สวัสดีกุมภาฯ หมีมารีวิว: แอนิเมชัน 7 เรื่องแรกจาก Ghibli Studio บน Netflix ผลงานสุดประทับใจที่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

สวัสดีกุมภาฯ หมีมารีวิว: แอนิเมชัน 7 เรื่องแรกจาก Ghibli Studio บน Netflix ผลงานสุดประทับใจที่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

Home   /   ติดดอยล้อมวงเล่า

โซน : 08 Feb 2020   13:41
 
        ได้เวลาดูกันให้ตาแฉะ เมื่อ Netflix ประกาศว่าในที่สุดพี่แกก็สามารถขนเอาการ์ตูนแอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ของ Studio Ghibli มาฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงได้แล้วในที่สุด!
 
        ตอนที่มีข่าวออกมาหมีจำได้ว่ามีคนเฮกันสนั่นโซเชียล เพราะก่อนหน้านี้หลายคน (แน่นอน รวมถึงหมีด้วย) มักจะไปบ่นๆ กันว่า "Netflix เอาการ์ตูนจิบลิมาลงเถอะนะ พลีสสสส"
 
        ซึ่งไอ้เราก็พอจะเข้าใจว่าทาง Netflix คงจะพยายามแล้วแหละ แต่เจรจามานานก็ไม่เห็นเป็นผลสักทีจนนึกว่าทางค่ายสตรีมมิงค่ายนี้เค้าเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว ที่ไหนได้ดันเป็นเสือซุ่ม โผล่มาทีก็ประกาศเลยว่าบรรดาสาวกเตรียมปูพรมแดงต้อนรับแอนิเมชันของค่ายจิบลิได้เลยจ้า
 
        แถมมาคราวนี้คือจัดเต็มจุกๆ เพราะตอนแรกคิดว่าคงดีลมาได้ไม่กี่เรื่อง แต่หมีคงประเมินคุณพี่แกต่ำเกินไป เพราะเค้าดันคว้ามาได้ถึง 21 เรื่อง โอ้โห รู้สึกว่าจ่ายเงินไปทุกเดือนๆ นี่ได้ดูคุ้มทุนเสียที 5555
 
 
        แต่ 21 เรื่องนี้ไม่ได้เข้าพร้อมกันนะ แต่วางแพลนเข้าทุกวันที่ 1 ของเดือน ไล่ตั้งแต่เดือนกุมภาฯ ไปจนถึงเดือนเมษาฯ ลงเดือนละ 7 เรื่อง 3 เดือนก็ 21 เรื่องเป๊ะๆ
 
        หลายคนอาจจะเคยดูแอนิเมชันของค่ายดังค่ายนี้มาบ้างแล้ว แต่หมีว่าก็มีอีกหลายคนอีกเหมือนกันที่อาจจะเคยดูเฉพาะเรื่องที่เป็นที่รู้จักกันมากหน่อย (เพราะว่ากันตามตรง ก่อนหน้านี้บางเรื่องก็หาดูยากพอควรในบ้านเรา) แต่คราวนี้หมีเห็นลิสต์แล้วเป็นปลื้ม เพราะยกทัพมาลงฉายในแพลตฟอร์มนี้กันหมด ปาดหน้า HBO Max ไปเบาๆ
 
        ดังนั้นในฐานะของคนที่กวาดดูมาแล้วทุกเรื่อง หมีจึงขออาสาทำหน้าที่รีวิวสั้นๆ ถึงความดีงามของแอนิเมชันค่ายจิบลิที่ได้ลงฉายใน Netflix เริ่มต้นกันด้วย 7 เรื่องแรกประจำเดือนกุมภาพันธ์ ที่บอกได้คำเดียวเลยว่าทั้งเจ็ดเรื่องนั้นเป็นเนื้อหาที่สุดแสนจะประทับใจ ดูเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อจริงๆ
 
        สำหรับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ เรื่องที่ลงประเดิมก่อนใน Netflix ก็จะมี...
 
 
  • Laputa Castle in the Sky ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา (1986)
  • My Neighbor Totoro โทโทโร่ เพื่อนรัก (1988)
  • Kiki’s Delivery Service แม่มดน้อยกิกิ (1989)
  • Only Yesterday ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง (1991)
  • Porco Rosso พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน (1992)
  • Ocean Waves สองหัวใจ รักหนึ่งเดียว (1993)
  • Tales from Earthsea ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร (2006)
 
        Laputa Castle in the Sky (1986)
 
 
        มาเริ่มกันที่เรื่องแรก กับ Laputa Castle in the Sky ภาพยนตร์แอนิเมชันลำดับที่สองของสตูดิโอจิบลิต่อจากเรื่อง "Nausicaä of the Valley of Wind" (ลงฉาย Netflix วันที่ 1 มีนาคม) เป็นเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มคนงานเหมือง กับเด็กสาวลึกลับที่รัฐบาลต้องการตัวเพราะเธอครอบครองศิลาลอยฟ้าของอาณาจักรลาพิวตา อาณาจักรลอยฟ้าในตำนานที่เชื่อกันว่าล่มสลายไปแล้ว โดยที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยมนต์วิเศษรวมไปถึงสมบัติมากมายซุกซ่อนอยู่
 
 
 
        เราจะได้สนุกสนานไปกับการผจญภัยของเด็กทั้งสอง คอยลุ้นให้พวกเขาหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่รัฐและโจรสลัดโดล่าไปได้ด้วยดี แถมยังมีซีนอบอุ่นหัวใจกับหุ่นผู้พิทักษ์ที่ทำหน้าที่คุ้มครองสวนลอยฟ้า แม้จะเป็นสวนร้างและหุ่นหลายตัวก็ผุพังไปตามกาลเวลา แต่หุ่นที่ยังเหลือก็คอยทำหน้าที่ดูแลทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ต่อไป
 
        แอนิเมชันเรื่องนี้มีอายุกว่า 30 ปีแล้วแต่ก็ยังมีเสน่ห์อยู่ แถมเป็นการสร้างภาพจำของความเป็น "จิบลิ" ได้ดีอีกเรื่องหนึ่งด้วย ทั้งเรื่องของการรักธรรมชาติ (ซึ่งแอนิเมชั่นหลายเรื่องของจิบลิจะเน้นหลักปรัชญาในการดูแลรักษาธรรมชาติในแบบ "ย่อยง่าย" ที่สุด) รวมไปถึงคาแรคเตอร์คุ้นตาที่ต่อให้ไม่เคยดูแต่ก็ต้องเคยเห็นเจ้าหุ่นยนต์ผู้พิทักษ์ตัวนี้แน่ๆ ที่สำคัญคือเนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เป็นพล็อตแบบร่วมสมัยที่ต่อให้ผ่านไปกี่ปีก็ไม่เคยเก่า
 
        My Neighbor Totoro (1988)
 
 
        มาต่อกันที่สุดยอดของความคลาสสิก อย่าง My Neighbor Totoro แอนิเมชันที่ครองใจใครหลายๆ คน (ใช่! หมีด้วย) หยิบมาดูแต่ละครั้งก็จะได้ความคิดที่ตกผลึกแตกต่างกันไปเพราะเป็นหนึ่งในแอนิเมชันของค่ายจิบลิอันดับต้นๆ ที่ซุกซ่อนความหมายไว้แบบสุดจะแยบยล เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูยิ่งดีจริงๆ เรื่องนี้
 
 
 
        My Neighbor Totoro พูดถึงพี่น้องสองสาวที่ใช้ช่วงเวลาหน้าร้อนกับพ่อในพื้นที่ชนบทของประเทศญี่ปุ่น ส่วนแม่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เด็กทั้งสองคนได้เจอกับภูติตัวใหญ่ที่ชื่อว่าโตโตโร่ เรื่องนี้เต็มไปด้วยมิตรภาพระหว่างเด็กๆ และภูติประจำป่า ช่วงชีวิตวัยเยาว์ในชนบทที่น่าประทับใจ รวมถึงการเลือกที่จะไม่นำเสนอด้านลบหรือก็คือไม่มีตัวร้ายในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ มีแค่ด้วยความอิ่มเอมใจที่ได้เท่านั้น
 
        ดนตรีประกอบในเรื่องก็เป็นการประพันธ์ที่สุดแสนจะลึกซึ้ง ได้ยินทีไรจะนึกถึงภาพชนบทในญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่เสมอ ไม่ต้องพูดถึงคาแรคเตอร์ที่เป็นตำนานอย่างภูติโตโตโร่ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ตัวแทนของสตูดิโอจิบลิไปแล้ว โด่งดังขนาดนี้หมีไม่แปลกใจเลยที่ My Neighbor Totoro จะเป็นผลงานลำดับแรกๆ ของสตูดิโอจิบลิที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งล่ะนะ
  
        Kiki’s Delivery Service (1989)
 
 
        สำหรับเรื่องต่อมาอย่าง Kiki’s Delivery Service เองก็นับได้ว่าเป็นตัวชูโรงของจิบลิอีกเรื่องเหมือนกัน แถมยังได้ใจสาวๆ ทั้งหลายอีกด้วยเพราะความน่ารักสดใสของแม่มดน้อยกิกินี่ต้องบอกเลยว่าเห็นแล้วใจละลายเหลือเกิน
 
 
 
        และก็ตามชื่อเรื่องเลย แอนิเมชันเรื่องนี้พูดถึงแม่มดกิกิที่ออกเดินทางไปกับแมวของเธอพร้อมไม้กวาดในมือเพื่อค้นหาตัวเองในเมืองที่ไม่มีแม่มดอื่นมาอาศัยอยู่ ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยมนุษย์ กิกิต้องปรับตัวและใช้ความสามารถของตัวเองให้เป็นประโยชน์ จนกระทั่งสุดท้ายแล้วก็ได้งานเป็นคนส่งขนมปังให้กับครอบครัวทำขนมปังที่เธอไปอาศัยอยู่ด้วยนั่นเอง
 
        แอนิเมชันเรื่องนี้เน้นไปที่ชีวิตประจำวันของกิกิและมิตรภาพที่ได้รับจากเพื่อนใหม่ในเมืองใหม่ ทั้งต่างวัยและต่างเพศ เป็นแอนิเมชันที่มีลายเส้นน่ารักฉบับจิบลิแถมเป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงมากในบรรดาผลงานของสตูดินี้เลยล่ะ
 
        Only Yesterday (1991)
 
 
        สำหรับในเซ็ทที่ฉายวันที่ 1 กุมภาฯ นี้ ถ้าพูดถึงเดอะเบสต์ของหมีแล้วล่ะก็ หมียกให้ My Neighbor Totoro ครองบัลลังก์ แต่ถ้าถามว่าอันดับสองคือเรื่องไหน หมีก็คงต้องชูป้ายว่า Only Yesterday นี่แหละจ้า
 
        Only Yesterday เป็นแอนิเมชันแสนอบอุ่นที่ดูแล้วก็ทำให้เรานึกย้อนไปสมัยเรายังเป็นเด็ก ด้วยเนื้อหาที่บอกเล่าแบบสองช่วงเวลาของตัวเอกอย่างทาเอโกะ สาวเมืองกรุงที่เดินทางไปใช้ช่วงเวลาพักร้อนในหมู่บ้านเกษตรกรที่ชนบท โดยระหว่างนั้นก็จะหวนนึกไปถึงเรื่องราวในความทรงจำสมัยเธออยู่ประถม 5 อยู่เรื่อยๆ
 
 
 
        แอนิเมชั่นเรื่องนี้มีวิธีการเล่าเรื่องที่แหวกไปจากเรื่องก่อนหน้าของจิบลิอยู่มาก คือเล่าแบบไม่ลำดับไทม์ไลน์และสลับพาร์ทระหว่างอดีตกับปัจจุบันไปมาตลอดทั้งเรื่อง เราจะได้เห็นทิวทัศน์ของชนบทแสนสบายตาในไทม์ไลน์ปัจจุบัน แต่เมื่อตัดกลับไปในอดีตก็จะได้เห็นความไร้เดียงสาของเด็กหญิงทาเอโกะ เพื่อนร่วมชั้นมากหน้าหลายตา ครอบครัวที่เข้มงวด มาพร้อมรายการทีวีและเพลงฮิตในสมัยนั้นที่ฟังแล้วก็อดนึกถึงเรื่องยอดฮิตสมัยเรายังเด็กๆ ไม่ได้ (แม้หมีจะนึกถึงความทรงจำสมัยตัวเองอยู่ประถม 5 ไม่ค่อยออกก็ตามที แหะๆ)
 
        Porco Rosso (1992)
 
 
        มาถึงแอนิเมชันที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่สุดแล้วอย่าง Porco Rosso ที่บอกว่าเหมาะกับผู้ใหญ่ที่สุดเพราะมันไม่มีฉากแฟนตาซีหรือความน่ารักสดใส แต่มันเป็นแอนิเมชันที่เต็มไปด้วยบทสนทนาแบบผู้ใหญ่ ทำให้เด็กๆ อาจดูแล้วไม่สนุก แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ล่ะก็...หึๆ
 
 
 
        เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสลัดอากาศที่เข้ารุกรานน่านฟ้าเหนือทะเลเอเดรียติก และนักบินคนเดียวที่จะต่อกรกับเหล่าร้ายได้ดันกลายเป็นครึ่งคนครึ่งหมูชาวอิตาเลียน เล่ารายละเอียดคร่าวๆ แค่นี้ดีกว่าเพราะที่หมีอยากพูดถึงมากๆ คือ Porco Rosso เป็นแอนิเมชันสไตล์จิบลิจริงๆ คือมีฉากหลังเป็นสงคราม แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือเนื้อหามันดันใหม่ทั้งที่เป็นหนังในยุค 92 แต่เนื้อหาเหมาะสมกับแนวคิดที่กำลังเป็นที่พูดถึงในสมัยนี้มากๆ อย่างเรื่องเผด็จการและ Gender Equality
 
        เนื้อหาของเรื่องแฝงความเป็นทหารลัทธิฟาสซิสต์ที่สุดแสนจะรุ่งเรืองในอิตาลีได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเสียดสีเผด็จการไม่เบา ชวนให้หมีนึกถึง Animal Farm อยู่บ้างนิดหน่อยตรงที่ใส่คาแรคเตอร์หมูๆ เข้าไปในเนื้อหาเสียดสีการเมืองนี่แหละ นับเป็นการ์ตูนที่ผู้ใหญ่ควรดูเพราะเนื้อหามันว้าวซ่าไม่เบา ประโยคที่ฟังครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจเลยคือ “เป็นหมูยังดีกว่าเป็นฟาสซิสต์” ...โอ้โห จุก
 
        Ocean Waves (1993)
 
 
        สำหรับ Ocean Waves นั้นแหวกแนวความเป็นจิบลิตรงไหนรู้มั้ย ก็ตรงที่เป็นแอนิเมชันแนวรักๆ แบบเต็มรูปแบบเลยไง ความจริงมันก็มีบรรยากาศใกล้เคียงกับเรื่องอื่นของค่าย อย่าง Whisper of the Heart (ฉายวันที่ 1 เมษายน) แต่เนื้อหาจะเน้นไปในโทนผู้ใหญ่และดีเทลการเล่าเรื่องจะคล้ายกับ Only Yesterday
 
 
 
        Ocean Waves เป็นเรื่องราวของหนุ่มมหาวิทยาลัยอย่างทาคุ ที่หวนนึกถึงเรื่องราวสมัยอยู่มัธยมปลาย เขาได้รู้จักกับริคาโกะ เด็กสาวหน้าตาดีผลการเรียนเยี่ยมเพิ่งย้ายโรงเรียนมาจากโตเกียว เพื่อนในห้องล้วนแต่อิจฉา แต่อันที่จริงริคาโกะก็มีปัญหาส่วนตัวที่ต้องแบกรับ และวันหนึ่งทาคุก็ได้ม้วนวนเข้าไปอยู่ในปัญหาเหล่านั้นของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์และกลับกลายเป็นรอยร้าวเมื่อมีตัวละครใหม่เข้ามาอย่างเพื่อนสนิทที่ชื่อมัตสึโนะ
 
        อย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้โทนอารมณ์จะเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ทั้งบรรยากาศเรื่องหรือดนตรีประกอบ ให้ฟีลเหมือนกำลังดูหนังรักหน่วงๆ สักเรื่องที่ไม่มีฟีลสดใสแบบการ์ตูนนัก แม้ส่วนตัวหมีจะไม่ค่อยชอบแนวนี้แต่ก็ยอมรับเลยว่ากลิ่นอายแบบหนังญี่ปุ่นในสมัยเก่ามันสุดจะเท่จริงๆ
 
        Tales from Earthsea (2006)
 
 
        ปิดท้ายเซ็ทแรกของจิบลิที่ลงฉายใน Netflix ประจำเดือนกุมภาพันธ์กันด้วย Tales from Earthsea แอนิเมชันที่ใช้เค้าโครงเรื่องมาจาก The Farthest Shore หนังสือเล่มที่สามในซีรีส์ Earthsea โดย Ursula K. Le Guin และเพราะตัดตอนมา ไม่ได้ยกมาทั้งแผง มันเลยจะมีบางจุดที่ดูแล้วงงๆ เนื้อเรื่องเรียบๆ กลายเป็นว่าเป็นแอนิเมชันยี่ห้อจิบลิที่โดนบ่นอยู่บ้างเหมือนกัน
 
        แต่สำหรับใครที่ตั้งใจอยากตามเก็บหมีก็แนะนำให้ดูนะ อันที่จริงมันก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเท่าไร ในเรื่องนี้จะพูดถึงพ่อมดคนหนึ่งที่บังเอิญได้มาเจอกับอาร์เรน เจ้าชายที่หนีเตลิดออกมาจากอาณาจักรเพราะมีด้านมืดแฝงอยู่ในตัว เขาต้องการเดินทางค้นหาแหล่งที่มาของพลังชั่วร้าย การต่อสู้กับเงาลึกลับ การพบเจอกับเทรุ เด็กสาวกำพร้าผู้ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า และการพยายามเพื่อมีชีวิตนิรันดร์ของพ่อมดผู้ชั่วร้าย
 
 
 
        ช่วงแรกๆ อาจน่าเบื่อไปบ้าง แต่ช่วงท้ายเรื่องตอนที่อาร์เรนต่อสู้กับพ่อมดค็อบนั้นถือว่าสนุกอยู่นะ ที่สำคัญเพลงที่เทรุร้องในเรื่องถือว่าเป็นสิ่งที่จับใจคนดูได้มากที่สุด ทั้งความหมายแฝงและความโศกเศร้าของท่วงทำนองเป็นสิ่งที่นับว่าซูฮกได้ในเรื่องนี้เลยจ้า
 
        งานนี้เป็นโปรเจกต์ที่ไม่อยากให้พลาดเลย เพราะเค้าขนผลงานของสตูดิโอจิบลิตลอดระยะเวลา 35 ปีมาลงให้ดูกันแบบถูกลิขสิทธิ์แล้ว (ขาดแค่ "Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย" อีกหนึ่งผลงานคลาสสิกขึ้นหิ้งแค่เรื่องเดียว แอบเสียดายเหมือนกันเพราะเป็นเรื่องที่ดีมากแต่ก็ไม่คิดอยากดูต่อเพราะเศร้า หัวใจหมีอ่อนแอ 5555)
 
        ใครไม่คุ้นกับผลงานของสตูดิโอจิบลิก็สามารถเริ่มต้นดูได้ยาวๆ ส่วนใครดูแล้วก็มาดูใหม่ได้เพราะภาพชัดแจ๋วแบบชัดตาแตกฟินกันไปหลายวัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมซับไตเติ้ลมากถึง 28 ภาษา พากย์เสียงอีก 20 ภาษา สำหรับฝั่งบ้านเราจะเลือกดูแบบซับไทยเสียงญี่ปุ่นหรืออยากดูแบบพากย์ภาษาไทยเค้าก็มีให้ครบทุกเรื่องจ้า
 
        เอาเป็นว่าเซ็ทแรกเดือนกุมภาฯ หมีก็ทิ้งไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน เจอกันครั้งต่อไปกับเซ็ทเดือนมีนาคมและเมษายนนะครับผมมมม
 
 
 
 
 

Tag :



ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

"Ideo Sukhumvit-Rama 4" คอนโดที่มีน้ำตกสูง 18 ม.+สวนป่า เป็นส่วนกลาง!! แถมได้อยู่ใกล้ทองหล่อ ในราคาที่อาจถูกกว่าอ่อนนุช!

เพิ่งเคยเจอ คอนโดที่มีน้ำตกสูง 18 ม. เป็นส่วนกลาง!! จัดเป็น “Ideo” ที่ไม่ทำให้รุ่นพี่เสียหน้าจริงๆ ”ส่วนกลาง“ สวยงามตามแบบฉบับ ”Ananda“

เปิดห้องตัวอย่าง ‘KingsQuare Residence’ คอนโด Super Luxury ของ ’สหพัฒน์‘ ที่คิดทุกเม็ด จัดเต็ม แบบ Over-spec

เปิดห้องตัวอย่าง ‘KingsQuare Residence’ คอนโด Super Luxury ของ ’สหพัฒน์‘ ที่คิดทุกเม็ด แบบสมราคา

Duplex คอนโดอะไรกันเนี้ย บอกว่าเป็นวิลล่าหรูยังเชื่อเลย!

"The Standard Residences Phuket Bang Tao" เป็น 1 ในโครงการที่ผมรอยลโฉมมากที่สุดในปีนี้ เพราะนี่คือ โครงการที่เกิดจากการเขย่ามือร่วมกันของ 2 เจ้ายุทธจักรระดับโลก


ติดดอยโร้ดทู

NUE Epic Asoke-Rama 9 (นิว อีปิค อโศก-พระราม 9) อีกหนึ่งคอนโดสูงที่จะมาประดับย่านพระราม 9 ใกล้ MRT ราม 9 เพียง 500 ม.!!

ผุดอีกหนึ่งโครงการของย่านพระราม 9 NUE Epic Asoke-Rama 9 (นิว อีปิค อโศก-พระราม 9) นี่คือคอนโดที่จะมายืนเคียงคู่ถนนดินแดง ที่ผมบอกเลยว่า น่าจะเป็นที่ดินผืนสุดท้ายแล้วของย่านนี่แล้วนะ!!

เจริญนคร ทำเลลูกรักโครงการอสังหา "แสนสิริ" ส่งคอนโดใหม่ พร้อมบุกย่านเจริญนครให้ฉ่ำกว่าที่เคย!!

จริงๆ เพจเราเคยลงข้อมูลคร่าวๆ กับเค้าเอาไว้ด้วย แต่ยังไม่ได้เจาะลึกอะไรมาก เพราะยังไม่ได้มีข้อมูลอะไรมากมายเลย จวบจนวันนี้ ก็ยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มนะ5555 แค่ชื่อโครงการนี่ผมยังไม่แน่ใจเลยนะว่า 'พี่สิบหมื่น' เค้าจะเคาะแบรนด์ไหนมาลง ตอนนี้เรารู้ๆ กันในนามของ 'แสนสิริ เจริญนคร 29/2' กันก่อนอ่ะแหละ แต่กว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม นี่เห็นข่าวว่ามีการเคลียร์พื้นที่เตรียมสร้างละ ผมเลยหยิบมาเจาะเรื่องทำเลก่อนดีกว่า เอาไว้อ่านเล่นๆ ระหว่างรอพี่สิบหมื่นปล่อยดีเทลมา

"Moxy Bangkok Silom" อีกหนึ่งความไอคอนิกที่จะมาเติมเต็มถนนปั้นให้กระหึ่มอีกครั้ง

ถนนปั้น สาทร เตรียมพร้อมรับอีกหนึ่งความไอคอนิกที่จะมาเติมเต็มซอยสีลม 19 ให้กระหึ่มอีกครั้งแล้วครับ


ติดดอยสไตล์

อนันดาฯ ชูจุดแข็ง "Ananda Sure" ระบบปฏิบัติการดีที่สุดในวงการอสังหาฯ ให้ทุกการบริการเข้าถึงง่ายแค่ปลายนิ้ว

เคยมีคนบอกว่า เวลาจะเลือกซื้อบ้านหรือคอนโด สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือเรื่อง 'การบริการหลังการขาย'

เปลี่ยนห้องพัสดุรอนำจ่ายให้เป็น "POST café" คาเฟ่ไปรษณีย์ไทย กลยุทธ์ใหม่ของการผลักดันแบรนด์ไม่ให้เก่า

ผมคิดว่าแบรนด์อายุเยอะๆ ในไทยที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้เก่งมีอยู่ไม่กี่แบรนด์ครับ และหนึ่งในแบรนด์ที่เข้ามาในหัวเวลาคิดถึงเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่ขายหัวเราะ-มหาสนุก ก็ต้องเป็น "ไปรษณีย์ไทย" นี่แหละ

#ติดดอยรวมมาให้ "ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกันยายน" 2567

เดือนสุดท้ายของไตรมาสแล้วนะครับ ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ

เสนาจัดให้ “LivNex - เช่าออมบ้าน” เปลี่ยนค่าเช่าเป็นเงินออม ให้เรามีบ้านได้ง่ายขึ้น!!!

การมีบ้านเดี๋ยวนี้มันยาก... หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง 55555

คริสปี้ครีม ฉลอง 65 ปี บาร์บี้!! ด้วย “Krispy Kreme x Barbie” สาวกบาร์บี้ไม่ควรพลาด พร้อม 2 เมนูเครื่องดื่มสุดเฟรชกับ KRISPY KREME SIP YOUR SUNSHINE PERFECT TOGETHER

life in plastic it's fantastic!! คริสปี้ครีม ฉลอง 65 ปี บาร์บี้!! ด้วย “Krispy Kreme x Barbie” สาวกบาร์บี้ไม่ควรพลาด!!

"Reference Ekkamai" คอนโดใหม่จาก "SC Asset" ที่ให้งานดีไซน์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการอยู่อาศัย

มันจะมีทำเลนึงที่ผมคิดว่า เรียก ‘เอกมัย-ทองหล่อ‘ ได้อย่างไม่ขัดเขิน และมันเป็นที่ตั้งของ ‘Reference Ekkamai’ คอนโดใหม่จาก ‘SC Asset’ นี่แหละ


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com