เชื่อว่าคงมีคนเคยเห็นภาพผืนที่ดินอันเขียวชอุ่มอุดมไปด้วยต้นกล้วยบริเวณ BTS สถานีราชเทวี เป็นแน่แท้ เพราะแค่นั่งรถไฟฟ้าผ่านก็มองเห็นแล้วครับ

        ทำเลที่ดินผืนนี้ถือว่าเป็นทำเลที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเป็นจุดที่ติดกับตัวสถานี BTS ราชเทวี เรียกได้ว่าระยะทาง 0 เมตร จาก BTS เลยก็ว่าได้

        ที่ดินตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของสี่แยกราชเทวี อันเป็นจุดตัดของถนนเพชรบุรี (มุ่งหน้าเข้าสู่ แยกอุรุพงษ์ และ แยกประตูน้ำ) และ ถนนพญาไท (มุ่งหน้าเข้าสู่แยกพญาไท และ แยกปทุมวัน) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของใจกลางกรุงเลยทีเดียวครับ เพราะเป็นจุดที่เชื่อมเข้าสู่ย่านการค้าของกรุงเทพ ทั้งประตูน้ำและอาณาจักรสยามแหล่งช้อปชั้นนำของเมืองกรุง

        ที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 6 ไร่เศษ หรือ 9,916 ตารางเมตร เป็นที่ดินใหญ่แปลงสุดท้ายของทำเลราชเทวี ซึ่งเป็นที่ดินของตระกูล จุฬางกูร ซึ่งก่อนหน้านี้มันถูกปล่อยทิ้งให้หลายๆ คนตั้งคำถามว่าที่ดินแปลงสวยแบบนี้จะถูกพัฒนาต่อให้เป็นอะไร เพราะจนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นโครงการใดๆ ผุดขึ้นมาสักที ที่ดินแปลงนี้ถูกทิ้งให้กลายเป็นที่ดินรอการพัฒนามาอย่างยาวนาน

        อดีตตึกแถวร้านรวง สู่ป่ากล้วย และ JRK Tower

        จริงๆ ก่อนหน้าจะเป็นป่ากล้วยก็เป็นพื้นที่ที่มีอาคาร ร้านค้า กว่าจะได้ถางเป็นผืนที่ดินเปล่าก็ใช้เวลานานพอสมควรครับ กว่าที่ร้านรวงเหล่านั้นจะโยกย้ายออกไปหมด (ปล. ช่วงปี 2008 ถ้าใครยังจำได้ ไวนิลจากชาวบ้านนี่มาติดเยอะอยู่นะ ประมาณว่าเงินไม่มา เราไม่ไป ฯลฯ อะไรประมาณนี้) ก็เรียกได้ว่า ในอดีตก็เป็นแปลงในตำนานอยู่นะ

        ซึ่งในปี 2019 ก่อนจะมีแผนการก่อสร้างแบบออฟฟิเชียลจากปากเจ้าของพื้นที่ออกมา ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมากมายว่า จะสร้างเป็นโรงแรมบ้างล่ะ คอนโดบ้างล่ะ 

        และ ในที่สุดช่วงปลายปี 2019 ก็มีข่าวแบบซึ่งข้อมูลแบบออฟฟิเชียลช่วงปลายปี 2019 จากปากของ ณัฐพล จุฬางกูร ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ กลุ่มน็อนออโตโมทีฟ ซัมมิทฯ ก็ออกมาเผยสักทีครับว่าสรุปที่ดินแปลงนี้จะถูกสร้างเป็นอะไร

        เค้าบอกว่าจริงๆ แล้ว ไอเจ้าที่ดินนี้เป็นที่ดินที่คุณแม่เค้าซื้อเก็บเอาไว้ ซึ่งครอบครัวก็มีความสนใจในธุรกิจอสังหาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วล่ะ ผนวกกับมีที่ดินแลนด์แบงก์อยู่ในมือค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

        หนึ่งในนั้นก็เป็นที่ดินหัวมุมแยกราชเทวีนี่แหละ ซึ่งช่วงปลายปี 2562 เคยมีข่าวออกมาแล้วว่าเค้าจะเอาที่ดินตรงนี้ไปสร้าง JRK Tower ต่อนะ ไอเจ้าตัวอักษร JRK ก็มาจากคำว่า "จุฬางกูร" นั่นแหละครับ ตรงตัวเลย โดยก่อนหน้านี้เค้าตั้งใจจะให้โครงการนี้เป็นโครงการร่วมทุน แต่เพราะเห็นว่ามันเป็นที่ดินเปล่าผืนใหญ่ผืนสุดท้ายของราชเทวีแล้ว ก็เลยเปลี่ยนใจ ลุยพัฒนาเองแบบไม่ได้ให้ใครมาจอยด้วยเลย

        ในตอนนั้นเค้าบอกว่า JRK Tower จะสร้างมาเป็น มิกซ์ยูส-ออฟฟิศเกรด A ออกแบบเป็นอาคารสูง 46 ชั้น พื้นที่รวม 118,000 ตร.ม. สามารถจอดรถได้ถึง 804 คัน (รวมชั้นใต้ดิน 4 ชั้น) ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ดังนี้ครับ

        - โรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 350 ห้อง บนชั้น 7-13 และ banquet ชั้น 15

        - ออฟฟิศบิลดิ้งพื้นที่รวม 47,000 ตร.ม. บนชั้น 16-42

        - สกายเลานจ์ ชั้น 44-45 และสกายเดสก์ & รูฟท็อปบนชั้น 46

        นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รีเทลขนาด 1,500 ตร.ม. อยู่บนชั้น 2 ซึ่งเค้าจะออกแบบให้มีทางเชื่อม เป็นสกายวอล์กเข้ากับรถไฟฟ้าบีทีเอสด้วยครับ ในส่วนของโซนออฟฟิศชั้น 16-42 เท่ากับมีจำนวนถึง 27 ชั้น รวมพื้นที่ 47,000 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 โซน เพื่อความสะดวกรวดเร็วของการจราจรแนวดิ่ง 

        ตอนนั้นก็มีการคาดการว่าน่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายใน 3 ปี ค่าเช่าออฟฟิศตอนนั้นคาดว่า น่าจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 1,500 บาท (ณ ตอนนั้นคือปี 2019)

        จะมีทางเชื่อมเป็นสกายวอร์คระหว่างอาคารและสถานีรถไฟฟ้า

        ปัจจุบันปี 2021 ที่ดินแลนด์แบงค์แปลงสวย เพิ่งเริ่มได้ฤกษ์ก่อสร้าง

        แม้ตอนนั้นทางด้านของ คุณณัฐพล จะบอกว่าการก่อสร้างน่าจะแล้วเสร็จในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีการก่อสร้างใดๆ สักที 

        แต่ในขณะเดียวกัน "ตึกสปริง ทาวน์เวอร์" อาคารสำนักงานให้เช่า 27 ชั้น ที่ตั้งอยู่เยื้องๆ กันซึ่งก็เป็นตึกที่ “จุฬางกูร” ได้เข้าไปพัฒนาและร่วมทุนระหว่าง ไอร่า แคปปิตอล เสนาฯ และแสงฟ้าฯ ตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “แอสไพเรชั่น วัน" (ตัวนี้ได้ LEED Gold ด้วยนะ แต่ตั้งอยู่บนพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ระยะเวลาสัญญาเช่า 30 ปี และได้รับสิทธิ ที่จะต่อสัญญาออกไปอีก 30 ปี) ซึ่งตึกสปริง ทาวน์เวอร์ ก็ได้ชิงสร้างเสร็จและเปิดให้บริการไปก่อนแล้วในช่วงปี 2562 

        ตึกสปริง ทาวน์เวอร์ ที่สร้างเสร็จไปก่อนแล้ว ในขณะที่พื้นที่ JRK Tower ยังเป็นป่ากล้วยกลางกรุง

        อันที่จริงแล้วโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งในโครงการที่ผมน่าจะมีโอกาสได้แวะเวียนไปแทบทุกวันจริงๆ ฮะ เพราะที่ดินแปลงนี้ อยู่หน้าออฟฟิศผมเลย 5555 (แต่ว่ามีไวนิลโครงการไปติดอยู่นะ) 

        ในที่สุดครับ ฤกษ์งามยามดีก็มาถึงสักที ตอนนี้เริ่มดำเนินการแบบพฤตินัยสักทีครับ เพราะตอนนี้มีเหล่าเครื่องจักรและเครื่องมือก่อสร้างเข้าปรับปรุงพื้นที่เตรียมก่อสร้างอาคารกันแล้ว ซึ่งในปี2021 โครงการ JRK Tower  มีการปรับเปลี่ยนข้อมูลเล็กน้อยครับ

        โดยตัวโครงการยังคงมีส่วนสูงอยู่ที่ 46 ชั้น เช่นเดิม แต่มีการปรับเล็กๆ น้อยๆ ตามนี้ครับ

        - พื้นที่โรงแรมจากแผนเดิมอยู่บริเวณชั้น 7-13 ถูกปรับให้มีบริเวณชั้นเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 7–15 และมีจำนวน 354 ห้อง จากเดิมที่จะมี 350 ห้อง

        - สำนักงาน ยังคงอยู่ที่ชั้น 16–42  ซึ่งจะมีพื้นที่มากกว่า 10,000 ตร.ม.

        -พื้นที่ค้าปลีก ชั้น 3 – 6 และ ชั้นที่ 44 – 45

        - ภัตตาคาร ชั้นที่ 15 และ ชั้นที่ 45

        - อาคารจอดรถ 1 อาคารขนาดความสูง 45 ชั้น ชั้นลอย 1 ชั้น และชั้นใต้ดิน 4 ชั้น

        ไวนิลโครงการถูกถ่ายไว้เมื่อปลายปี 2019

        การมาของสายสีส้ม และ JRK Tower  จะสะเทือนพื้นที่ราชเทวีในอนาคต?

        Credit รูปภาพจากเว็บไซต์ a49.co.th       

        ณ ปัจจุบันนี้ ทำเลราชเทวีก็มีความโดดเด่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะอย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้นว่า "ราชเทวี" เป็นจุดที่เชื่อมเข้าสู่ย่านการค้าของเมืองกรุง เป็นเส้นทางในการจราจรเข้าสู่ถนนสำคัญของกรุงเทพ นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทตัดผ่านและห่างจากสถานีสยาม ที่เป็นจุดศูนย์กลางของรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทและสายสีลมเพียงสถานีเดียว

        แต่ความโดดเด่นตรงนี้ ยังสามารถไปต่อได้อีก เนื่องจากในอนาคตราชเทวี จะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อด้านการคมนาคมที่สำคัญมากครับ ด้วยการมาของรถไฟฟ้ามหานครสายสีส้ม ที่คาดว่าจะได้ใช้บริการในปี 2567 ผนวกกับการมาของ JRK Tower และ สปริง ทาวน์เวอร์ ก็น่าจะกลายเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาพลิกโฉม ราชเทวี ในอนาคตเป็นแน่แท้

        เพราะทั้งอาคารสำนักงาน อาคารมิกซ์ยูส โรงแรมหรูและร้านอาหาร รวมถึงยังเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย มั่นใจครับว่าบริเวณนี้อาจจะเป็น Central Business District อีกหนึ่งจุดสำคัญและทรงพลังมากที่สุดของกรุงเทพแน่นอน ส่วนใครที่มีคอนโดย่านราชเทวีอยู่ในครอบครองบอกเลยว่าราคามีขยับขึ้นแน่นอน คอนเฟิร์ม

        และล่าสุดได้มีภาพ Perspective จากบริษัท ออกแบบชื่อดังที่รู้จักกันในนาม A49 ปล่อยมาอวดโฉมความงามกันมาก่อนแล้วครับ ด้านระยะเวลาการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 44 เดือน หรือประมาณ 3 ปีกว่าต่อจากนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดแผนอ่ะนะ

        เอาล่ะ ก็เอามาเล่าให้ฟังกันครับ เพราะต้องบอกเลยว่าที่ดินตรงนี้มันรอพัฒนามานานมากกกก ในที่สุดก็ได้ทำสักที ผมคงได้นำภาพความคืบหน้าการก่อสร้างมาฝากบ่อยๆ แน่นอนครับไม่ต้องห่วง เพราะอยู่ใกล้ออฟฟิศสุดๆ 5555

        Credit รูปภาพจากเว็บไซต์ a49.co.th  

        Credit รูปภาพจากเว็บไซต์ a49.co.th  

        Credit รูปภาพจากเว็บไซต์ a49.co.th  

        Credit รูปภาพจากเว็บไซต์ a49.co.th  

        Credit รูปภาพจากเว็บไซต์ a49.co.th