ใกล้สิ้นปี เริ่มมีการประมาณการมาเยอะพอสมควร สำหรับตัวเลขต่าง ๆ อีกหนึ่งข้อมูลที่พี่หมีแอบได้ยินมาอย่างข่าวเรื่องของประมาณการปิดยอดขายคอนโดมิเนียมของปี 62 นี่แหละ ที่เป็นตัวเลขที่น่าสนใจ เพราะเค้าคาดการณ์เอาไว้ซะน่าสนใจเลยทีเดียว เนื่องจากมันมีตัวเลขที่ลดลงจากปี 2561 เยอะมาก

 

        เห็นหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งตกใจไป เพราะมีเหตุมีผลที่ทำให้ตัวเลขลดลง นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้มาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทษไทยครอบอยู่บวกกับภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างฝืดเคือง สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมปี 2562 มีซัพพลายสะสมคงค้างช่วงต้นปีประมาณ 115,000 ยูนิต ขายได้แล้วประมาณ 27,000 ยูนิต เหลือคงค้างอยู่กว่า 80,000 ยูนิต อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกครึ่งปีหลังในการขาย ปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนคอนโดฯที่ขายได้ทั้งปีประมาณ 55,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปี 2559-2560 ถือว่ายังเป็นตัวเลขที่ผู้ประกอบการยอมรับได้ ยกเว้นปี 2561 ที่เป็นปีค่อนข้างพิเศษและมีการเปิดตัวโครงการจำนวนมาก จำนวนหน่วยที่ขายได้ก็ค่อนข้างมากคือ 76,000 ยูนิต เพราะซื้อก่อนที่จะมีมาตรการ LTV และลูกค้าจีนยังแอกทีฟอย่างมาก

 

        จำนวนซัพพลายคงค้างที่มีมากกว่า 80,000 ยูนิต ในขณะที่อัตราการขายหรือการดูดซับอยู่ที่ 55,000 ยูนิตนั้น ประเมินว่าใช้เวลา 1 ปีครึ่งก็หมด แต่ว่าในไตรมาส 4 ปีนี้ ผู้ประกอบการต้องไม่เปิดขายโครงการใหม่เพิ่มรายใดที่ยังพอมีแรงถือไว้ก็อาจจะเลื่อนไปเปิดตัวปีหน้า

 

        สำหรับรายที่ไม่มีภาระต้นทุนที่ดิน ต้องผ่อนชำระหรือดอกเบี้ย ถ้าเปิดขายในช่วงนี้จะขายได้ก็ขอบอกว่าราคาต้องถูกมากๆ และสินค้าต้องดีมากๆด้วยทั้งนี้ ปี 2561 ตลาดคอนโดฯทำยอดขายได้สูงมาก ๆ และมีมูลค่าถึง 290,000 ล้านบาท ส่วนปี 2562 นี้ช่วงครึ่งปีแรกขายไปแล้วกว่า 102,000 ล้านบาท โดยคิดเป็นประมาณ 38% ของปี 2561 จากตัวเลขดังกล่าวมองว่าในปีนี้ประมาณการว่าจะปิดยอดขายที่ประมาณ 220,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2560

 

        ตัวเลขยอดขายปี 2562 จะติดลบค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปี2561 แต่ก็ไม่ต้องกังวล เพราะปี 2561 เป็นปีที่พิเศษ เราอยู่กับตัวเลขขายระดับ 220,000 ล้านบาทมาเป็นสิบปีแล้ว

 

        แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมปีนี้ ช่วงต้นๆปีมีการเปิดขายคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทค่อนข้างมาก ซึ่งระดับนี้มีผู้ประกอบการที่ทำได้เพียง 3-4 รายเท่านั้น เป็นเซ็กเมนต์พิเศษที่มีการกระตุ้นให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตัวเอง มีประมาณ 60,000 ยูนิต

 

        โดยกลุ่มราคา 1-3 ล้านบาท ยังเป็นกลุ่มหลักของตลาด แต่ระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ในตลาดมีสินค้าค่อนข้างน้อยเพราะทำได้ยาก จากราคาที่ดินสูง ส่วนช่วงราคา 3-10 ล้านบาท มีอัตราการโตที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

 

        ถึงแม้ว่าตัวเลขจะลดลงเยอะ จากปี 2561 แต่ก็ถือเป็นปกติเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พี่หมีเชื่อว่าปีหน้าคงมีโอกาสได้ไปชมโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้นมาหน่อย เพราะปีนี้หลาย ๆ เจ้าคงต้องเก็บไว้เปิดอีกทีปีหน้า เรียกได้ว่าต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวานจริง ๆ