ผมเห็นแล้วก็ต้องบอกว่า อย่ายอมนะ กทม. อย่ายอมแพ้เกาหลีใต้ เพราะประเทศนี้ขยันสรรหาสร้างไอ้นั่นไอ้นี่มาตอบโจทย์ชีวิตคนในประเทศจริงๆ ครับ

        ล่าสุดนี่พัฒนาหาทำไม่หยุดเลย เห็นว่ารัฐบาลโซลเตรียมที่จะจัดทำ "สวนสาธารณะวัฒนธรรมริมน้ำ" แบบบิ๊กเบิ้มเพิ่มด้วย

        พูดถึงริมน้ำ บ้านเรามีคลองโอ่งอ่างนะ สู้เปล่าาา 5555

        แต่เห็นแล้วรู้สึกได้เลยว่าถ้าบ้านเราพัฒนาแนวคิดเหล่านี้เอามาประยุกต์ใหม่เพื่อสร้างสวนสาธารณะรอบคลองและแม่น้ำในกรุงเทพฯ บ้าง มันก็น่าจะดีไม่น้อยครับ

        ดูอย่างเกาหลีสิ พื้นที่เป็นเมืองแล้วก็เนินเล็กเนินน้อยขนาดนั้น คิดว่าการจะขยายป่า ขยายสวนเพิ่มน่าจะเป็นเรื่องยาก ที่ไหนได้ สุดท้ายก็ยังหาทำจนสำเร็จ รู้สึกชื่นชมบ้านเมืองเขาจริงๆ ครับ

        อย่างที่เที่ยวใหม่ในกรุงโซลแห่งนี้กางแปลนขนาดใหญ่กว่าโซลพลาซ่าถึง 1.5 เท่าเชียวนะ กำหนดสร้างเสร็จคือปี 2025 โดยเค้าจะเชื่อมไปยังสถานที่เที่ยวอื่นๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้วย (ใช่แล้ว อ่านไม่ผิด ยังมีที่อื่นที่กำลังสร้างอยู่ เจริญอยู่แล้วก็ไม่ยอมหยุดเจริญจริงๆ)

        เอาเป็นว่าอีกไม่กี่ปี เกาหลีจะมีสเปซตรงลำธาร Jungnangcheon (중랑천) แล้วครับ งานนี้ถูกแปลงโฉมใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนถนนบนทางด่วน 2 เลนให้กลายมาเป็นสวนวัฒนธรรมริมน้ำ สร้างเลียบไปกับแม่น้ำเป็นระยะทางเกือบกิโลฯ เลยล่ะ

        ส่วนพื้นที่ที่สะพานแห่งนี้จะเชื่อมนั้นก็อย่างที่บอกครับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโซลอารีน่า ศูนย์วัฒนธรรมปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์แห่งโซล ศูนย์นวัตกรรมชีวการแพทย์ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ภาพศิลปะโซลด้วย

        บอกเลยว่าพื้นที่โซนนี้จะกลายเป็นสเปซทางวัฒนธรรมริมน้ำที่ผสานศิลปะกับการพักผ่อนเอาไว้ให้ประชาชนชาวเกาหลีได้แวะมาใช้เวลาที่นี่ จะนั่งชิล เดินเล่น เสพงานศิลป์ หรือศึกษาวัฒนธรรมก็ได้หมด all in one มากๆ เลยยย

        งานชิ้นนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นอภิมหาโปรเจกต์ของรัฐบาลโซล ซึ่งหลักๆ แล้วการสร้างสวนวัฒนธรรมริมน้ำขนาดใหญ่ถึง 20,000 ตารางเมตรแห่งนี้เค้าจะสร้างจากถนนใต้ดินระหว่างสะพาน Changdonggyo และสะพาน Sanggyegyo ใต้ลำธาร Jungnangcheon กับส่วนของถนนใต้ดินทางด่วน Dongbu

        การก่อสร้างจะใช้วิธีแบบ Fast track หรือก็คือทั้งก่อสร้างและออกแบบไปพร้อมๆ กันเพื่อให้งานออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะงั้นเรื่องการจราจรจะไม่มีปัญหามากนัก

        อย่างงานโยกย้ายสิ่งกีดขวางก็เสร็จสิ้นในเดือนเมษายนแล้ว เพื่อลดความไม่สะดวกให้กับประชาชน รัฐบาลกรุงโซลเองก็มีแผนติดตั้งทางลอดชั่วคราวในระหว่างการก่อสร้างด้วย ตรงไหนสร้างเสร็จแล้วก็เปิดถนนใต้ดินให้รถวิ่งได้เลยจ้า

        มันคือสเปซในอนาคตที่ประชาชนสามารถใช้งานได้จริง เชื่อมต่อเข้าหากันทั้งย่าน เดินไปมาหาสู่กันได้ พร้อมกันนั้นก็ใส่ใจในเรื่องของศิลปะวัฒนธรรมไปพร้อมกัน ตามประสาคนอาร์ตๆ นั่นแหละครับ ผู้คนบ้านเค้าเป็นแบบนี้เลย

        แต่แน่นอนว่ากำไรที่ได้มามันคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ใช้ไปนะ เพราะมันก็คือการพัฒนาเมืองอย่างครอบคลุมในหลายๆ ด้าน ตอบโจทย์วิถีการใช้ชีวิตของคนเมือง และปี 2025 นี้ก็จะใช้งานได้แล้วด้วย!

        หรือว่านี่จะเป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่า "ประเทศที่พัฒนาแล้ว" กันน้ออ