ปี พ.ศ. 2449 พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง (ม.ร.ว.ลพ สุทัศน์), พระยาพิพัฒโกษา (เซเรสติโน ซาเวียร์), พระยานรฤทธิ์ราชหัช (ทองดี โชติกเสถียร) และพระยานรนารถภักดี (สุด บุนนาค) รวมถึงหลวงมนัศมานิต (เถียน โชติกเสถียร) ได้ร่วมกันซื้อที่ดินระหว่าง ‘ถนนสุรวงศ์’ กับ ‘คลองผดุงกรุงเกษม’ จากนั้นจึงสร้างถนนตัดในที่ดินความยาว 1,645 เมตร ซึ่งเป็นการเชื่อม ‘ถนนเจริญกรุง’ กับ ‘ถนนพระรามสี่’ ตรงแยก ‘สามย่าน’ เข้าด้วยกัน จากนั้นจึงน้อมเกล้าฯ ถวายถนนเส้นนี้ให้แก่ ‘รัชกาลที่ 5’ ก่อนที่ท่านจะพระราชทานนาม ‘ถนนสี่พระยา’ ตามที่มาของเรื่องราวทั้งหมด 

        อีกร้อยกว่าปีต่อมา แต่ย้อนหลังจากปัจจุบันไปประมาณ 5 ปี จากการสำรวจของบริษัทประเมินมูลค่าที่ดินชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ชี้ว่าทำเลย่านนี้ (รวมถึง พระรามที่สี่-สามย่าน) มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากที่สุดในกรุงเทพฯ (ไม่ได้หมายถึงจะแพงที่สุด แต่จะเพิ่มขึ้นมากที่สุด)

 

        รีเสิร์ชเล่มนี้น่าจะส่งผลต่อดีเวลลอปเปอร์ไม่มากก็น้อย เพราะหลังจากนั้นเราก็เห็นโครงการมากมายผุดขึ้นในย่านนี้ และยิ่งเวลาผ่านไปราคาก็ยิ่งสูงขึ้น นักลงทุนที่เข้ามาช่วงแรกก็กอบโกยกำไรกันมากมาย บางโครงการเปลี่ยนชีวิตบางคนไปตลอดกาล เช่น โอริโอ้คิว ตำนานแห่งสามย่านตึกนั้น เป็นต้น 

        กาลเวลาผ่านไป ราคาที่พุ่งทะยานก็เริ่มจะช้าลงด้วยเหตุจากภาวะเศรษฐกิจ ราคาอาจจะไม่เพิ่มแต่ก็ไม่ถึงกับลดลงมา มีบ้างที่ทำราคาเหมือนจะถูกลง แต่ก็เป็นการลดคุณภาพโปรดักส์และทำเลที่รองลงไปจากเดิมหน่อยเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนเงินในกระเป๋าของผู้บริโภค ซึ่งหลายโครงการก็ได้รับการตอบสนองจากผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี เพราะ ‘ทำเล’ มันค้ำคอ

        คำว่า ‘สามย่าน’ ทำให้คนนึกถึง ‘จุฬาฯ’ จึงเป็นเหตุให้สี่แยกตรงนั้นหาที่ดินแบบ ‘ขายขาด’ ได้ยากเหลือเกิน และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเพิ่มบน ‘ถนนพญาไท’ เพราะตรงนั้นสงวนไว้ให้กับนิสิตรั้วจามจุรี และถ้าจะไปหาบน ‘ถนนพระรามที่สี่’ ของที่มีราคาก็สูง ส่วนที่ดินถ้าหาได้ ราคาก็น่าจะสูงเกินว่าที่ดีเวลลอปเปอร์จะกล้าเสี่ยงนำมาพัฒนาเพื่อขายในยุคนี้

        หวยจึงมาออกที่ ‘ถนนสี่พระยา’ นั่นเอง

        ด้วยความที่มี ‘MRT สามย่าน’ ตั้งอยู่บนหัวถนน แถมอาณาจักร ‘สามย่านมิตรทาวน์’ ก็มาทำให้ชีวิตคนฝั่งนี้ดีขึ้นไปอีก ด้วยการเชื่อมทางเดินใต้ดินจากรถไฟฟ้าไปเข้าห้างได้เลย ไม่ต้องมาเดินข้ามสี่แยกรอสัญญาณไฟจราจรให้เสียอารมณ์ จึงไม่แปลกใจที่สองข้างฝั่งถนนสี่พระยาจะเต็มไปด้วยโครงการใหม่ผุดขึ้นมากมาย ไม่เพียงเฉพาะแต่ คอนโดฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึง อพาร์ทเมนท์ และ โรงแรม ด้วย 

        แล้ว ‘Old Enemy’ ก็กลับมาท้ารบด้วยอาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดกับมนุษย์อีกครั้ง

 

        ไวรัสโควิดสร้างความยากลำบากให้กับคนจำนวนมากอย่างน่าเห็นใจ ทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนถูกสะกดให้หยุดนิ่งไว้ เราถูกย้ำเตือนอีกครั้งว่าไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่าเรื่องสุขภาพอีกแล้ว 

        ทุกประเทศล้วนแก้ไขปัญหาของตัวเอง ประเทศเราก็เช่นกัน ถึงแม้สถานการณ์โรคระบาดจะคลี่คลายขึ้นเป็นอย่างดี แต่ปัญหาเศรษฐกิจเหมือนจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้น อสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวสูงและแนวราบก็ต้องปรับตัวแบบ 'New Normal' เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ 'New Normal PRICE' 

        โครงการที่เปิดใหม่ในยุค ‘After Covid’ หลายที่เปิดราคามาแบบย้อนเวลากลับไปหลายปี ทั้งที่ทำเลก็ไม่น่าเกลียด สร้างความจุกอกให้กับ 'นักลงทุน' (เช่นผม) เป็นอย่างมาก ฮ่าๆๆ .... แต่สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามา 'ซื้อ' (จะเพื่อวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่) มันคือโอกาสทองจริงๆ

        ไม่เว้นแม้แต่ ‘ป้า’ ที่น่ารักของเรา

         ‘Supalai loft สาทร-ราชพฤกษ์’ หมากตาแรกของ ‘ป้า’ หลังโควิด ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ตอกย้ำคำพูดเชยๆ ที่พูดกันหลายสิบปีที่ว่า ‘ทุกวิกฤตล้วนมีโอกาส’ เพียงแต่การหาโอกาสในช่วงวิกฤตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสักหน่อย

        ประสบการณ์ของ ‘ป้า’ บวกกับต้นทุนที่ดินที่ทยอยสะสมมาเนิ่นนาน กลายเป็นแต้มต่อให้กับการแข่งขันในสนามที่มีคนบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมาก ให้ ‘ป้า’ เดินผ่านไปได้อย่างไม่บอบช้ำมากนัก อาจจะมีฝุ่นดินเปื้อนหน้า รอยถลอกตามแขนขาบ้าง ไว้ค่อยไปเช็ดล้างตอนปลายทางก็ได้

        ‘หมากตาที่สอง’ ป้าเลือก ‘Supalai Premier สี่พระยา-สามย่าน’ 

 

        หลายคนอาจจะรู้ความหลังของโครงการนี้มาก่อน ผมคงไม่กล่าวถึง แต่ขอวิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนแปลงมาใช้แบรนด์ ‘Premier’ ที่เป็นอาวุธเด็ดของป้ามาโดยตลอด 

        ‘Premier’ คือแบรนด์ที่การันตีความสำเร็จใน ‘ทุกโครงการ’ ที่ผ่านมา

        ดังนั้นถ้ามองในมุมนี้ การกลับมาใช้ ‘Premier’ กับโครงการนี้ก็เหมือนเป็นการใช้อาวุธหนักเพื่อการันตีความสำเร็จอีกครั้ง

        แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็เหมือนเป็น ‘ความกดดัน’ ให้กับป้าว่า ‘ต้องทำให้ประสบความสำเร็จ’ เท่านั้นนะ ห้ามพลาด ห้ามแป๊ก เด็ดขาด

 

        ด้วยความที่ทุกอย่างต้อง ‘Perfect’ ใส่อะไรได้ก็ต้องใส่ การปรับแบบตึกที่ถึงแม้จะต้องปรับอยู่แล้ว ก็ต้องใส่ให้สุด รูปแบบห้อง สเป็ควัสดุ นอกจากจะต้องดีแล้ว ยังต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ด้วย เช่น การใช้สุขภัณฑ์ที่มีคุณบัติของการกำจัดเชื้อโรคได้ดีเป็นพิเศษ เป็นต้น

        ‘Supalai Premier สี่พระยา-สามย่าน’ เป็นคอนโดสูง 36 ชั้น จำนวนห้องพักแค่ 384 ยูนิต และอาคารจอดรถ 8 ชั้น แยกออกมาต่างหาก สามารถจอดรถภายในโครงการได้ 77% (295 คัน) 

        คอนเส็ปต์โครงการ เลือก ‘เส้นเปลือกหอยไข่มุก’ มาปรับใช้กับองค์ประกอบของอาคาร โดยสร้างความต่อเนื่องของเส้นสายและการหักมุมโค้งเพื่อให้เกิดความลื่นไหล รวมทั้งการสร้างความกลมกลืนด้วยเส้นโค้งที่เชื่อมต่อกัน รวมถึงการเพิ่มสะพานเชื่อมต่ออาคารที่พักอาศัยกับอาคารจอดรถเข้ามาด้วย

        แบบห้องพักอาศัย ขนาดเริ่มตั้งแต่ 41.5 – 139.0 ตร.ม.  มีตั้งแต่ 1 – 3 ห้องนอน ของในห้องให้ตามมาตรฐานโครงการระดับท็อปของ ‘ศุภาลัย’ ทั้งหมด รวมถึง ‘Home Automation’ ที่เป็นสิ่งจำเป็นไปแล้วในคอนโดยุคใหม่

        ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละที่เป็นตัวตัดสินความเอาใจใส่ของโครงการ เช่น ที่เปิดปิดเครื่องทำน้ำร้อนและฝักบัวในห้องน้ำ สวยที่สุดที่ผมเคยเห็นจากทุกโครงการ หรือ การติดตั้งที่วาง Tablet ในห้องครัว เพราะการทำอาหารในยุคนี้ ‘Youtube’ สำคัญกว่า ‘กระทะ’ รวมถึงชั้นวางของในตู้ห้องครัวที่สูงเกินกว่า ‘ผู้หญิงตัวเล็กจะเอื้อมถึง’ ก็ต้องมีตัวช่วยเป็นกลไกที่ปรับให้ดึงลงและพับเก็บขึ้นได้ เป็นต้น 

        ตัวเลขที่ตื่นเต้นที่สุดในบทความนี้อยู่ที่บรรทัดนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท หรือประมาณ 85,000 บาท/ตร.ม. คืออาวุธเด็ดของป้าเลยทีเดียว

        ราคาต่ำแสนที่อาจจะไม่ได้เห็นอีกแล้วในย่านนี้ ถ้าไม่มีเจ้า ‘Bullshit virus’ ตามที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ (ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล แชมป์ของอังกฤษปีล่าสุด) เรียกขาน เข้ามาปั่นป่วนเมืองมนุษย์ ซึ่งเราคงไม่ได้มองเป็นข้อดีหรอก แต่ให้มองว่า ‘ป้า’ ก็พยายามที่จะทำราคาให้เหมาะสมกับ ‘สถานการณ์’ 

        สำหรับในแง่ของ ‘End User’ นี่คือคอนโดที่กลับมาจับต้องได้ในยุคนี้ และสำหรับนักลงทุน นี่อาจจะเหมือนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน แน่นอนว่าทำเลอาจจะรองลงมาบ้าง แต่ ‘Product’ ดีกว่าเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างแน่นอน และดีพอที่ ‘ป้า’ จะกล้าใช้คำว่า ‘Premier’ มาห้อยท้าย ดังนั้นเมื่อเทียบราคาที่ย้อนเวลากลับไป มันเลยดูน่าสนใจขึ้นมาทันทีในช่วงนี้

        พร้อมจะดวลหมากตาที่ 2 กับป้ากันหรือยังครับ