จากอานิสงส์ของโครงการรถไฟฟ้า 2 สายในอนาคต ได้แก่ สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ก็ทำให้ปฎิเสธไม่ได้ว่า "ย่านมีนบุรี" เป็นอีกทำเลชานเมืองที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยในอนาคตของชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ย่านมีนบุรี จัดอยู่ในเขตกรุงเทพตะวันออก ซึ่งค่อนข้างห่างจากกรุงเทพชั้นในพอสมควร เนื่องจากการเดินทางที่ลำบาก ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยแถบนี้ค่อนข้างน้อย แต่เดิมพื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็นสวนไร่นา แต่ปัจจุบันหลายแห่งในบริเวณนี้ได้เกิดเป็นโครงการที่อยู่อาศัย, อาคารพาณิชย์, และศูนย์การค้า ทำให้ย่านมีนบุรีมีความคึกคักขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
เมื่อรัฐบาลได้อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าเพื่อให้คนในพื้นที่เดินทางสะดวกยิ่งขึ้นในอนาคต โดยย่านนี้อยู่ในเส้นทางของรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ได้แก่ สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2021 และสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ในปี 2024 การมาถึงของโครงการรถไฟฟ้านี่เอง เป็นปัจจัยบวกอย่างแรงที่ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยแถบนี้น่าจับตามองขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า ในอนาคตย่านมีนบุรีนี้จะกลายเป็นทางเลือกสำหรับการหาพื้นที่พักอาศัยของคนกรุงที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง
จากแผนที่ราคา เราจะเห็นได้ว่า ราคาของพื้นที่สูงที่สุด 3 อันดับแรกล้วนเป็นบริเวณที่ติดกับทางพิเศษกาญจนาภิเษกทั้งสิ้น
สำหรับพื้นที่หมายเลข 1 ติดกับถนนรามอินทราฝั่งขาเข้ากรุงเทพชั้นใน ทำให้มีราคากลางโครงการสูงถึง 5.84 ล้านบาท และมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 19,140 บาท/ตร.ม. สูงกว่าโครงการในพื้นที่หมายเลข 6 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนมาก โดยมีราคากลางสูงกว่าถึง 1.9 เท่า และราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่าถึง 2.3 เท่าเลยทีเดียว
ตามมาด้วยพื้นที่หมายเลข 2 ที่มีทั้งสถานบริการสุขภาพอย่าง โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี อีกทั้งเดินทางสะดวกด้วยถนนรามอินทรา ทำให้ราคากลางที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 4.77 ล้านบาท และราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 16,850 บาท/ตร.ม. และโครงการในพื้นที่หมายเลข 3 ราคากลางที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 4.41 ล้านบาท และราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่สูงกว่าพื้นที่หมายเลข 2 เล็กน้อยที่ 23,040 บาท/ตร.ม
สำหรับภาพรวมการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ (บ้านและทาวน์โฮม) ในพื้นที่ย่านมีนบุรี ช่วงบางชัน-คันนายาว มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน การเติบโตส่วนใหญ่เกิดขึ้นตามแนวเส้นถนนในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันในพื้นที่ยังคงไม่มีระบบขนส่งมวลชนทางราง ทำให้คนในพื้นที่ต้องพึ่งพาการเดินทางทางถนนเป็นหลัก และในอนาคตเมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ อาจมีโครงการตามแนวรถไฟฟ้าเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
แนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัย
จากข้อมูลราคาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบย่านมีนบุรี ช่วงบางชัน-คันนายาว เมื่อเราสังเกตกราฟแท่งซึ่งแทนค่ากลางราคาขายโครงการในพื้นที่นี้ จะพบว่ามีแนวโน้มค่อนข้างไม่คงที่ โดยในปี 2014 ลดลงจากปี 2013 ถึง 299,000 บาท และในปัจจุบันราคาลดลงจากปีก่อน 95,000 บาท เนื่องจากโครงการใหม่ในพื้นที่มีราคากลางต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในแต่ละปี ทำให้ภาพรวมราคากลางของโครงการในพื้นที่ลดลง โดยราคากลางมีมูลค่าการเติบโตเฉลี่ย 0.54% ต่อปี
บาเนีย
ที่มา : บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย)