ทำไม SC Asset ถึงต้องจัดงานเสวนา “อยู่สูงอย่างมั่นใจ อาคาร SC ปลอดภัย 100%”?

 

        ตอนที่ได้ข่าวว่า กำลังจะมี งานสัมมนานี้เกิดขึ้น พลันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ เมื่อไม่กี่วันก่อน

 

        “ป๋า รีบกลับบ้านเลยได้ไหม หนูไม่ค่อยอยากอยู่ในห้างนานๆ หนูกลัว” เป็นคำพูดของลูกสาวผม ที่เอ่ยออกมา หลังจากเรียนพิเศษที่ห้างเสร็จ ทั้งที่โดยปกติ จะชอบอยู่ห้างต่อ 

 

        สาเหตุเกิดจาก มีห้องหนึ่ง ปิดประตูเสียงดังมาก ทำให้ลูกสาวมี “ภาพ” ที่ตัวเองประสบแผ่นดินไหว บนอาคารชั้น 11 แว่บขึ้นมา ทำให้เกิดความตระหนก ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก

 

        นี่ขนาด ลูกสาวของผม ไม่ได้อยู่อาศัยในคอนโดสูงนะ แค่เข้ามาเรียนพิเศษในห้างทุกสัปดาห์ ยังมีผลกระทบทางด้านจิตใจขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลย ถ้าคนที่อยู่ในคอนโดสูงในวันนั้น จะมี “ภาพ” ที่ยากจะลืมเลือนกว่านี้ ถ้าไม่เจอกับตัวเอง ก็อาจจะไม่เข้าใจหรอก

 

        อย่างที่ทุกคนรู้กันดีครับ อสังหาฯ มักเป็นแกนสำคัญหนึ่งของเศรษฐกิจมาตลอด เพราะเกี่ยวพันกับคนจำนวนมาก มีหลากหลายอาชีพที่เกี่ยวข้อง 

 

        จากเหตุแผ่นดินไหว นอกจากบ้าน/คอนโดที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย มีผลกระทบแล้ว ก็อาจจะรวมไปถึงการท่องเที่ยวด้วยนะที่มีความเกี่ยวข้อง เพราะนักท่องเที่ยวบางส่วน ก็กังวลถึงโรงแรมสูงๆเช่นกัน

 

        การเร่งคืนความเชื่อมั่น ของอาคารต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน

 

        ผมจึงสนใจเข้าไปฟังเสวนาในครั้งนี้ด้วยเป็นพิเศษ เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่ฟังเพลินมาก ถึงแม้จะมีบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจบ้าง ตามประสาคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องวิศวะ แต่ผมก็จะขอสรุป เรียบเรียงบางประเด็นที่ผมรู้สึกว่า “น่าสนใจ” มาให้อ่านกัน ถ้าผิดพลาดอะไรไปบ้าง ก็สามารถท้วงติงมาได้นะครับ

 

        ผู้ที่มาให้ความรู้คือ อาจารย์ชูเลิศ จิตเจือจุน อุปนายกสมาคมวิศวกร โครงสร้างแห่งประเทศไทย และมี คุณนก กนกอร หลิมกำเนิด และคุณจ้ำ เฉลิมชัย วงษ์สุนทร ที่เป็นผู้บริหารของทาง SC Asset 

 

        - จริงๆ กรุงเทพเราเคยเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาก่อนหลายรอบ เพียงแต่มีผลกระทบค่อนข้างเบา อย่างก่อนหน้านี้ประมาณ 11 ปีก่อน ก็เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 แมกนิจูด ที่เชียงราย ซึ่งผลในกรุงเทพก็มีบางอาคารได้รับผลกระทบเล็กน้อย 

 

        - แผ่นดินไหวในครั้งนี้อาจจะทำให้คนไทยตกอยู่ในสภาวะ "กระต่ายตื่นตูม" เนื่องจากเป็นการเจอแผ่นดินไหวในแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าพิจารณาให้ดี ในกรุงเทพมีตึกสูงที่เกิน 23 เมตร อยู่มากถึง 3,000 หลัง และตึกสูงระฟ้าที่สูงเกิน 150 เมตร อยู่ 120 หลัง ทุกตึกไม่ได้มีปัญหาหนัก หลายตึกแทบไม่มีผลกระทบใดๆด้วยซ้ำ

 

        - แผ่นดินไหวครั้งนี้เมื่อวิ่งผ่านพื้นที่ใน กทม. เป็นชั้นดินอ่อน จะถือว่าเป็นแผ่นดินไหวระยะไกลแบบคาบยาว คือมีความถี่น้อยแต่ยาว จึงทำให้อาคารมีความสั่น โยกกว้าง และนาน ซึ่งแผ่นดินไหวระดับนี้จะส่งผลกระทบต่ออาคารสูง จึงทำให้บ้าน หรืออาคารที่มีความสูงน้อยกว่า 20 เมตร แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลยนั่นเอง

 

        - ทาง อ.ชูเลิศ บอกว่า หลังจากแผ่นดินไหว ได้เข้าไปตรวจสอบอาคารด้วยตนเอง ประมาณ 50 กว่าตึก ส่วนใหญ่พบว่าอยู่ในสถานะสีเขียวคือปลอดภัย มีสีเหลืองบ้าง คือไม่อันตรายเหมือนกัน แต่อาจจะมีส่วนโครงสร้างที่เสียหายบ้าง สามารถซ่อมแซม และเข้าอยู่อาศัยได้ตามปกติ

 

        - ส่วนใหญ่อาคารที่เกิดความเสียหาย จะมีความสูงเกิน 20 เมตรขึ้นไป ตามกฎหมายระบุว่า อาคารที่สูงเกิน 15 เมตร จะต้องออกแบบรับแรงแผ่นดินไหว สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่มีงานวิจัยต่างๆ การเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการ Proved ว่าสิ่งที่เราเซ็ทเป็นข้อกฎหมายจากงานวิจัยต่างๆ มีเหตุมีผล และใช้ได้จริงๆ ยิ่งมั่นใจได้ว่า ข้อบังคับใช้ในการก่อสร้างอาคารต่างๆ ได้มาตรฐาน และปลอดภัยนั่นเองครับ

 

        - จากการเข้าตรวจสอบอาคารถือว่า ปัญหารอยร้าวต่างๆที่พบเจอ เหล่านี้เป็นไปตามหลักการทางวิศวกรรม ไม่ได้ร้ายแรง เพราะว่าพอวิเคราะห์มาแล้ว แรงที่กระทำต่ออาคาร มันอยู่แค่ประมาณ 1 ใน 3 ของที่เรากำหนดให้ออกแบบไว้ พูดง่ายๆ คือสั่นกว่านี้ก็ยังรับไหว ตึกไม่ถล่มแน่นอน ถ้าก่อสร้างได้มาตรฐาน และออกแบบถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าอาคารจะแกว่ง แต่โครงสร้างก็จะกลับมาอยู่ในสถานะเดิม

 

        - เปรียบเทียบความเสียหายแบบให้เห็นภาพง่ายๆ คือผนังเปรียบเสมือน "เสื้อผ้า" ตัวโครงสร้างเปรียบเสมือน กระดูก และกล้ามเนื้อ ของเรา แม้ว่าเสื้อผ้าจะขาด ตัวเราก็ยังมั่นคงปลอดภัย 

 

        - ส่วนคำถามที่ว่าอาคารในไทย สามารถรองรับแรงแผ่นดินไหวได้แค่ไหน?

 

        - มีการคำนวณล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว โดยพิจารณาระยะทางเป็นหลัก ถ้าเกิดแผ่นดินไหวจาก รอยเลื่อนจาก เกาะสุมาตรา 9 , พม่า 8 และกาญจนบุรี 7 แมกนิจูด ระดับนี้คือ อาคารในกทม. สามารถรองรับแรงได้แน่นอน

 

        - และยิ่งนักวิชาการไทยมีความไม่ประมาท เผื่อเอาไว้แล้ว อย่างเคสของพม่าครั้งนี้ จึงน่าจะสามารถรับได้อยู่ที่ประมาณราวๆ 8.5 แมกนิจูดเลยนะ!! เพราะฉะนั้นวางใจได้เลยว่า อาคารในประเทศไทยตอนนี้รับแรงสั่นสะเทือนหนักกว่านี้ได้อีก

 

        - แผ่นดินไหวในระดับนี้ ถ้าในมุมสถิติมันมีโอกาสจะเกิดขึ้นอีกใน 100-300 ปี สำหรับผม แน่นอนว่า มันก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีกเมื่อไรไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ยังพออุ่นใจได้ว่า อาคารในกทม.เรา ยัง "เอาอยู่"  

 

        - ส่วนอาคารเก่า ที่มีการก่อสร้างมาก่อนกฎหมายควบคุมอาคาร ปี 2550 ออกมานั้น ทาง อ.ชูเลิศ บอกว่าไม่ต้องกังวล เท่าที่ตรวจส่วนใหญ่ไม่มีความเสียหาย เพราะอาคารเหล่านั้น มีการสร้างเผื่อๆเอาไว้ค่อนข้างเยอะ เลยจะยิ่งแข็งแรงมาก 

 

        แผ่นดินไหวครั้งนี้ SC Asset ถือเป็น Dev ระดับต้นๆเลยที่คนชื่นชม มีผลกระทบค่อนข้างน้อย และเทคแอคชั่นได้ไว แบบมีขั้นตอน

 

        - ทาง SC Asset ได้มีการตรวจสอบหลังจากเกิดเหตุ มีการจัดตั้ง War room และมีการ Set up มาตรการ ซึ่งจะมีทีมงานหน้าบ้าน ทั้ง วิศวกรโยธา M&E นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยกับผู้ออกแบบโครงสร้าง และงานระบบ มาเดินร่วมกับทางช่างอาคารของนิติบุคคล เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเลย เพื่อสร้างความมั่นใจว่า อาคารยังแข็งแรงปลอดภัย และลูกบ้านสามารถกลับเข้าไปใช้ชีวิตได้เลยให้ไวที่สุด

 

        - หลังจากตรวจสอบก็มีการวางแผนการซ่อมแซม หลายโครงการมีการประสานทางผู้รับเหมา และเริ่มเข้าซ่อมแซมทันที มีการจัด Category ถ้าหากว่าห้องชุดของลูกบ้านได้รับผลกระทบกับการใช้ชีวิต หรือไม่ได้รับความสะดวก ก็จะทำการประสานช่างให้เข้าไปดูแล เพื่อให้ลูกบ้านมีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต

 

        - หลังจากตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ก็ยังมีการตรวจสอบแบบละเอียดต่อ โดยให้ทางทีมวุฒิวิศวกร เข้าเช็คความเรียบร้อยแบบละเอียดอีกที ว่าอาคารไม่ได้รับความเสียหายอะไร ซึ่งผลออกมาก็เป็นสีเขียว ทั้งโครงการที่อยู่ในประกัน และไม่อยู่ในประกัน โครงการเก่า และใหม่ ของ SC Asset มีการตรวจสอบหมด คอนโดมิเนียม 33 โครงการ โรงแรม 2 แห่ง และอาคารสำนักงาน 4 แห่ง ที่เป็นอาคารสูงทั้งหมดของ SC ปลอดภัย มีการตรวจสอบแล้วทุกขั้นตอนทั้งหมด

 

        - สำหรับการก่อสร้าง "ในส่วนของ SC เอง ไม่ได้เลือกผู้รับเหมา หรือ Supplier ที่ราคาต่ำที่สุด แต่เลือกที่คุณภาพ และบริการหลังการขายด้วย" แหม หล่อเลย 555 นอกจากนี้ยังมีการ Pre-Screen ผู้รับเหมา จึงสามารถไว้ใจได้ และในทุกโครงการของ SC ไม่ได้ปล่อยให้ทีมวิศวกรทำงานอย่างเดียว แต่ยังมีทีมของ SC เอง เข้าดูแลด้วยเสมอ มั่นใจได้ว่าทีมงานส่วนใหญ่เป็นคนไทย และผู้เซ็นออกแบบคือวุฒิวิศวกร ที่เชี่ยวชาญ ดีเนอะ ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยตั้งแต่แรกเลย

 

        - ตึกของ SC Asset ใต้สระว่ายน้ำจะมีระบบสปริง นอกจากช่วยลดแรงกระแทกแล้ว ยังช่วยลดเสียงที่จะกระทบลงไปชั้นล่างอีกด้วย แผ่นดินไหวที่ผ่านมา น้ำในสระ จะหายไปไม่เกิน 10 ซม. ฉะนั้น ไร้กังวลเรื่อง "สระว่ายน้ำลอยฟ้า" ไปได้เลย 

 

        - ทาง SC จะเข้าไปตรวจสอบอาคารอีกเป็นระยะๆ ในทุกๆ 5 ปี สมกับ Hashtag #จะกี่ปีSCไม่ทิ้งคุณ จริงๆ

 

        - มีการปรึกษาผู้ออกแบบทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อนำเทคโนโลยี และวัสดุ เพื่อทำให้โครงสร้างโครงการในอนาคตแข็งแกร่งทนทานยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่น เกิดรอยร้าวได้น้อยลง เป็นมาตรฐานใหม่

 

        โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยมีผลกระทบทางจิตใจเท่าไร เนื่องเพราะตอนนั้นอยู่บนรถไฟฟ้า ในโซนที่แทบไม่รู้สึกเลยว่ามีแผ่นดินไหว พอมาได้ฟังข้อมูลเหล่านี้ ก็ยิ่งเกิดความสบายใจ และจะเอาไปเล่าให้ลูกสาวฟังอย่างแน่นอน 

 

        อย่างที่ผมเคยบอกครับ "ภาพจำ" หลายอย่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลบเลือนแน่นอน แต่ "ชีวิต" ก็ยังต้องดำเนินต่อไป เหมือนกับหลังภัยธรรมชาติทุกครั้งที่ผ่านมา น้ำท่วม โควิด ฯลฯ เราอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่อยู่อาศัยไปบ้าง แต่สุดท้าย คนก็ยังคงเลือกที่จะอยู่ภายในเมืองอยู่ดี

 

        ส่วนลูกบ้านของ SC Asset อันนี้เค้าฝากบอกมาว่า หากพบเจอปัญหาต่างๆ สามารถติดต่อไปทาง 1749 หรือ RueJai App เพื่อให้ทางทีมงานเข้าไปดูแลได้เลยครับผม

 

        #SCAsset #ScisQuality #SCCondo