หลังจากโดนสะกดจิตด้วยป้ายโฆษณาบนบีทีเอสมานาน ชนิดเดินขึ้นเดินลงเป็นได้เห็นตลอด วันนี้มีโอกาสได้ไปเดินต๊อกแต๊กส่องทำเลและห้องตัวอย่างของโครงการที่ว่านี้เสียที

 

        อ่ะ ให้โอกาสทายว่าโครงการที่กำลังพูดถึงนี่คือโครงการอะไร หนึ่ง สอง สาม หมดเวลา!

 

        โครงการที่ผมกำลังพูดถึงคือ Denim Jatujak (เดนิม จตุจักร) โครงการยักษ์ใหญ่ของทาง Grand Unity นี่แหละ ทำไมต้องบอกว่ายักษ์ใหญ่? ใหญ่จริงมั้ยยังไม่แน่ใจเพราะยังสร้างไม่เสร็จ แต่มีพรายกระซิบบอกมาว่านี่เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ Grand Unity เคยมีมาเลย!

 

 

 

 

 

        ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เห็นว่าโครงการตั้งอยู่ใจกลางจตุจักร วันนี้ผมเลยแอบเดินมาเยี่ยมๆ มองๆ นกขุนทองร้องกรู้กันสักหน่อย เอ้า! ลุย!!!

 

        สำหรับการเดินทางไปเยี่ยมโครงการของผมครั้งนี้ ผมเลือกการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการใช้รถไฟฟ้า ถ้าจะมาโซนนี้นั่ง BTS มาลงสถานีหมอชิต หรือจะนั่ง MRT มาลงที่สถานีสวนจตุจักรได้เหมือนกันหมด จากจุดนี้นั่ง BTS ไปอีก 8 สถานี จ่าย 44 บาทก็ถึงสยามแบบต่อเดียวเลยด้วย

 

 

 

  

        ตัวโครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ สามารถเข้าได้สองเส้นทางคือซอยพหลโยธิน 18/1 ทางฝั่ง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ กับอีกเส้นคือซอยพหลโยธิน 18 ฝั่งสถาบันการบินพลเรือน

 

        ทั้งสองเส้นทางระยะทางพอๆ กัน แถมมันทะลุกันได้! แต่วันนี้ผมเลือกไปทางซอยพหลโยธิน 18 เพราะระยะทางมันใกล้กว่าเล็กน้อย ตลอดทางที่ลองเดินสำรวจดูแล้วในซอยก็ถือว่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์นะ 

 

 

 

 

 

 

        ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven มีเยอะมาก ถ้าหิวยามดึกก็เดินออกมาได้ไม่ไกลเท่าไร ส่วนแผงข้างทางนั้นก็มีอยู่บ้าง คิดว่าหลังจากตัวโครงการเปิดแบบสมบูรณ์น่าจะมีร้านค้าทยอยเปิดตามมากกว่านี้แน่นอน

 

        อ้อ ร้านจำพวกคาร์แคร์ก็มี ใครมีรถยนต์ส่วนตัวนี่สวรรค์เลย หรือใครไม่มีรถก็คงต้องเดิน แม้ระยะเดินมันก็ไกลอยู่ ถึงอย่างนั้นก็สบายใจได้เพราะบริเวณปากซอยวิภาวดีฯ 3 ที่ตั้งของตัวโครงการนั้นก็มีพี่วินคอยบริการจ้า

 

 

 

 

 

 

        ในแต่ก็ยังมีแต่อีกนั่นแหละ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดินทางโดยรถไฟฟ้า ชอบที่จะนั่งรถเมล์มากกว่า ตรงปากซอยก็มีป้ายรถเมล์อยู่อีกเหมือนกัน ถือว่าครอบคลุมทุกการเดินทางเลย

 

        แต่ว่าซอยนี้รถมันจะเยอะๆ หน่อยเพราะเป็นที่ตั้งของกรมขนส่งทางบกเลยมีรถเข้า-ออกตลอดเวลา เดินเข้าไปในกรมขนส่งฯ ก็สามารถทะลุไปบีทีเอสหรือป้ายรถเมล์ได้นะ แต่อย่างที่บอกว่ารถมันเยอะ ใครสายเดินก็ต้องระวังรถกันนิดนึง

 

 

 

 

        สำหรับช่วงวันหยุดนั้น ใครอยากจะไปเดินเล่นหาของกินหรือช็อปของใช้ก็ไม่ต้องไปไกล เพราะที่นี่ใกล้กับเมโทรมอลล์ใน MRT สวนจตุจักร ถือเป็นเมโทรมอลล์ที่มีทุกอย่างครบครัน เห็นว่าไม่นานจะเปิดกูเมต์ด้วย สบายไปอีก

 

        และอีกที่ที่พลาดไม่ได้คือตลาดนัดจตุจักร เย็นวันอังคารแวะมาเลือกซื้อต้นไม้ไปแต่งห้องก็สุดจะสะดวก เสาร์อาทิตย์ไปเดินซื้อของแต่งบ้านก็แสนจะสบาย

 

 

 

 

 

 

        ยิ่งไปกว่านั้นอย่างที่รู้กันว่าตอนนี้ศูนย์การค้า Mixt Chatuchak เค้าเปิดให้บริการแล้ว ไปเดินตากแอร์เย็นๆ หรือหาของกินที่นี่ก็ได้อีกเหมือนกัน กินเสร็จก็แวะมาเดินย่อยกันที่อุทยานสวนจตุจักร นั่งชมนกชมไม้หรือให้อาหารกระรอกกันเพลินๆ ก็สนุกดี 

        อ้อ! แต่อย่าลืมเชียวว่าตัวโครงการนั้นอยู่ใจกลางจตุจักรที่สามารถเดินทางไปห้างฯ ใกล้ๆ ได้อีกหลายที่ ถ้าใครเบื่อเดินในโซนนี้ก็สามารถเดินทางไป เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์ หรือจะแวะไปหาคาเฟ่ชิคๆ แถวอารีย์ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมเลย

 

 

 

 

 

 

 

        นอกจากนั้นโซนนี้ยังมีอาคารสำนักงานชั้นนำมากมายรายล้อมจริงๆ เฉพาะในซอยตัวโครงการนี่เดินไปนิดก็ถึงสถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD, สำนักพิมพ์ไทยรัฐ, บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ, กรมการขนส่งทางบก หรือ สถาบันการบินพลเรือน แล้ว

 

        แต่นั่นเฉพาะที่อยู่ในซอยที่สามารถทะลุหากันได้นะ เพราะอาคารสำนักงานอื่นๆ ในโซนนี้อย่าง อาคารเล้าเป้งง้วน, อาคารแสงโสม, SJ Infinite One Business Complex หรือ TMB กับ SUN Tower ก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน เดินทางได้ง่ายสะดวกสบาย น่าจะถูกใจบรรดาพนักงาน

 

        เดินต๊อกแต๊กซ่อกแซ่กไปมาจนเหนื่อย มาดูตัวโครงการกันบ้างดีกว่า

 

 

 

 

 

        สำหรับโครงการ Denim Jatujak นี้ตั้งอยู่แบบรั้วชนรั้วกับโครงการพี่อย่าง U Delight Jatujak ตอนนี้กำลังเริ่มต้นก่อสร้าง เห็นว่ากำหนดสร้างเสร็จปี 2565 อีกยาวนานเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้เค้ามี Sales Gallery ให้เราได้เข้าชมกันแล้ว

 

        โดยโครงการนี้เค้าจะมี 3 อาคาร เป็นแบบ High Rise 22, 33, 37 ชั้น จอดรถได้ 978 คัน หรือประมาณ 53% ส่วนยูนิตโดยรวมจะมีทั้งหมด 1,813 ยูนิต ซึ่งที่ Sales Gallery นั้นมีห้องตัวอย่างให้ยลโฉมกันทั้งหมดสามรูปแบบ คือแบบ Studio 22 ตร.ม., 1 Bedroom 27 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus 32 ตร.ม.

 

 

 

        มาเริ่มกันที่ห้องเล็กสุดก่อน กับห้อง Studio 22 ตร.ม.

 

        มองจากด้านนอกแล้วดูดีเลยนะ ถ้าขยับเข้าไปนิดจะเห็นเคาน์เตอร์ครัวก่อนเป็นอันดับแรก ในส่วนนี้มีพื้นที่ให้วางเครื่องซักผ้าด้วย ส่วนตู้เย็นก็จะตั้งอยู่ติดกัน มีช่องเก็บของต่างๆ เรียบร้อย ด้านฝั่งตรงข้ามจะเป็นในส่วนของห้องน้ำ ลึกเข้าไปอีกนิดจะเป็นห้องนอนครับผม

 

 

 

 

 

        ห้องนี้ถือเป็นห้องขนาดเล็กสุดคือนั่นคือมีขนาด 22 ตร.ม. อย่างที่บอกไป แต่ทุกอย่างในห้องถือว่าจัดแต่งได้อย่างเป็นสัดส่วนดี เหมาะสำหรับอยู่คนเดียวมากๆ

 

        แต่ถ้าใครกังวลเรื่องพื้นที่หน้าห้อง อยากจะได้ประตูกั้นระหว่าง pantry กับส่วนห้องด้านในเพิ่มเติมอีกนิดก็สามารถเรียกได้ เป็น Private Balcony จ้า

 

 

 

 

 

 

        เดินเข้ามาอีกนิดจะเจอห้องนอน ตรงนี้กดไลค์ให้กับโซนหน้าต่างเลย ดูเท่แต่ก็ดูมีรสนิยม คือเค้าใช้เป็นกระจกทรงยาวแล้วก็จะมีโซฟาตั้งอีกต่อหนึ่ง ถัดมาถึงจะเป็นโซนระเบียง จัดน่ารักมาก เหมาะจะเอาไว้นั่งชมวิวยามค่ำคืนที่สุด

 

 

 

 

 

        มาต่อกันที่ห้อง 1 Bedroom 27 ตร.ม. กันดีกว่า

 

        ห้องนี้ถือว่าโอเคเลย ส่วนตัวชอบห้องนี้มากๆ เพราะว่ามันมีขนาดพอดิบพอดีไม่เล็กไปแล้วก็ไม่ใหญ่ไปด้วย

 

 

 

 

 

        เดินเข้ามาประทับใจอย่างแรกเลยคือชั้นวางข้างผนัง ชอบมากกก เอาไว้วางของเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ แต่ถ้าใครเป็นหนอนหนังสือก็คือปลื้มเลยเพราะวางหนังสือตรงนี้ได้เก๋ๆ

 

        เป็นอีกห้องหนึ่งที่แบ่งรูปแบบการใช้สอยได้อย่างเป็นสัดส่วนมากๆ มีพื้นที่ชัดเจน แยกครัวไปทางหนึ่ง ตู้เสื้อผ้าอีกทางหนึ่ง ห้องน้ำก็แยกโซนเปียกโซนแห้งให้ด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

        และสุดท้ายกับห้อง 1 Bedroom Plus 32 ตร.ม.

 

        ห้องนี้เป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติมจากห้องแบบ 1 Bedroom อย่างเห็นได้ชัด เพราะนอกจากแยกห้องนอนออกมาเป็นสัดส่วนแล้วยังมีห้องทำงานด้วย เรียกได้ว่าแยกสัดส่วนกันอย่างเป็นระเบียบ นอนคือนอน ทำงานก็ส่วนทำงานนะ! 5555

 

 

 

 

 

 

        ส่วนตัวชอบครัวมาก ไม่ใช่ครัวปิดแต่ก็จัดวางอย่างเป็นสัดส่วนอีกเหมือนกัน มีส่วนสำหรับทานข้าวแล้วก็ทำอาหารแยกออกมา แล้วก็มีพื้นที่ให้จัดวางเครื่องซักผ้าตรงนี้ด้วย

 

        ส่วนห้องน้ำก็แยกโซนเปียกโซนแห้งชัดเจนเหมือนเดิมครับผม

 

 

 

 

        ด้านห้องนอน ชอบที่เหลือพื้นที่มุมห้องเอาไว้ให้เราได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับพื้นที่ส่วนนี้ได้บ้างตามใจเรา บางคนอาจเอาไว้วางชั้นวางกระจุกกระจิด หรือบางคนอาจจะหาต้นไม้ต้นเล็กๆ ไม่เปลืองพื้นที่มาวางเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ห้องก็ได้ เพราะผนังเค้าทำแบบปูนเปลือย มันเลยดิบๆ แมนๆ อยู่บ้าง อิอิ

 

 

 

 

 

 

 

        แล้วก็อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ว่าห้องนี้แยกห้องนอนและห้องทำงานไว้เลย (ความจริงจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอะไรก็ได้อ่ะนะแล้วแต่ใจเรา) โดยห้องนี้จะเล็กลงหน่อยตามสไตล์ 1 Bedroom Plus แต่ก็ถือว่าไม่ได้เล็กมากมายนะ

 

        สำหรับระเบียงจะอยู่ที่ห้องทำงานนี่เอง เป็นระเบียงที่มีขนาดพอดีพอได้ ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป

 

 

 

 

 

 

        เห็นห้องตัวอย่างแล้วน่าจะตกหลุมรักแล้วใช่มั้ยล่ะ ความจริงแล้วห้อง 1 Bedroom กับ 1 Bedroom Plus นี่น่าสนใจมากนะ ชอบสุดก็ตรงที่ถึงโครงการนี้เค้าจะขายแบบ Fully Fitted ที่จัดทุกอย่างให้ดูเป็นสัดส่วนแต่ก็ไม่ลืมที่จะเหลือสเปซเอาไว้ให้เราได้ปรับระเบียบสิ่งต่างๆ ตามใจต้องการด้วยนี่แหละ

        การจัดพื้นที่ใช้สอยแบบนี้เอาจริง ผมว่ามันตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นได้ไม่น้อยเลย ที่เก็บของเองก็เยอะ ให้ความรู้สึกว่าเท่ๆ คูลๆ แต่ก็มีความสุขเหมือนอยู่บ้านยังไงไม่รู้ จริงสิ ระบบ Home Automation หรือแอร์อะไรพวกนี้เค้าก็ให้เป็นแบบ standard ของห้องเลยนะ เต็มที่กันไปเลย

 

 

 

 

        สุดท้ายนี้ใครสนใจแวะไปดูห้องตัวอย่างกันด้วยตาตัวเองได้นะครับ ยังไงจะถูกใจชอบใจมั้ยไม่สู้ไปสัมผัสด้วยตัวเองหรอก Sales Gallery เค้าก็เปิดให้เข้าชมได้แล้วแบบนี้ยังไงก็ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนกันหน่อยก่อนที่เค้าจะเปิดพรีเซลส์กันในวันที่ 2-3 พฤศจิกายนนี้

 

        สำหรับใครที่สนใจสามารถลงทะเบียนไว้ก่อนได้นะครับ คลิกที่นี่ ได้เลย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02 652 4000 ก็สะดวกไม่แพ้กัน

 

        ยังไงสำหรับวันนี้ผมขอตัวลาไปก่อน แล้วคราวหน้ามาเจอกันใหม่ บ๊ายบายคร้าบบบ