ค้าปลีกย่านใจกลางเมืองแข่งเดือด “เซ็นทรัลเวิลด์” เตรียมรับมือคู่แข่ง เล็งปรับโฉมใหญ่ในรอบ 10-15 ปี เผยกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อคึกคัก ขณะที่ลูกค้าชาวไทยกำลังซื้อยังทรงตัว
นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์การค้า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ในขณะนี้บริษัทมีแผนจะปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ใหม่ และถือเป็นครั้งใหญ่ในรอบกว่า 10-15 ปี
เบื้องต้นมองว่าจะเป็นมีความเป็นไลฟ์สไตล์และเอนเตอร์เทนเมนต์มากขึ้น มุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าแบบครอบครัวเป็นหลัก
โดยงบลงทุนและรูปแบบใหม่ของศูนย์การค้าจะเป็นในลักษณะใดนั้น คงต้องรอประชุมและผ่านคณะกรรมของบริษัทเสียก่อน คาดว่าจะเห็นความชัดเจน พร้อมกับการลงทุนปรับปรุงได้ในช่วงปี 2560 แล้วเสร็จในช่วงปีเดียวกันนี้
“ตอนนี้เราอยากทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ออกมาเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในย่านการค้าแห่งนี้ ค่อนข้างมีความรุนแรงและดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง คู่แข่งเกิดใหม่ก็มีเยอะ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายเดิมก็มีการปรับปรุงศูนย์การค้าของตนเอง การทำธุรกิจจึงต้องคิดให้เร็วและออกมาดีกว่าเดิม” นายอิศเรศกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการหาผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร บริเวณชั้น 8 ฝั่งห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ซึ่งเคยเป็น “เซ็นเตอร์พ้อยท์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์” มาก่อนนั้น ยังคงอยู่ในระหว่างการเจรจา
ซึ่งคาดว่าจะทำการพัฒนาให้เป็น “แฟมิลี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เซ็นเตอร์” หรือเรียกว่าศูนย์ความบันเทิงสำหรับครอบครัว ตามแผนเดิมที่วางไว้
เพื่อให้สอดคล้องกับแผนของการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มครอบครัวให้มากขึ้น
ส่วนบริเวณทางเชื่อมต่อสกายวอร์คจำนวน 2 ชั้น หรือพื้นที่ประมาณ 3,000-3,500 ตารางเมตร ถือเป็นอีกหนึ่งโซนที่มีความคึกคักเป็นอย่างมาก
โดยในช่วงผ่านมาบริษัทก็มีการนำแบรนด์ใหม่ต่างๆ เข้ามาเปิดให้บริการบ้างแล้ว ตอนนี้ยังเตรียมพิจารณาหรือคัดเลือกแบรนด์อื่นเข้ามาเพิ่มในอนาคตอีกด้วย
นายอิศเรศกล่าวว่า ปัจจุบันศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์มีผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ย 1.5 แสนคนต่อวัน เป็นคนไทย 65% ที่เหลืออีก 35% เป็นชาวต่างชาติ
โดยภาพรวมของศูนย์การค้าในช่วงนี้ต้องยอมรับว่ากลุ่มนักท่องเที่ยว ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการสร้างบรรยากาศการจับจ่ายเป็นอย่างมาก
เนื่องจากมียอดการใช้จ่ายสูงกว่าคนไทยเท่าตัว ส่วนใหญ่เข้ามาใช้บริการร้านอาหารเป็นหลัก รวมถึงการซื้อสินค้าในกลุ่มแฟชั่นก็มีแนวโน้มดีเช่นกัน
โดยนักท่องเที่ยวตลาดจีนมีการเติบโตและเข้ามามากสุด เป็นไปตามการขยายตัวภาพรวมของการท่องเที่ยวในประเทศไทย
ขณะที่กลุ่มลูกค้าคนไทยกำลังซื้อยังไม่คึกคักมากนัก
จากแนวโน้มการขยายตัวของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และบริษัทเองก็มีศูนย์การค้าที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวด้วยกันอีก 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต และเซ็นเฟสติวัลทรัลหาดใหญ่
จึงมีทีมการตลาดที่ดูแลเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวจีน บริษัทเน้นจับกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระหรือเอฟไอทีเป็นหลัก เนื่องจากมีกำลังซื้อที่ดีกว่ากลุ่มทัวร์