ล้มลุกคลุกคลานกันพอสมควรเลยครับปีนี้ เพราะปัญหาเก่ายังไม่ทันจะซา โควิดซัดปัญหาใหม่มาเป็นระลอกที่สาม เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนที่ตามแวดวงอสังหา คงพอสังเกตกันได้ว่าตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหม่ในระลอกนี้ แต่ละเจ้าแตะเบรกการเปิดโครงการใหม่กันซะจนตลาดเงียบ ซึ่งส่อแววว่าตลาดอสังหา อาจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คิดนะ!!

        ถึงแม้จะมีปัจจัยบวก “วัคซีนป้องกัน” แต่สถานการณ์โควิดระลอก 3 ส่งผลต่อตลาดอสังหาเพราะมีแนวโน้มชะลอการฟื้นตัว โดยเฉพาะคอนโด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ผู้ประกอบการพยายามกระตุ้นให้เข้ามาซื้อ หรือ โอนกรรมสิทธิ์ทำได้ยากขึ้น เพราะต้องใช้เวลา กว่าจะเดินทางเข้ามา ยกเว้น รัฐบาลจะมีมาตรการพิเศษออกมาสนับสนุน

        ในขณะที่แนวราบเป็นการชะลอตัวชั่วคราว คาดว่าหลังเหตุการณ์โควิดรอบใหม่นี้คลี่คลาย ลูกค้าจะกลับมาซื้อปกติ เพราะก่อนเกิดโควิดรอบ 3 ตลาดบ้านแนวราบกำลังไปได้ดีมากกว่า 2 ไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงคอนโดที่น่าจะฟื้นตัวจากกำลังซื้อคนไทยในประเทศ สังเกตได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

        การฟื้นตัวขณะนี้ยังเป็น “ยูเชฟ” แต่จุดต่ำสุดจะยาวหรือสั้นยังไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับว่าการแพร่ระบาดจะกินเวลายาวนานแค่ไหน รวมทั้ง “ความเชื่อมั่น” ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร ผู้คนหวั่นกลัวว่าจะมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่อีกหรือไม่? อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การแพร่ระบาดเป็นเรื่องนอกเหนือความควบคุมในแง่ของผู้ประกอบการต้อง “ไม่ฝืนตลาด” หรือ รีบร้อนเปิดโครงการใหม่! เพราะมิเช่นนั้นจะเป็นการสร้างหนี้ภาระผูกพันระยะยาวและสร้างปัญหาได้ถูกใจที่สุด

        ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า การเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาสสองปีนี้อาจ “ต่ำ” กว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ด้านคอลลิเออร์ส ระบุโควิด -19 รอบ 3 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเปิดตัวคอนโดโครงการใหม่ “ลดลง” เหลือ 3,000 ยูนิต โดยก่อนหน้านี้ คอลลิเออร์ส ได้คาดการณ์ตลาดคอนโดไตรมาสสองในพื้นที่กรุงเทพฯ ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 4,500 ยูนิต

        โดยการเปิดตัวคอนโดในไตรมาสสองปีนี้ จะไม่ต่ำกว่าช่วงไตรมาสสองปีที่ผ่านมาที่มีการเปิดตัวโครงการ เพียง 1,200ยูนิต ซึ่งตลาดอสังหาฯ ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วจากโควิดรอบแรก โดยเวลานั้นทุกคนต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลายในไตรมาสสามปีที่ผ่านมาอัตราการขายปรับตัวดีขึ้น มาสู่ระดับ 43% ใกล้เคียงกับภาวะปกติ ที่อยู่ราว 49-50%