จะว่าไปก็ถือเป็นการปรับโฉมครั้งที่ 4 แล้ว สำหรับ "พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ" แลนด์มาร์กที่อยู่คู่ถนนเพชรบุรีมาช้านาน ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

        จาก "พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ" เป็น "พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า"

        จาก "พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า" เป็น "AEC Trade Center" 

        จาก "AEC Trade Center" ก็เปลี่ยนมาเป็น "AEC Food Wholesale Pratunam"

        และตอนนี้ได้เวลาเปลี่ยนจาก "AEC Food Wholesale Pratunam" ให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลก ในนาม "Phenix"

        จาก "ห้างไอที" สู่ "ฮับอาหาร ระดับโลก" ประหนึ่งนกไฟตัวใหญ่ที่เผาตัวตายแล้วก็สามารถฟื้นคืนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งจากเถ้ากระดูกของตัวเอง

        ตอนนี้เปิดให้บริการแล้วอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 69,000 ตารางเมตร ด้วยน้ำพักน้ำแรงจากทุนเจ้าสัว "AWC"

        โดย "Phenix" จะแบ่งคอนเซปต์หลักๆ ในตัวเองออกเป็น 2 ส่วน คือ

        - RETAIL : FOOD LOUNGE F&B DESTINATION

        - WHOLESALE : WORLD'S FOOD WHOLESALE HUB

        พูดง่ายๆ คือ เป็นแหล่งรวมวัตถุดิบอาหารคุณภาพสูงจากทั่วโลกที่มาพร้อมกับไลฟ์สไตล์ความอร่อย ความสนุก และความบันเทิงเต็มรูปแบบ 

        เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ครั้งแรกของโลก ที่เชื่อมโยงการค้าระหว่างผู้ผลิตอาหารและซัพพลายเออร์มารวมไว้ด้วยกันในที่เดียวผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ 

        ที่นี่จะมีสินค้าด้านอาหารหลากหลายกว่า 1,000 แบรนด์ทั่วโลก รวมไปถึง International Pavilions นานาประเทศ ที่ทาร์เก็ตหลักๆ คือนักท่องเที่ยวและฟู้ดเลิฟเวอร์จากทั่วโลก 

        และที่นี่ยังมีฟู้ดเลาจน์ขนาดใหญ่รวมกว่า 200 ร้านดัง เป็นแหล่งรวมอาหาร-เครื่องดื่ม จากร้านอาหารระดับตำนาน รวมไปถึงมิชลินสตรีทฟู้ดด้วย

        ร้านดังที่เรารู้จักก็จะมาเปิดที่นี่ ทั้ง ร้านผัดไทยไฟทะลุ, April's Bakery, ฮั่วเซ่งฮง, Gopeg, อิ๋วหมี่กระเฉดตลาดพลู, อาหลิวราดหน้า, หยกสด, เส้นสายปลายจวัก, ขาหมูกระทู้ภูเก็ต, ครัวปลาเถื่อน ฯลฯ ไปจนถึงเชฟ เทเบิ้ล และร้านระดับไฟน์ ไดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ร้าน Bar Italia by Giegie, ร้าน Take a break by Khao Group, ร้าน Chef Man, ร้าน HEAP Cafe & Restaurant, ร้าน Loong Mala Hotpot และร้านเนื้อแท้

        ในแง่ของการเป็นศูนย์ค้าส่ง ที่นี่จะมีให้ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ครับ โดยผ่านทาง "Phenix Business Platform" ที่จะรวบรวมผู้ขายระดับโลกเอาไว้มากกว่า 2,400 บริษัท

        แพลตฟอร์มนี้จะทำให้ผู้ประกอบการด้านอาหารสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ครบครันตั้งแต่วัตถุดิบท้องถิ่นไปจนถึงวัตถุดิบหายากตลอด 365 วัน ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบการจัดซื้อที่ครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงการจัดซื้อเป็นจำนวนมากสำหรับองค์กรขนาดใหญ่

        น่าสนใจคือ ไม่มี GP ไม่มีการชาร์จเปอร์เซ็นต์ ผู้ซื้อกับผู้ขายสามารถเชื่อมต่อกันโดยตรงได้เลย

        นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ Co-living ด้วยครับ ทั้ง Phenix Grand Ballroom ขนาด 2600 ตร.ม. ที่ถือว่าใหญ่มากสำหรับการเป็นแกรนด์บอลลูม

        มี Phenix Auditorium Hall, Taste Kitchen พื้นที่สำหรับครัวสาธิต ฝึกทำอาหารหรือสตรีมมิงได้ที่นี่เลย ห้องสัมมนาหรือห้องประชุมเองก็พร้อม ครอบคลุมไปถึงโซนสำหรับนัดประชุมหรือสังสรรค์กับเพื่อนและคู่ค้า 

        มีโซนนั่งทำงานพร้อมปลั๊กไฟตามมุมอาคาร มี Family Zone สำหรับเด็ก มี Grab & Go Zone ที่เป็นจุดรับและสั่งอาหารผ่านแอป ที่สำคัญคือมี Dining & Entertainment Zone ที่ในอนาคตจะเอาไว้สำหรับทานอาหาร แฮงเอาท์ ดนตรีสด ฯลฯ 

        โมเดลนี้น่าสนใจครับ การแสดงคอนเสิร์ตระดับโลกรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมประสบการณ์ฟู้ดเลาจน์ งานแรกที่เตรียมจะจัดคือ "Lisa Ono The Greatest Hits Concert" ช่วยปลายเดือนกรกฏาคม เรียกว่าฟังดนตรีไปด้วยแล้วก็เลือกชิมเลือกทานอาหารในฟู้ดเลานจ์ได้ด้วย

        อีกโซนที่น่าสนใจคือ โซน Food Museum พิพิธภัณฑ์อาหารเล่าเรื่องราวตำนานอาหารไทยให้โด่งดังไปทั่วโลก ที่เตรียมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมภายในปี 2567 นี้

        แล้วถามว่ายังมีพื้นที่ IT อยู่มั้ย? คำตอบคือ ยังมีอยู่ครับ

        ด้วยความที่ห้างนี้เป็นที่รู้จักกันในนามห้าง IT มาแต่ไหนแต่ไรเนอะ ร้าน IT ก็อยู่คู่กันมานาน ดังนั้น "Phenix" จึงยังจะมีร้าน IT อยู่ครับ โดยร้านใหญ่สุดคือ JIB และก็มีร้านตู้กระจกรายล้อมทั้งชั้น 

        รวมๆ คือ "Phenix" จะแบ่งออกเป็น 6 ชั้นด้วยกัน 

• ชั้น B – ลานจอดรถใต้ดิน
• ชั้น G – Food Lounge, Phenix Auditorium Hall, Common Space, Share Shop, Click & Collect, ร้าน YIWU Selection และสินค้าประเภท Frozen and Chilled
• ชั้น M – Food Lounge, Share Shop, พื้นที่จัดแสดงสินค้าจากสถาบันอาหาร (NFI) และสินค้าประเภท Frozen and Chilled รวมถึง Innovative
• ชั้น 2 – International Pavilion, Share Shop และธนาคาร
• ชั้น 3 – IT solution for HORECA, Share Shop, Food Museum
• ชั้น 4 – Food Lounge, Taste Kitchen, Share Shop และสินค้าประเภท Beverage and Confectionary
• ชั้น 5 – Phenix Grand Ballroom
• ชั้น 6 – ศาลพระพิฆเนศ

        ทั้งตึกทาร์เก็ตไว้ที่ 265 ร้าน ตอนนี้มีร้านประมาณ 80% ช่วงที่ผมไปอาจจะถ่ายภาพไม่ค่อยสวยเพราะร้านยังเปิดกันไม่เต็มร้อย หลายๆ ร้านเพิ่งเอาของออกมาวาง และการจัดจำหน่ายก็ยังไม่ค่อยคงที่่เท่าไหร่ ช่วงหลังๆ คงเข้าที่เข้าทางมากขึ้นครับ

        มาถึงเรื่องสำคัญที่หลายคนอยากรู้ คือ "จอดรถตรงไหน?" 

        อันที่จริงปัญหาด้านที่จอดรถมีให้เห็นตั้งนานนมมาละ ประเด็นนี้น่าสนใจตรงที่ Phenix เน้นการใช้ขนส่งมวลชนในการเดินทางครับ มีที่จอดรถที่ตัวโครงการแหละ และสามารถไปจอดที่ Neon Market ได้อีกต่อ แต่ใดๆ คือทางนี้เค้าเน้นให้คนที่เข้ามาใช้ shuttle service ของเค้ามากกว่า

        จะมีรถแวน 20 คัน คอยวนรับส่งทั้งย่านนี้ครับ อย่างเราเอารถไปจอดที่ Neon Market แล้วก็นั่งรถแวนของโครงการต่อมาได้เลย หรือนักท่องเที่ยวที่เดิมยังอยู่แถวพารากอน ชิดลม ราชเทวี ก็ขึ้นรถแวนจากตรงนั้นมาที่โครงการได้เลยเหมือนกัน

        อีกอย่างคือ ปีหน้าจะมีรถไฟฟ้าใต้ดินผ่าน เห็นว่าจะทำทางเชื่อมเข้ามาถึงด้านในตึกได้เลย แต่ตอนนี้เค้าจะทำทางเชื่อมที่อยู่ตรงคลองทางด้านหลังเข้ามาก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นในแง่ของการเดินทาง ผมเลยคิดว่ารถยนต์อาจไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แต่ช่วงนี้การใช้ขนส่งมวลชนก็ไม่เอื้อเหมือนกัน อาจต้องรอปีหน้าถึงจะเดินทางได้สะดวกกว่าเดิม

        แต่ตอนนี้ผมก็เห็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินเข้าเดินออกกันบ้างแล้วนะ ยังไงซะด้านในก็มีทุกอย่างรวมให้หมดแล้ว ของกินจากประเทศต่างๆ ก็มีรวมไว้ให้ที่นี่ ดังนั้นตัว Phenix จึงถือว่าเหมาะกับเหล่านักท่องเที่ยวที่มองหาของกินของฝากโดยตรงจากผู้ขาย เพราะได้แบบราคาส่งนั่นเองครับ

        รวมๆ แล้วคือยิ่งใหญ่อลังการ เพราะไม่ใช่แค่มีอาหารแต่มีโซนเอนเตอร์เทนเมนต์ด้วย เท่าที่ผมเห็นมามีรายการระดับโลกจ่อคิวเตรียมใช้สถานที่ยาวไปถึงสิ้นปีแล้ว แม้ตอนนี้ในภาพรวมร้านรวงจะยังไม่ครบแบบ 100% แต่สำหรับใครที่อยากไปเพื่อกินร้านดังโดยเฉพาะ หรือผู้ประกอบการคนไหนที่อยากได้วัตถุดิบราคาดี Phenix ก็มาเพื่อตอบโจทย์นั้นโดยเฉพาะล่ะนะ