หลังจากปล่อยให้เจ้าอื่นเค้าเปิดตัว Travel Card กันมามากมายหลายเจ้า ล่าสุดธนาคารสีเขียวอย่าง KBank ก็ปล่อย Travel Card ออกมาชิงใจลูกค้ากันตามคาด

 

        งานนี้บอกเลยว่าที่น่าจับตามองเพราะพูดกันอย่างไม่ลำเอียงแล้วเนี่ย ธนาคารที่หลายคนมักพูดถึงก็คือธนาคารสีเขียวกับธนาคารสีม่วง KBank & SCB นี่แหละ

 

        คราวก่อนเห็นหลายคนบอกว่าใช้ Travel Card ของทั้งสองธนาคารนี้กันมาก เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่า SCB Planet กับ KBank Journey สองบัตรจากสองธนาคารนี้เค้ามีจุดเด่นจุดด้อยอะไร แล้วลูกค้าอย่างเราควรจะตัดสินใจฝากเนื้อฝากตัวกับธนาคารไหนดี

 

        ค่าธรรมเนียม

 

 

        เริ่มต้นกันที่ประเภทแรกก็แตกต่างกันแล้ว เพราะ SCB Planet นั้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าของเค้าถูกกว่า KBank Journey เพราะธนาคารแรกนั้นคิดเพียง 200 บาท (ฟรีถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562) ในขณะที่คุณพี่กสิกรไทยเค้าคิดไป 700 บาท

 

        ส่วนค่าธรรมเนียมรายปี ธนาคารสีม่วงก็ชนะไปอีกแล้ว เพราะธนาคารนี้ไม่คิดค่าธรรมเนียมรายปี โดยบัตรของธนาคารสีเขียวเค้าก็ฟรีนะ แต่ฟรีแค่ปีแรก หลังจากนั้นคิด 550 บาทครับผม

 

        การรูดใช้งานในต่างประเทศ

 

 

        สำหรับหัวข้อนี้ต้องบอกเลยว่าบัตรทั้งสองธนาคารนี้ (และอีกหลายๆ ธนาคาร) ไม่มีชาร์จ 2.5% เพราะงั้นเราเลยสามารถรูดปรื๊ดๆ ที่ต่างประเทศได้แบบสบายใจหายห่วง

 

        แต่ว่ารูดได้เท่าไรละสำหรับหนึ่งวัน? สำหรับวงเงินที่เราจะสามารถใช้รูดซื้อสินค้าในต่างประเทศนั้น ธนาคารสีม่วงวินไปอีกแล้วเพราะเราสามารถรูดได้มากถึง 500,000 บาท/วัน ส่วนธนาคารสีเขียวจะจำกัดอยู่ที่สูงสุด 200,000 บาท/วัน

 

        สกุลไหนบ้างที่แลกได้?

 

 

        ปล่อยธนาคารสีม่วงนำหน้ามานาน มาหมวดนี้ถึงคราววินบ้างแล้ว เพราะในขณะที่ SCB Planet นั้นสามารถแลกได้ 13 สกุลเงิน คือ USD, EUR, GBP, JPY, AUD, CHF, SGD, HKD, NZD, CAD, CNY, KRW, TWD แต่ KBank Journey บอก hold my beer จัดไปเลยไม่จำกัด ให้แลกได้ทุกสกุลเงินทั่วโลกไปเล้ยยย!

 

        อายุบัตร

 

        ธนาคารสีเขียวยังวินอยู่ เพราะถ้าเทียบกันแล้วอายุบัตร Travel Card ของทาง KBank ถือว่าอยู่ได้นานกว่า โดยสามารถใช้งานได้นานถึง 5 ปี แต่ธนาคารสีม่วงนั้นบัตรมีอายุนานเพียง 3 ปีเท่านั้นคร้าบบบ

 

        ประกันการเดินทาง

 

 

        จะแพ็คกระเป๋าเดินทางไปต่างประเทศทั้งทีก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัยไว้ด้วยเหมือนกันเพื่อเซฟตัวเอง สำหรับบัตร Travel Card ของทั้งสองธนาคารนั้นก็มีประกันเดินทางเวลาไปเที่ยวต่างแดนให้เราได้อุ่นใจด้วยเหมือนกัน

 

        สำหรับบัตร SCB Planet นั้นเค้าจะให้ความคุ้มครองสูงสุดอยู่ที่ 1 ล้านบาท นาน 10 วัน แต่ว่าบัตร KBank Journey นั้นให้ความคุ้มครองจาก Cigna นาน 10 วันเท่ากัน แต่ว่าวงเงินจะขยับขึ้นมาสูงกว่านิด คือสูงสุด 1.5 ล้านบาท

 

        สิทธิประโยชน์อื่นๆ

 

        สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่แนบมากับบัตรก็ถือเป็นม้ามืดที่สามารถพลิกโผให้เราตัดสินใจซบอกธนาคารไหนได้เหมือนกันนะ เรามาดูกันดีกว่าสิทธิประโยชน์ของแต่ละธนาคารมีอะไรกันบ้าง

 

        ขอเริ่มที่ SCB Planet สำหรับเจ้านี้เค้ามีโปรโมชั่นส่วนลด 8% เมื่อจองที่พักออนไลน์ใน agoda (จองในประเทศที่กำหนดในแต่ละเดือน) หรือถ้าอยากจองที่พักในประเทศอื่นๆ ก็มีส่วนลดให้ 6% เหมือนกัน แต่โปรโมชั่นนี้เค้ากำหนดให้ใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 นี้เท่านั้นจ้า

 

 

        ด้าน KBank Journey นั้นก็จะมาแบบจุกๆ หน่อย สำหรับใครที่ออกบัตรนี้ภายใน 31 ธันวาคม 2562 เค้าจะให้ dtac SIM GO INTER 6GB นาน 10 วัน (มูลค่า 399 บาท) ไปใช้กันฟรีๆ เลย

 

        นอกจากนั้นยังได้ส่วนลด Grab 100 บาทสำหรับเดินทางไป-กลับสนามบินด้วยนะ แต่ตรงนี้เค้าจำกัด 2 สิทธิ์/ผู้ใช้ และให้ได้ 200 สิทธิ์/วัน

 

        ยังไม่พอ เค้ามีสิทธิ์ VISA Debit Privilege ด้วย คือสามารถรับ Starbucks e-Coupon, Blu-O Bowl Major และ Central Online e-Voucher เมื่อใช้จ่ายครบ 1,000 บาท และ 5,000 บาท โดยสามารถใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562

 

        อ้อ! แล้วเค้าก็ยังให้สิทธิ์ใช้ Miracle Lounge 1 สิทธิ์/ปีด้วยนะ แต่ถ้าสมัครภายในปี 2562 นี้จะได้รับ 3 สิทธิ์/ปีไปเลย

 

        ถือว่าในด้านสิทธิประโยชน์นี่ KBank Journey มาเต็มที่จริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้ถือบัตรด้วยนั่นแหละเนอะ ยังไงดูรายละเอียดบัตรหลายๆ ข้อแล้วค่อยตัดสินใจว่าบัตรไหนมันเหมาะกับเราแล้วกันนะครับผม