หลายคนชอบถามกับผมว่าทำไมเดี๋ยวนี้คอนโดยุคใหม่ชอบทำห้องแบบ 2 ชั้น มันจะไม่เปลืองแอร์หรอ เดินขึ้นลงจะไม่ลำบากหรอ

        ซึ่งคำตอบมันก็คือ "ใช่" ถ้าห้องนั้นผ่านการออกแบบมาไม่ดีพอ แต่กลับกันถ้ามันออกแบบมาดี มันก็จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการอยู่อาศัยของเราไปเป็นเท่าตัวเลยนะ

        ยกตัวอย่างโครงการสุดฮอต Culture Thonglor ที่นี่เค้าก็ที่นี่เค้าก็ตั้งใจทำเพิ่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มี lifestyle ที่แตกต่างกัน โดยมีให้เลือกถึง 3 แบบห้องแบบ ซึ่งผมรู้สึกได้เลยว่าเค้าออกแบบมาเพื่อแก้ Pain Point ที่เราเจอจากห้อง Simplex จริง ๆ

        ที่ผมชอบสุดคือห้อง Hybrid ทุกแบบมีพื้นที่เพียงพอสำหรับรองรับ work from home คือทำงานได้แบบจริงจังจริง ๆ มีมุมนั่งโต๊ะทำงานกว้างขวางและปลอดโปร่งด้วยกระจก corner สูง แสงธรรมชาติเข้ามาให้พื้นที่ในห้องรู้สึกสบาย

        หรือใครชอบทำอาหารห้องแบบนี้ก็ยังเน้นตอบโจทย์การทำอาหารเองที่บ้าน ด้วยฟังก์ชั่นครัวปิด มีประตูบานเลื่อนกั้นครัวพร้อมชุดครัวอเนกประสงค์และตู้รองเท้า ในบางห้องรูปทรงห้องมีพื้นที่เพียงพอจัดให้มีห้อง storage แทนตู้รองเท้า ใช้เก็บของได้หลายอย่างด้วย

        โดยห้อง Hybrid นี้มีใหลือกตั้งแต่ชั้น 19-36 ทุกห้องสูงโปร่งด้วยฝ้าเพดานสูง  4.30 ม ลืมบอกว่าที่บริเวณ living ที่ที่นั่งทำงานชั้นล่างทางโครงการจัดเตรียมจุดปลั๊กไฟสำหรับการ WFH ไว้เป็นที่เรียบร้อยด้วยนะ ปลื้มมาก

        ส่วนชั้นลอยสำหรับห้องนอนแยกเป็นส่วนตัวจากพื้นที่อื่น มีพื้นที่วางโต๊ะทำงานได้อีกจุด หากต้อง work from home พร้อมกัน 2 คน สามารถแยกกันทำงานได้เลยคนละชั้นได้เลย คิดง่าย ๆ เหมือนเราอยู่คอนโดแต่ได้บรรยากาศฟีลบ้านยังไงยังงั้นเลย

        ที่สำคัญห้อง Hybrid สำหรับโครงการนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียค่าส่วนกลางแบบกระอัก เพราะเค้าจะคิดค่าส่วนกลางจากพื้นที่ใช้สอยด้านล่างเท่านั้น!!!

        ผมขอไกด์ไลน์สำหรับห้อง Hybrid ทั้ง 3 แบบนิดนึงล่ะกัน ว่ามีพื้นที่ใช้สอยแตกต่างกันยังไง และมีความน่าสนใจอะไรในห้องแบบนั้น ๆ บ้าง

• Studio Hybrid (24.5-31.5 ตร.ม.) : เป็นห้องสตูดิโอที่ไม่รู้สึกว่าเล็กเลย โดยแยกส่วนนั่งเล่นและทำงานไว้ด้านล่าง ซึ่งโต๊ะทำงานเนี่ยอยู่ติดผนังกระจกบานใหญ่ รับวิวเมืองได้แบบจุใจจริง ๆ ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนที่ยังรู้สึกกว้าง ทำตู้เสื้อผ้าเพิ่มอีกจุดก็ยังมีที่เหลือ ๆ ได้เลยล่ะ
• 1 Bed Hybrid (32-34 ตร.ม.) : ห้องนี้รูปแบบ Layout จะคล้าย ๆ กับห้อง Studio Hybrid ได้ความสูงโปร่งแบบ Double Volume บริเวณ Living Area แต่ที่พิเศษคือพื้นที่ ๆ เพิ่มขึ้นมาทำให้ส่วนชั้นบนมีความเป็นห้องนอนมากขึ้น และพีคสุดคือห้องนี้เค้ามี bathtub ให้ด้วย ซึ่งต่างชาติชอบเช่าห้องแบบนี้นะ อยู่เองก็ได้ ปล่อยเช่าก็ดีแน่นอนห้องนี้
• 2 Bed Hybrid (51 ตร.ม.) : ห้องนี้สิของเด็ด เป็นห้องที่มีพื้นที่ Living Area ให้ใช้งานได้ถึง 2 ชั้น มาพร้อมกับห้องนอนอีก 2 ห้อง เอาดี ๆ มันคือบ้าน 2 ชั้นที่มาแฝงตัวอยู่บนตึกสูงนั่นแหละ ฟังก์ชั้นบ้านครบทุกการใช้ชีวิตไปเลยห้องนี้ แต่เป็นบ้านที่อยู่ใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า ไม่ต้องอยู่ชานเมืองเหมือนแนวราบที่เราคุ้นเคยกัน

        ใครสนใจก็ลองแวะเวียนไปเยี่ยมชมกันก่อนได้ครับ ทางโครงการขายแบบ Fully-Fitted ได้ส่วนที่ตกแต่งมาครบครัน มีทั้งครัว ตู้รองเท้า และภายในห้องน้ำ แถมมาพร้อมแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น และ Rain Shower แต่ถ้าเป็นห้อง 2 Bedroom หรือ 1 Bed Hybrid จะได้เพิ่มเป็นเครื่องทำน้ำร้อนแทนเพราะมี Bathtab Kasch ให้มาด้วย

        เอาจริงผมอยากให้เพื่อน ๆ หลายคนเปิดใจกับห้องแบบนี้นะ อะไรที่เคยคิดว่าเป็นปัญหาในการใช้งาน โครงการนี้เค้าได้คิดและออกแบบมาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นไว้หมดแล้ว เดี๋ยวนี้หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่คอนโดมากขึ้น การได้บรรกาศที่เป็นบ้านจริง ๆ มันช่วยฮีลใจได้นะ

        จุดเด่นของห้อง Hybrid ก็คือ ห้องนั่งเล่นที่เพดานสูง 4.3 เมตร ทำให้รู้สึกโปร่ง โล่ง อยู่สบาย ใครที่ไม่เคยอยู่ห้องแบบนี้มาก่อน เชิญชวนให้มาสัมผัสของจริง ของแบบนี้อธิบายไม่ได้ ต้องมารู้สึกด้วยตัวเอง บางคนเมื่อได้อยู่ห้องแบบนี้แล้ว ไม่สามารถกลับไปอยู่ห้องแบบเดิมได้อีกเลยนะ ทำไมเราต้องอยู่ห้องแบบธรรมดา ในเมื่อห้องแบบพิเศษมันตอบโจทย์ชีวิตเรามากกว่านี่เนอะ อุอิ

สนใจโครงการคลิกลงทะเบียนที่ >>> https://anan.ly/3essPWg