อยากอยู่แบบ "อีลอน มัสก์" มั้ยครับ อยากใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายคนนี้หรือเปล่า ถ้าอยากก็ลองมาซ้อมๆ กันที่ "ARKIN วิภาวดี" สิ

        นี่คือเลือดใหม่วงการอสังหาฯ บ้านเราที่แท้ทรู เพราะนี่คือคอนเซ็ปต์ของการที่ "คนรุ่นใหม่" ทำบ้านเพื่อ "คนรุ่นใหม่" โดยเฉพาะ บอกเลยว่า...อย่างเท่!

        พูดถึง "เอสติม่า แอสเสท" ผมคิดว่าหลายคนยังไม่คุ้นชื่อเค้าเท่าไหร่ เพราะนี่ก็เป็นโครงการแรกที่ผมแวะไปชม แต่บอกเลยว่าหลังจากนี้ชื่อของ "เอสติม่า แอสเสท" และผู้บริหารหนุ่มวัยสามสิบเบาๆ อย่าง "คุณกฤช" จะต้องค่อยๆ ติดหูเราอย่างแน่นอนครับ

        นี่คือคลื่นลูกใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ และที่มาที่ไปของเค้าก็น่าสนใจทีเดียว เพราะ CEO ท่านนี้เค้ามาจากสายนักข่าวการเมือง! 

        แต่ที่หันมาจับธุรกิจนี้คือที่บ้านทำงานเกี่ยวกับวงการรับเหมาก่อสร้างมากว่า 60 ปีแล้ว ทีนี้รุ่นใหม่ไฟแรงเลยได้เวลาชาเลนจ์ตัวเอง คลอดออกมาเป็นแบรนด์ "เอสติม่า แอสเสท" ที่มี core value แตกต่างจากเจ้าอื่นๆ

        คือทางนี้ไม่ต้องการที่จะพัฒนาโพรดักส์ชนิดที่ขายได้ขายชัวร์ แต่ต้องการขายแบบงานผ่านงานดีไซน์ ชนิดอัพเดตอัพเกรดล่าสุด

        แล้วทีมงานเค้ามีแต่คนรุ่นใหม่ทั้งนั้นเลยครับ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นเอเนอจี้แบบคนรุ่นใหม่ผ่านตัวงานได้ชัดทีเดียว

        โครงการแรกของทางนี้เปิดตัวเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ "ARTHA พหล-อารีย์"

        ราคาขายเริ่มที่ 44-62 ล้านบาท ซึ่งเหลืออยู่เพียงแค่ 1 หลัง เป็นบ้านตัวอย่าง Fully-Furnished selected masterpiece by Euro Creation 

        แล้วความไฟแรงก็คือปีถัดมาปุ๊บก็เปิดตัวโครงการใหม่ปั๊บ ซึ่งก็คือโครงการ "ARKIN วิภาวดี" ตัวนี้นี่แหละ

        โครงการนี้เป็นโครงการบ้านที่พัฒนาบนแลนด์แบงก์ของครอบครัวที่ซื้อไว้ในย่านถนนวิภาวดีรังสิต ซอยวิภาวดี 84 บนเนื้อที่โครงการกว่า 5 ไร่

        แต่ถึงจะพูดว่าอยู่ในซอยก็เข้าซอยมาแค่ราวๆ 50 เมตรเท่านั้นครับ มองมาจากหน้าปากซอยก็เห็นทางเข้าโครงการละ

        โครงการนี้พัฒนาให้เป็นบ้านแฝด 3 ชั้นครึ่ง สร้างสังคมสุด Exclusive คือมีเพียง 32 ครอบครัวเท่านั้น

        ที่ดินบ้านเริ่มต้น 36.7-44.6 ตร.ว. มีพื้นที่ใช้สอย 270 ตร.ม. ฟังก์ชันบ้าน ขนาด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ กับที่จอดรถ 3 คัน ค่าตัวเริ่มต้นที่ 12.9 ล้านบาท

        ผมก็ต้องบอกก่อนว่าปกติบ้านขนาด 270 ตร.ม. เนี่ย ที่เราเห็นๆ กันราคามันก็จะแบบ 40 ล้านบ้างอะไรบ้าง 

        แต่ "ARKIN วิภาวดี" ให้ราคาเรามาที่ 12.9 ล้าน (ก็ใกล้ๆ 13 ล่ะนะ)

        แล้วที่ตั้งโครงการคือตั้งอยู่บนโลเคชันที่ดีเลยแหละ ย่านนี้ถือเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว หน้าปากซอยขึ้นทางด่วนได้ทันที 15 นาทีถึงเพลินจิต

        เค้าบอกเลยว่า ใช้ชีวิตอย่าง "อีลอน มัสก์" ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเศรษฐีพันล้าน เพียงแค่เลือกบ้านในโครงการ "ARKIN วิภาวดี" ครับ

        จะเป็นอีลอน มัสก์ได้มั้ยไม่แน่ใจ แต่อีลอน มัสก์น่าจะชอบบ้านสไตล์นี้ไม่น้อย เพราะการออกแบบและนวัตกรรมด้านในถือว่าสะดุดตามาก

        มันเป็นการออกแบบที่มีดีไซน์และฟังก์ชั่นผสมกันอยู่ในตัวครับ ดีไซน์ฟีเจอร์ของบ้านในโครงการ "ARKIN วิภาวดี" ที่เราเห็นเด่นๆ เลยคือความ "น้อยแต่มาก"

        เน้นงานระแนง สีคลีนๆ สุดแสนจะมินิมอล แต่เป็นมินิมอลในแบบที่สวยแต่ใช้งานได้จริง มีรายละเอียดและผิวสัมผัสที่ดี และเพราะด้านนอกเป็นระแนงที่เป็นลอนอะลูมิเนียมทึบ ทำให้ตัวบ้านมันมีความฮัมเบิลและสงบทีเดียว

        ส่วน Façade ด้านข้างทำหน้าที่เป็นตัวบังสายตา และทั้งหมดอยู่รวมกันในก้อนสี่เหลี่ยมของทรงบ้าน การจัดวางสเปซหรือแมททีเรียลเข้าใจง่าย ความจริงมองผ่านๆ มันไม่แตกต่างอะไรมาก แต่ถ้าตั้งใจจะเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยในทุกพื้นที่ครับ

        ที่น่าสนใจคือโทนสีของบ้านมันสื่อถึงความเป็นนวัตกรรมมากๆ เพราะส่วนหนึ่งของการออกแบบก็คือได้อินสไปร์จากพวก gadget ทันสมัยทั้งหลายรอบตัวเรา ดังนั้นตัวบ้านในโครงการ "ARKIN วิภาวดี" ผิวสัมผัสจะไม่เงามากเหมือนกับโครงการอื่นๆ ครับ

        เข้ามาด้านในจะรู้สึกได้เลยว่าโปร่งและโล่งมาก ชั้น 1 กับชั้นลอยคือพื้นที่ common area สมาชิกในบ้านสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้แบบที่มองไปก็ยังสามารถเห็นกันและกันอยู่

        แต่ถ้าอยากเป็นส่วนตัวก็ทำได้เหมือนกัน เราสามารถปิดส่วนกั้นได้เลยเพราะบริเวณชั้นลอยนั้นทางทีมออกแบบมาให้เป็นผนังกระจกแบบเปิดโล่งก็จริงแต่ก็ปิดได้ ทีนี้ก็สามารถตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าได้แล้ว

        ชั้น 1 ออกแบบให้พื้นที่ใน-นอกเป็นเนื้อเดียวกัน เชื่อมโยงกับสวนด้านนอก เหมาะกับคนที่ชอบสีเขียว ตัวผมค่อนข้างชอบที่เค้าใช้กระจกบานใหญ่ ต่อให้อยู่ในบ้านแต่อยากพักสายตาแค่มองออกไปก็เห็นสีเขียวที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้แล้ว

        โครงการนี้ยก Master Bedroom ไปไว้ยังพื้นที่ชั้น 2 และ 3 ครับ

        ถ้าชั้น 1 และชั้นลอยคือพื้นที่สำหรับใช้เวลากับครอบครัวไม่ก็ทำงาน ชั้น 2-3 ก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคนในบ้าน

        Master Bedroom ในโครงการนี้ก็คือเหมือนเพนเฮ้าส์ของเจ้าของบ้านเลย เพราะมันกว้างมาก ถ้าไม่อยากออกไปไหนเราก็สามารถทำทุกอย่างในห้องนี้ได้ครับ

        ชั้น 3 เป็นพื้นที่ห้องนอนที่เพิ่มมา 2 ห้อง แน่นอนว่าตรงนี้เราปรับให้เหมาะกับชีวิตเราได้ครับว่าอยากให้ห้องนี้ทำหน้าที่อะไร จะทำห้องนอนเหมือนเดิมหรือทำห้องหนังสือก็เหมาะ

        อ้อ ลืมบอกไปว่าแต่ละห้องมีระเบียงส่วนตัวนะ ชอบตรงนี้แหละ

        และเพราะบ้านมันมีหลายชั้น บันไดก็จะเยอะๆ หน่อย ปัญหาที่ตามมาคือเวลาเดินต้องระวังเพราะหากไฟส่องไม่ถึงก็จะเกิดอุบัติเหตุได้

        แต่ "ARKIN วิภาวดี" บอกว่า ไม่ต้องกังวล ผมคิดเผื่อแล้ว เอาไปเลยไฟส่องบันไดแบบฝังผนังทั้งหลัง นอกจากสวยงามแล้วยังทันสมัยถูกใจโจ๋!

        ไอ้เจ้าสิ่งนี้มันทำงานเก๋มากครับ คือเป็นระบบ Motion Senser เปิด-ปิด อัตโนมัติ เพื่อความสะดวกสบายและประหยัดค่าไฟไปในตัว เก๋กู้ดดดด

        ในภาพรวมผมคิดว่าจุดเด่นเค้าอยู่ที่ห้องดูกว้างและโปร่ง แนวๆ โอเพ่นแปลน มีสเปซที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน เน้นใช้งานได้จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการออกแบบที่ไม่น่าเบื่อ คนรุ่นใหม่น่าจะชอบ

        โครงการเหมือนต้องการให้เราสามารถดีไซน์แอคทิวิตี้ตัวเองในบ้านได้อย่างเหมาะสม มันเลยไม่ได้มีพื้นที่จำกัดว่าตรงนั้นต้องเป็นอะไร ตรงนี้ต้องทำอะไร เรียกได้ว่าตามใจฉันก็แล้วกัน ปรับแต่งเอาตามที่เราต้องการจ้าาา

        และก็เพราะความเป็นบ้านเน้นนวัตกรรมเนอะ ด้านในจึงเป็นระบบ Smart Home ให้ทั้งหลัง!

        ทั้ง Smart Door Lock, Smart Switch, CCTV แล้วก็มีระบบ Air Quality Control ช่วยผลิตอากาศบริสุทธิ์เหมือนกับอยู่บนดอยด้วยเอ้า 5555

        ไปฟังการทำงานคร่าวๆ ของเจ้าสิ่งนี้มา สรุปง่ายๆ คือในบ้านจะมีเซนเซอร์ค่าอากาศครับ เอาไว้วัดพวกค่าความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์ และค่า PM2.5 ตัวเซนเซอร์จะกำหนดไว้เลยว่าแต่ละอย่างห้ามเกินหรือห้ามต่ำกว่าเท่าไหร่ ถ้ามีปัญหาปุ๊บ เครื่องก็จะกรองหรือระบบดูดอากาศก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ ไฮเทคมากๆ

        ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการก็ครบครันนะ มีทั้ง Clubhouse, สระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, สวนสาธารณะ, กล้องวงจรปิด CCTV 40 ตัว รั้วโครงการสูง 6 เมตร มีความเป็นส่วนตัวพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

        แต่ถามว่ามีข้อเสียมั้ย ผมก็ตอบได้ว่ามี

        เรียกว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียดีกว่า เพราะโครงการมันตั้งอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง ใครเดินทางบ่อยๆ จะสะดวกมาก แต่ปัญหาคือ...เสียงดัง!

        ผมอยู่ที่โครงการประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่เห็นเครื่องบินที่บินผ่านหัวไปแบบนับไม่ถ้วน แล้วแต่ละลำอยู่ในโหมดบินต่ำทั้งนั้นครับ ดังนั้นเลยได้ยินเสียงหึ่งๆ เฟี้ยวๆ แทบจะทุกครึ่งชั่วโมง ถ้านั่งเล่นอยู่ในสวนส่วนกลางอาจจะรำคาญ แต่อยู่ในบ้านก็เหมือนจะไม่ได้ยินนะ นับว่าโอเคอยู่

        สรุปคือเป็นบ้านสไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีรูปแบบบ้านน่าสนใจมากๆ และเมื่อเอามาเทียบกับโพรดักส์คู่แข่งในย่านก็ถือว่าแตกต่างทีเดียว

        ใครมองหาบ้านในโซนดอนเมือง-วิภาวดีรังสิต แบบมีพื้นที่ใช้สอยครบครัน ทันสมัย และราคาพอเหมาะพอควร ลองแวะไปดูที่นี่ก่อนได้เลยครับ เผื่อจะได้เป็นอีลอน มัสก์กับเค้าบ้าง