


        เมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้แอบไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างของโครงการ “THE ISSARA Sathorn“ คอนโดใหม่ล่าสุดจากค่ายชาญอิสสระ
 
        แค่ได้ยินชื่อ "ชาญอิสสระ" ก็รู้ได้เลยล่ะ ว่าโครงการนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ 555
 
        แต่อันที่จริงผมแอบสนใจโครงการนี้ตั้งแต่ตอนที่ไปเยี่ยมชมอาณาจักรทิวทะเลแล้วแหละ เพราะตอนนั้นก็ได้มีการพูดคุยถึงรายละเอียดโครงการนี้อยู่บ้าง
 
        ใครยังไม่ได้อ่านลองตามไปสำรวจกันได้ที่บทความ บุกอาณาจักร "ทิวทะเล เอสเตท" มิกซ์ยูสครบวงจรที่แรกในหัวหิน (คลิก!!!) กันดูนะ
 
        กลับมาที่ "THE ISSARA Sathorn" กันต่อ

        หลังจากที่ได้ยินแนวคิด “ใช้ชีวิตอิสสระ…ให้สุดในทุกด้าน” ผมก็สปาร์คขึ้นมาเลยว่า... โดนว่ะ!
 
        แค่คอนเซปต์ง่าย ๆ ของเค้าไม่กี่คำ กลับทำให้ผมมองย้อนถึงการใช้ชีวิตในเมืองของเราไปไกลเลยแหะ
 
        ไม่ว่าจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน แต่การใช้ชีวิตในเมืองหลวงให้สุขสบายนั้นก็ถือว่า "ไม่ง่าย" ที่จะเติมเต็มพวกเราได้จริง ๆ
 
        พอมีโอกาสได้มาสำรวจก็เลยต้องขอรีวิวซักหน่อย ว่ามันจะสามารถใช้ชีวิตอิสระ และสุดในทุกด้านเหมือนที่เค้าบอกเราไว้หรือเปล่า
 
        ว่าแล้วก็อย่ามัวเสียเวลา ไปเริ่มกันเลยดีกว่า ลุย!!!





 
 
 
        1. สุด... ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต
 
        ขอเริ่มที่รายละเอียดของโครงการกันก่อน ตัวโครงการเป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 1-2-60 ไร่
 
        เทียบสัดส่วนแล้วผมว่ากำลังดีเลยนะ อยู่กันแบบสบาย ๆ ไม่แออัด
 
        รูปแบบห้องก็หลากหลาย มีขนาดพื้นที่ห้องเริ่มต้น 32.75-188 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่
 
        ห้องแบบ 1 ห้องนอน, ห้องแบบ 2 ห้องนอน, ห้องแบบ 3 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ 3-4 ห้องนอน
 
        ซึ่งรูปแบบห้องที่หลากหลายนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ตรงกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว หรืออยู่เป็นครอบครัว
 
        พื้นที่ภายในห้องจะเน้นการออกแบบให้ห้องมีความโล่งกว้าง สามารถใช้อยู่อาศัยได้จริง ๆ
 
        โดยแบ่งพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน และลงตัวในขนาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
 
        นอกจากนี้รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการรับแสงธรรมชาติเค้าก็ใส่ใจนะ
 
        เพราะทุกห้องนอน และห้องนั่งเล่นจะมีหน้าต่างให้ผู้อยู่อาศัยได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอกอย่างเพียงพอตลอดทั้งวัน
 
        ถือว่า "สุด... ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต" ทั้งในแง่ของความสะดวกสบาย และความคุ้มค่าของพื้นที่ใช้สอยที่ได้จริง ๆ นั่นแหละ







 
 
 
        2. สุด... ทุกการผ่อนคลาย
 
        หนึ่งในจุดเด่นของโครงการที่ผมชอบก็คือ ตัวโครงการมีการออกแบบที่ผสมผสานอัตลักษณ์ของความเป็นเมืองและธรรมชาติไว้ด้วยกัน
 
        เหมือนที่ผมตั้งชื่อบทความว่า "โลกสองใบ" นั่นแหละ 555
 
        สังเกตกันได้ง่าย ๆ จากการออกแบบที่มีการกระจายพื้นที่ส่วนกลางสีเขียวไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของอาคาร
 
        ตั้งแต่ทางเข้าของโครงการจนไปถึงชั้นสูงสุดของอาคารเลยก็ว่าได้
 
        ส่วนนี้ผมว่าด้านความผ่อนคลายนี่น่าจะสุดในระดับที่คอนโดจะทำได้แล้วล่ะ
 
        เพราะช่วยให้ผู้อาศัยได้สัมผัสถึงความรู้สึกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง
 
        สิ่งที่สุดยิ่งขึ้นก็คือ "โลกใบที่สอง" นั้นไม่ใช่แค่ในอาคาร แต่ยังรวมถึงโลกภายนอกที่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายไม่แพ้กัน
 
        จากที่ตั้งโครงการที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองและธรรมชาติ ทำให้เห็นคาแรคเตอร์ความเป็นเมืองและธรรมชาติโดยรอบได้อย่างโดดเด่น
 
        ยิ่งสำหรับใครที่อยู่ชั้นสูงหน่อย ประมาณชั้น 25 ขึ้นไป นอกจากจะเห็นวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาได้อย่างจุใจแล้ว
 
        ยังสามารถมองทอดยาวไปถึง "บางกระเจ้า" ได้ด้วยนะเออ



 
 
 
        3. สุด... ทุกการออกแบบ
 
        ถึงแม้ถ้ามองจากภายนอกแล้วเราจะไม่ได้รู้สึกว่าตัวโครงการมีการออกแบบที่หวือหวาอะไรมากนัก
 
        แต่ถ้าลองมองไปที่เนื้อในของการออกแบบแล้ว ผมว่าเค้าก็ใส่ใจอย่างหนักเลยล่ะ
 
        เริ่มที่ทางโครงการเลือกบริษัทชื่อดังอย่าง "A49" มาเป็นผู้ออกแบบโครงการ 
 
        ให้ส่วนกลางจัดเต็มมากถึง 5 ชั้น มาพร้อมที่จอดรถ 100% แบบ Auto Parking ในจำนวนเหลือ ๆ 
 
        นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้แต่ละชั้นมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันออกไป ให้ความรู้สึกแปลกใหม่และไม่จำเจในอาคารเดียวกัน
 
        แต่ไม่ว่าจะแตกต่างกันยังไง ก็ยังเน้นให้เกือบทุกห้องได้รับวิวทัศนียภาพที่สวยงามของสถานที่แบบสุด ๆ
 
        ไม่ว่าจะวิวตึกระฟ้าของกรุงเทพมหานคร หรือวิวธรรมชาติของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาและบางกะเจ้าก็ตาม
 
        สิ่งที่พิเศษในการออกแบบอีกอย่างก็คือเค้าใส่ใจเรื่องของพลังงานด้วย มีการใช้ "ฟิน" (Fin) มาผสมผสานในการออกแบบ
 
        เพื่อช่วยในการบังแสงแดด ลดความร้อน และยังช่วยประหยัดพลังงานไปในตัว
 


 
 
 
        4. สุด... ทุกองค์ประกอบ
 
        ถ้าถามผมว่าองค์ประกอบที่สำคัญของโครงการคืออะไร?
 
        หนึ่งในนั้นผมก็ต้องยกให้กับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโครงการจะให้
 
        มีหลายโครงการที่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกมาเยอะมากมาย แต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่าไม่ได้ไปใช้งานกันใช่มั้ยล่ะ 555

        แต่สำหรับ "THE ISSARA Sathorn" ผมว่าเค้าสุดตรงที่เค้าเลือกให้แบบพอดี ๆ แต่ใช้ได้จริงนี่แหละ
 
        โดยความพอดีที่ว่าก็สะท้อนออกมาจากพื้นที่ส่วนกลางต่าง ๆ ทั้ง 5 ชั้น คือ ชั้น 1, ชั้น 2, ชั้น 30, ชั้น 34 และชั้นดาดฟ้า
 
 
  • ชั้น 1 : Ground

        ส่วนนี้จะประกอบไปด้วยโซน The Park, The Lounge ซึ่งเป็นชั้น Lobby โถงส่วนกลางเชื่อมระหว่าง Drop off, Reception, ห้องจดหมาย, โถงลิฟท์
 
        โดยชั้นนี้เป็นชั้นที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดเลยนะ เรียกว่าสูดโอโซนกันได้ตั้งแต่ถึงโครงการเลย





 
 
  • ชั้น 2 : Mezzanine
 
        ต่อกันที่ชั้นที่ 2 ที่ประกอบไปด้วยโซน Office ของนิติบุคคล และ Store Me เป็นส่วนที่จะบริการพื้นที่เพื่อจัดเก็บอุปกรณ์ หรือสิ่งของส่วนบุคคล
 
        นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ให้เช่าด้วย
 
 
  • ชั้น 30 : The Haven
 
        ข้ามมาที่ส่วนกลางชั้นสูงกันบ้าง โดยในชั้นนี้จะประกอบไปด้วยโซน The Sky Gym, The Game, The Space, The Water, The Therapy
 
        จากที่ดูรายละเอียดก็สามารถพูดได้เลยว่าชั้นนี้เป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ เพราะมีการรวมตัวของพื้นที่ส่วนกลางเยอะสุด
 
        ที่ผมแอบชอบก็ขอยกให้กับ The Therapy ที่เป็นสระ Wellness Pool หรือสระน้ำร้อนวารีบำบัด ได้แช่คงจะสบายน่าดูเนอะ 555
 
        และที่พีคยิ่งกว่าก็คือส่วนของสระว่ายน้ำนั้นทางโครงการเลือกที่จะออกแบบให้วางในแนวยาวของอาคาร
 
        ทำให้สามารถมองเห็นวิวได้ทั้งวิวเมืองและวิวบางกะเจ้าไปพร้อม ๆ กัน





 
 
  • ชั้น 34 : The View
 
        กระโดดข้ามชั้นกันมาต่อที่ชั้น 34 โดยเป็นชั้น Facility ที่ติดกับห้องพักของโครงการ
 
        เค้าจึงเลือกที่จะนำ Concept Floating Forest มาใช้ในการออกแบบ
 
        โดยแนวคิดที่ว่าก็จะมีลักษณะเหมือนสวนที่มีความสงบเหมาะแก่การพักผ่อนต่างๆ
 
        โดยที่เราสามารถไปใช้งานแต่ไม่รบกวนกับห้องพักในบริเวณชั้นนี้ 
 
 
  • ชั้น Rooftop
 
        พื้นที่ส่วนชั้นดาดฟ้านี้จะแบ่งเป็นอีก 2 ชั้นย่อย
 
        เริ่มจากดาดฟ้าชั้นล่าง Backyard Herb Garden มีลักษณะเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพร
 
        และดาดฟ้าชั้นบน Active Sky และ The Horizon ที่เป็นจุดชมวิวชั้นสูงสุดของโครงการ และมีพื้นที่สำหรับการออกกำลังกายด้วย
 
        ประกอบไปด้วย ลู่วิ่งกลับตัว, Box jump, ทางวิ่งขึ้นเนิน รวมถึงที่นั่งพักผ่อนดูวิวแบบ Amphitheater
 
        และที่นั่งที่เป็น Net Hammock ยื่นออกไปนอกอาคาร สามารถมองเห็นวิวบางกะเจ้าได้แบบ 360 องศาไปเลย





 
 
 
        5. สุด... ทุกการเดินทาง
 
        ในด้านของทำเลที่ตั้งโครงการนั้นก็ถือว่าสุดไม่แพ้กัน โดยที่ตั้งของโครงการจะอยู่บนถนนจันทน์ ฝั่งนางลิ้นจี่และเย็นอากาศ
 
        รายล้อมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญๆ รวมถึงร้านอร่อยมากมาย และยังเป็นทำเลอยู่ใกล้ใจกลางเมืองย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร
 
        ที่สำคัญโซนนี้ มีการเดินทางที่หลากหลายมาก ๆ มีถนนรายล้อมหลายเส้นทาง ทางด่วนก็มี
 
        รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รถด่วนพิเศษ หรือการเดินทางทางเรือก็มีให้เลือกใช้บริการเช่นกัน
 
        ซึ่งจากที่ผมลองสำรวจพื้นที่โดยรอบแล้ว ต้องบอกตรง ๆ ว่าคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อย
 
        เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้ทางด่วน และมีทางให้ลัดเลาะได้เยอะทั้งจากถนนสาทร , ถนนนราธิวาสราชนครินทร์, ถนนสาธุประดิษฐ์ และถนนเจริญราษฏร์
 
        แต่สำหรับใครที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะก็ยังเรียกได้ว่าสบายอยู่ดี เพราะถึงแม้ไม่ได้อยู่ใกล้ในระยะเดินถึง แต่ก็นับว่ายังไม่ลำบากเกินไปนัก
 
        สามารถใช้บริการรถด่วนพิเศษ BRT สถานีถนนจันทร์, รถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี, รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีลุมพินี
 
        นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่านอยู่หลายสายเหมือนกัน









 
 
 
        6. สุด... สำหรับทุกคน
 
        มาถึงส่วนสุดท้ายของบทความกันแล้ว ผมจะขอมาสรุปละกันว่า "ดิ อิสสระ สาทร" นั้นเหมาะกับใคร (ในมุมมองของผมนะ 555)
 
        ส่วนตัวแล้วผมว่าด้วยศักยภาพของทำเล และตัวโครงการแล้ว จริง ๆ ก็เหมาะสำหรับ "ทุกคน" เลยล่ะ
 
        ทั้งนี้ก็เพราะตัวโครงการถือว่ามีสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี การคมนาคมก็สะดวก
 
        รวมถึงการออกแบบของโครงการที่มุ่งเน้นให้เหมาะสำหรับการได้พักผ่อนจริง ๆ

        และที่สำคัญคือในเรื่องของราคา ที่เค้าเปิดตัวออกมาในราคา เริ่มต้นที่ 4.99 ล้านบาท* หรือที่ราคาเฉลี่ยที่ 170,000 บาท/ตารางเมตร
 
        บอกเลยว่าราคาดีมากสำหรับทำเลใจกลางเมืองแบบนี้

        ส่วนใครที่อยากได้ห้องในขนาดอื่น ๆ เท่าที่ผมสอบถามราคามาก็ดีไม่แพ้กันนะ
 
  • 1 ห้องนอน ขนาด 32.66-47.21 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท
  • 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 37.21 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.07 ล้านบาท
  • 2 ห้องนอน ขนาด 58.96-90.32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.73 ล้านบาท
  • 2 ห้องนอน พลัส ขนาด 88.14-88.17 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 14.61 ล้านบาท
  • 3 ห้องนอน ขนาด 93.44-110.74 ราคาเริ่มต้น 19.82 ล้านบาท
  • เพนท์เฮ้าส์ ขนาด 134.88-188.76 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 26.39 ล้านบาท
 
        จุดนี้ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มนักลงทุน
 
        ถ้าใครที่สนใจซื้อเพื่อลงทุนก็ตอบโจทย์ทั้งปล่อยเช่าระยะยาว หรือการขายต่อ เพราะโครงการอยู่ในพื้นที่ใกล้ใจกลางเมือง
 
        มีมูลค่าสินทรัพย์เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตามสภาพที่ดินที่หายากมากขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
 
 
 
        สรุปง่าย ๆ ก็คือ...
 
        ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง จะถือครองระยะยาวไว้เป็นสินทรัพย์ให้ลูกหลาน หรือจะขายต่อในอนาคต
 
        ก็น่าจะเกิดความงอกงามด้านทรัพย์สินของโครงการนี้ได้อย่างแน่นอนครับผม



















































 
 
 
 
 
 
 
 
 

Tag :



ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

"Supalai Kram Khao Tao" คอนโดใหม่หัวหิน ความส่วนตัวสูง มียูนิตน้อย ใกล้ชิดทะเล วิวอ่างเก็บน้ำเขาเต่า และขุนเขา

“โอ้โห ได้วิวนี้เลยเรอะ คอนโดอยู่ตรงนี้เลยจริงดิ นี่มันอยู่ท่ามกลางดง รีสอร์ท โรงแรม เลยนะ“ ผมเผลอหลุดปากออกมา เมื่อได้เห็นภาพโครงการครั้งแรก

"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025

"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025

8 ข้อน่ารู้ ก่อนไปสู่ขอ "KAVALON" ที่สุดของแคมปัสคอนโด สำหรับนศ. ม.กรุงเทพ!!

"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต


ติดดอยโร้ดทู

"Origin Hotel Bangkok Victory Monument" โรงแรมโลวไลฟ์บนหัวมุมซอยรางน้ำของพี่อัศวิน

ในที่สุดที่ดินตรงหัวมุมพญาไท ต้นซอยรางน้ำ ที่ล้อมรั้วกันที่ไว้นานน๊านนานแล้วก็ลุ้นกันอยู่เป็นปีว่าจะขึ้นโปรเจกต์อะไร สรุปวันนี้ก็ได้ออกหัวออกก้อยแล้วในที่สุดครับ

"AIP TWO" โปรเจกต์โรงแรมใหม่แกะกล่องจาก "Aira" ติด BTS ศาลาแดง และ Silom Complex แบบ 0 เมตร!!

ถ้าใครแวะไปสีลมจะเห็นได้ว่าเดิมทีมันมีที่ดินว่างติด BTS ศาลาแดง บริเวณข้าง Silom Complex อยู่


ติดดอยสไตล์

"MX27" ช่วง "อโศก-พร้อมพงษ์" นี่มันดงโรงแรมชัดๆ

"MX27" ช่วง "อโศก-พร้อมพงษ์" นี่มันดงโรงแรมชัดๆ

รู้จัก "รอยเลื่อนสะกาย" ยักษ์หลับแห่งเมียนมา ที่เขย่าพสุธาจนสะเทือนถึงประเทศไทย

เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางไกลนับพันกิโลเมตร

เมื่อคนซาก็ได้เวลาไปกิน "CHICHA San Chen" ชานมไต้หวันฉบับออริจิ้นเทียบเท่ามิชลิน 3 ดาว!

เมื่อคนซาก็ได้เวลาไปกิน "CHICHA San Chen" ชานมไต้หวันฉบับออริจิ้นเทียบเท่ามิชลิน 3 ดาว!

ปล่อยใจ ลอยไปกับสายน้ำ Second Cafe Wanglang คาเฟ่สุดชิลย่านวังหลัง ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

วันก่อนไปเจอคาเฟ่หนึ่งมาครับ ชื่อร้านว่า Second Cafe Wanglang ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ตรอกวัดระฆัง ตรงวังหลังนี่เอง

เปิดประสบการณ์ "Pavilion Luncheon Experience" เซ็ตอาหารไทยเบาๆ 4 ที่จากโรงแรม Dusit Thani Bangkok

เปิดประสบการณ์ "Pavilion Luncheon Experience" เซ็ตอาหารไทยเบาๆ 4 ที่จากโรงแรม Dusit Thani Bangkok

คริสปี้ ครีม ส่ง 4 โดนัทรสชาติใหม่ ต้อนรับปีใหม่ไทยกับ Thai Sweet Selection เอาใจสายหวานนนน

ใครจะไปอินช่วงเทศกาลเท่า 'คริสปี้ ครีม' ล่าสุดเข้าเดือนเมษายน ก็ส่งโดนัทและเครื่องดื่มแบบไทยๆ 4 รสชาติ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ กับ Thai Sweet Selection


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com