เรื่องทำเลของ Circle 2 ผมไม่คิดว่าจะโดดเด่นอะไรนะ การห่างจากรถไฟฟ้าตั้ง 750 เมตร บนถนนที่รถติดมาก แถมที่จอดรถแค่ 80% สำหรับระยะขนาดนี้นับว่าไม่เยอะ ดังนั้นในแง่ทำเลผมว่าโครงการนี้ด้อยกว่าคอนโดในละแวกเดียวกันแบบเห็นได้ชัด
แต่สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่น่าจะเป็นเรื่อง “คอนเซปต์” ครับ
Eco-Luxury Living อ่านแล้วก็งงเล็กน้อย หรูหราแบบอีโคๆ ฟังดูขัดกันนะครับ 555 แต่เอาล่ะ ในแง่ของ Eco ก็ต้องยอมรับว่าเค้าทำได้สุดนะ ในมุมมองของผม คือการจะ Eco เนี่ย บางที่มีแค่แอร์อินเวอร์เตอร์หรือทาสีแบบกันร้อนก็บอก Eco ละ แต่ที่นี่จัดเต็มมา 13 ข้อ (ลองไปหาอ่านได้ http://www.fragrantgroup.com/register/circle2/regis.php)
ในส่วนของรูปแบบห้องต่างๆ ก็พยายามทำให้ดู Luxury ตามคอนเซปต์ อย่างเรื่องเพดานสูง 2.85-3.25 เมตร (เป็นสัญลักษณ์ของคอนโด Luxury ไปแล้ว 555) แต่อย่างอื่นผมมองรวมๆ แล้วก็ยังไม่ได้ “สุด” นะครับ เหตุผลอาจจะเพราะโครงการนี้เปิดขายมาหลายปีแล้ว พอมาถึงยุคนี้ที่รูปแบบคอนโดมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเลยอาจจะทำให้ Circle 2 เลยดูธรรมดาไปหน่อยเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่น (เหมือนเดี๋ยวนี้ที่เราดูช่องที่ไม่เป็น HD แล้วรู้สึกว่าไม่ชัด 555)
โครงการนี้ผมพูดเรื่องของการลงทุนน้อยมาก เพราะเป็นโครงการที่เสร็จแล้ว ตัวโครงการเองมีการนำมาขายในราคา 140,000 บาท/ตร.ม. เพิ่มจากตอนพรีเซล ที่ราคาอยู่แถวๆ 110,000-120,000 บาท/ตร.ม. ก็นับว่าขึ้นไปเยอะพอสมควร โดยเฉพาะถ้าเทียบว่าห้องมีขนาดที่ใหญ่กว่าคอนโดอื่นๆ (เริ่มที่ 45 ตร.ม.)
ถ้าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยผมก็ว่าน่าสนใจในคอนเซปต์นะ อยากไปลองอยู่สักเดือนสองเดือน 555
ในแง่การลงทุน ถ้าซื้อตั้งแต่พรีเซล พอเห็นราคาที่โครงการอัพขึ้นไปก็คงอุ่นใจขึ้นระดับหนึ่ง แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าทราฟฟิคของการเทรดกันเป็นอย่างไรบ้าง แต่ผมขอพูดในลักษณะของราคา เมื่อเทียบกับทำเลและตัวคอนโดเองว่า ราคาแบบพรีเซลผมว่าโอเค เพราะเดี๋ยวนี้คอนโดในเมืองก็แสนอัพอยู่แล้ว เก็บเป็นเป็นทรัพย์สินที่ดีครับ ถ้าปล่อยเช่าก็น่าจะได้ผลตอบแทน 6% ขึ้นไปได้ แต่ถ้าซื้อราคาหน้าโครงการ ผมว่าอาจจะแพงไปหน่อย (ในแง่การลงทุนนะครับ) แต่ถ้าคิดว่าอยู่เองระยะยาว การเป็น Eco ก็อาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายของคุณลดลงก็ได้นะ แถมดูรักโลกดีด้วย #Circle 2 Living Prototype##คอนโดติดดอย
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ