ปัญหาโลกแตกอีกอย่างหนึ่งที่เราเผชิญหน้ากับมันอยู่นานน่าจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่า "วันนี้จะกินอะไรดี"
ส่วนตัวผมเป็นคนที่มีปัญหากับเรื่องการกินอยู่ค่อนข้างมาก มักจะมีคำถามนี้ผุดเข้ามาทักทายอยู่แทบจะทุกๆ วัน
หนักกว่านั้นคือช่วงที่เราต้องล็อกดาวน์เพราะเจ้าโควิด-19 นี่แหละ ออกไปไหนก็ไม่สะดวก ร้านอาหารที่เลือกได้แถวนี้ก็มีจำกัด ไปๆ มาๆ เลยยากที่จะหาอะไรสักอย่างใส่ท้อง
ทุกคนน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่าถึงจะมีบริการแอปส่งอาหารเข้ามาช่วยตอบสนองความต้องการในส่วนนี้ให้เราได้ แต่นานวันเข้ามันก็สร้างความลำบากให้เราอยู่เหมือนเดิม
ไม่ต่างกันกับเวลาหาหนังดูใน Netflix ครับ ใช้เวลาเลือกอยู่เป็นชั่วโมง สุดท้ายก็กดออกจากแอปเพราะไม่รู้จะดูอะไรดี
แอปสั่งอาหารนานวันเข้าก็เป็นแบบนั้นเลย ไถไปไถมาสุดท้ายก็ไม่รู้จะกินอะไร กดออกจากแอปไปซะงั้น!
แต่วันนี้ผมจะพาไปทำความรู้จักกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่า "ปิ่นโตดิจิทัล" กันครับ
ปิ่นโตดิจิทัลหรือที่รู้จักกันในชื่อที่เป็นทางการหน่อยอย่าง "Food Subscription" นั้นเป็นธุรกิจที่บูมมากในช่วงโควิดที่ผ่านมา
มีหลายประเทศหันมาทดลองทำ แล้วมันก็ใช้งานได้จริงไม่ต่างจากรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จจุดพลุปังไปก่อนหน้านี้อย่างแพลตฟอร์มให้บริการดูหนังฟังเพลงทั้งหลาย
และที่ผมจะพาทุกคนไปดูธุรกิจน่าสนใจที่ว่านี้เป็นโมเดลของฝั่งญี่ปุ่น
ทำไมถึงเลือกญี่ปุ่น? ก็เพราะมันน่ารักน่ะซี!
แต่ก่อนหน้านั้นผมขอเล่าคร่าวๆ ก่อนแล้วกันว่าเจ้า "Food Subscription" นั้นคืออะไร อธิบายง่ายๆ คือบริการที่ทำให้เราไม่ต้องมานั่งเลือกเมนูอาหารหรือกดสั่งแบบครั้งต่อครั้งครับ เพราะเราสามารถสั่งทีเดียวล่วงหน้าได้เลยหลายวัน ระบุรอบการส่งให้เรียบร้อย จากนั้นอาหารก็จะมาเสิร์ฟให้เราเองถึงที่ในวันเวลาที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้
และบริการ "Food Subscription" ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นช่วง New Normal แบบนี้ก็เป็นหนึ่งโมเดลธุรกิจที่ผู้ขายเขาหันมาจับกันมากขึ้น ตัวผู้ซื้อเองก็มีความมั่นใจและเคยชินไปกับการสมัครสมาชิกผูกปิ่นโตไปด้วยแบบยาวๆ
ทั้งเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว หรือกระทั่งเครื่องปรุงอาหารสามัญประจำบ้านก็สามารถทำเป็น "Food Subscription" ได้ ว่าแต่จะมีเจ้าไหนน่าสนใจแถมจัดเต็มเรื่องความคิวตี้คาวาอี้แบบญี่ปุ๊นนนญี่ปุ่นบ้างนั้น เดี๋ยวเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ!
ขอเริ่มต้นที่เครื่องดื่มจากสวรรค์ประทานอย่างกาแฟ เครื่องดื่มที่ช่วยให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เอาชีวิตรอดในแต่ละวันได้ก่อนแล้วกันครับ PostCoffee Co. เป็นบริการส่งกาแฟเจ้าดังที่มีผู้ใช้บริการมากอีกหนึ่งเจ้า โดยก่อนหน้านั้นลูกค้าต้องทำแบบสอบถามสั้น ๆ จำนวนทั้งหมด 10 ข้อให้ทางร้านได้เข้าใจถึงลักษณะความชอบของคนดื่มเสียก่อน เป็นคำถามจำพวกว่า "คุณชอบท็อปปิ้งอะไรบนแพนเค้ก" หรือ "คุณมักจะฟังเพลงตอนไหน" หลังจากนั้นร้านจะแมตช์ลูกค้ากับกาแฟ 3 อย่างจากกว่า 30 เบลนด์ที่ร้านขายอยู่ เลือกบรรจุภัณฑ์ จากนั้นเซ็ตกาแฟเพื่อเราก็จะส่งมาถึงที่แล้ว
อีกหนึ่ง Coffee Subscription ที่อยากแนะนำกันเจ้านี้เป็นคาเฟ่ดังจากเกียวโตครับ ค่อนข้างเป็นที่รู้จักทีเดียวแถมที่ร้านยังขายอุปกรณ์สำหรับสเปเชียลตี้คอฟฟี่ด้วย เป็นร้านที่รองรับทั้งลูกค้าชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ดังนั้นจุดเด่นในเรื่องของพื้นที่การโปรโมทร้านจึงมีคำอธิบายภาษาอังกฤษกำกับไว้ด้วย แถมร้านเป็นพันธมิตรกับโรงคั่วที่มีชื่อเสียงทั่วญี่ปุ่นอีกต่างหาก ง่ายๆ เลยคือถ้าเป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่อยู่ที่ญี่ปุ่นก็น่าจะชื่นชอบร้านนี้เชียว แต่ Coffee Subscription ของเขานั้นกำหนดไว้ว่าลูกค้าไม่สามารถเลือกเมล็ดกาแฟในเซ็ตของแต่ละเดือนได้นะ คนที่ไม่ชอบความเซอร์ไพรส์อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ แต่ใครที่ชอบการลุ้นแบบแกะห่อของขวัญนี่ก็น่าจะตื่นเต้นดี
มาต่อกันที่ "Food Subscription" แบบฉบับของคาวกันบ้างดีกว่า อย่าง "Kokoro Care Packages" เจ้านี้เค้าเก๋กู้ดตรงที่เป็นบริการเน้นการช่วยเกษตรกรท้องถิ่นครับ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบในเรื่องของการพับแขนเสื้อเข้าครัวเองเป็นที่สุด เพราะสิ่งที่ทำให้ Kokoro Care Packages แตกต่างจากเจ้าอื่นคือเน้นไปในเรื่องของวัตถุดิบที่เราสามารถปรุงหรือทดลองได้ด้วยตัวเอง แทนที่จะเป็นของว่างพร้อมรับประทาน แถมแต่ละชุดยังมาพร้อมกับแผ่นพับภาษาอังกฤษที่มีคำอธิบายผลิตภัณฑ์รวมไปถึงเรื่องราวของผู้ผลิตในโครงการกับสูตรอาหารแนะนำด้วยนะ
pekopeko เป็นคำเลียนเสียงที่แปลว่า "หิวมากกก" ครับ และ Peko Peko Box ก็เป็นบริการที่ได้รวบรวมเอาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสไตล์อินดี้มาไว้ในตะกร้าให้คุณแล้ว อินดี้ยังไง? อินดี้ตรงที่ผลิตภัณฑ์ของเค้าผลิตในปริมาณจำกัด คัดเลือกมาจากแบรนด์อินดี้ทั่วญี่ปุ่น แถมยังจัดส่งแบบ 2 เดือนครั้ง ของในกล่องจะเป็นสินค้าหัตถกรรมและขนมประจำภูมิภาค 6-9 ชิ้น ให้ความรู้สึกเหมือนเราเดินทางไปทั่วญี่ปุ่นและกลับมาพร้อมกับของที่ระลึกสุดๆ อ้อ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเข้าไปดูวิดีโอเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก่อนที่จะมาอยู่ในกล่องส่งตรงถึงบ้านเรารวมไปถึงวิธีนำไอเท็มที่ได้ไปใช้อีกด้วย เก๋ไม่หยอก
มิชชั่นของทาง Bokksu อยู่ที่ "เชื่อมโยงผู้คนและสืบสานวัฒนธรรมผ่านอาหารและสื่อ" ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเตรียมขนมขบเคี้ยวจากทั้งผู้ผลิตรายใหญ่และผู้ผลิตรายย่อยอายุกว่า 100 ปี เหมาะมากกับคนที่ชอบลองชอบชิม เพราะทางนี้ได้รวมเอาไอเท็มเก็บได้นานและไอเท็มพร้อมทานจากทั่วทั้งญี่ปุ่นมาไว้ในกล่องให้เราแล้ว เมื่อเราสมัครเป็นสมาชิกกับทาง Bokksu เซ็ทแรกที่เราจะได้รับคือ Seasons of Japan ครับ ในนี้จะเต็มไปด้วยขนมจากทั่วญี่ปุ่น เหมือนให้เราได้ลิ้มลองรสชาติแห่งปีของประเทศนี้ยังไงยังงั้น (เว่อร์มั้ย 5555) โดย Bokksu เค้าแบ่งเป็นสมาชิกเป็นแบบ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีครับ เลือกอยู่ไปได้ยาวๆ
ต้องตบท้ายกันด้วยสิ่งนี้แล้วล่ะ กับ TokyoTreat แค่อ่านชื่อก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าคืออะไร 55555 ขาดไปไม่ได้เลย สำหรับ TokyoTreat นั้นเป็นบริการส่งสแนกบ็อกซ์ถึงบ้านแบบรายเดือนครับ จะเอาอะไรคุณพี่เค้ามีหมด ทั้งขนมขบเคี้ยว ทั้งของหวาน จะเป็นเครื่องดื่มจากหลากหลายแบรนด์ก็มีนะ ในแต่ละเดือนจะมีธีมที่แตกต่างกันออกไป อย่าง "Time Travel Treats" "Summer Vacation" และ "Sakura Snacktime!" นับเป็นจุดเด่นของทางนี้เลยตรงที่ใช้ประโยชน์จากการหมุนเวียนของรสชาติที่มีจำกัดตามฤดูกาลในญี่ปุ่นมารวมไว้จัดไปตามธีม จะกินก็ได้จะสะสมก็ดี เก๋กู้ด!
จะว่าไปแล้ว "Food Subscription" นี่ ถ้าเมนูไม่น่าดึงดูดพอก็อาจจะทำให้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรเนอะ แต่พวกแพ็คเก็จจิ้งหรือคอนเซ็ปต์ของงานก็เป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน ยังไงซะญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นธุรกิจปิ่นโตดิจิทัลได้รับการต่อยอดให้ไปได้ไกลกว่าในอนาคตก็ได้นะ
Tag :
จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย
หลังจากที่ผมถ่ายรูปห้องตัวอย่างใน Sales Gallery เสร็จ ผมก็หันไปบอกกับคุณบี ที่มาด้วยกัน เชื่อไหมว่า แป๊บๆ เดี๋ยวก็ Sold Out!!
แวบแรกหลังจากที่เลี้ยวรถเข้ามาแล้วได้เห็นตัวอาคารของ "iCondo Activ พัฒนาการ" ผมรู้สึกได้เลยว่า นี่มันโครงการแบบวัยรุ่นตะโกนเลยนี่หว่า
เปิดตัวมาก็นาน แต่กว่าจะใช้เวลาฟอร์มให้เข้าที่ก็หลายปีทีเดียวครับ
'ASPIRE ห้วยขวาง' โครงการใหม่ที่มาผงาดรับปีมังกรจาก AP ซึ่งตัวนี้เป็นหนึ่งในคอนโดไฮไลท์ของปีอีกด้วย จริงๆ ข้อมูลโครงการอาจจะไม่ได้ 'ใหม่' เพราะเราก็รู้กันมาตั้งแต่ปีกลายแล้วว่า 'พี่แอพ' จะส่งแบรนด์ Aspire บุกทำเล 'ห้วยขวาง' ซึ่งเป็นการกลับมาบุกทำเลนี้ในรอบหลายๆ ปีอีกด้วย
นาน ๆ ทีเราจะได้เห็นโครงการขึ้นบนถนนวิภากันนะ แม้รถไฟฟ้าสายสีแดงจะเริ่มเปิดให้บริการแล้ว แต่ก็ยังไม่คึกคักในแวดวงอสังหาเท่าไหร่
ในที่สุดก็มีคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้เป็นเจ้าแรกในเชียงใหม่สักที กับ “mekin Haus” (เมคิน เฮาส์)
ก่อนอื่นประทับใจกับร้านเค้ามาก ผมไปช่วงค่ำ ๆ ร้านสวย บรรยากาศดี มีที่จอดรถค่อนข้างเยอะเลย ต่อคิวนิหน่อย แต่เป็นระบบระเบียบดีมาก
‘หลุยส์ที่ 14’ สร้างฝรั่งเศสให้กลายเป็นผู้นำ Brandname ระดับโลก ผ่านการสร้าง ‘พระราชวังแวร์ซาย’ เมื่อ 400 ปีก่อน
ตั้งแต่รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย หมอชิต-คูคต เปิดให้บริการ รวมถึงสายสีน้ำเงินที่วิ่งครบลูป "ห้าแยกลาดพร้าว" ก็ได้สถาปนาขึ้นเป็น สถานี Interchange ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผม!!
สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนที่หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากไปเยือน ได้ทำการสร้าง Tor Alva (เดอะ ทอร์ อัลวา) ซึ่งเป็นหอคอยที่ว่ากันว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างจากเครื่อง 3D Printer ครับ
ร้อนๆ แบบนี้ มารับเครื่องดื่มเย็นๆ รสชาติฟินๆ ใหม่จากคริสปี้ ครีม กันดีกว่ากับ "KRISPY KREME CHOCO - BANANA DELIGHT"