หนาว ๆ ร้อน ๆ กันเลยแหะ หลังจากที่รัฐบาลขู่จะเพิกถอนสิทธิในที่ดินของเรา หากปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลา 5 ปีติดต่อกัน หรือทอดทิ้งที่ดินไม่ทำประโยชน์ 10 ปีติดต่อกัน
เอาจริงก็งงนะ... เงินเราเอง ซื้อมาเอง กลายเป็นที่เราเอง แต่วันนึงจะกลายไปเป็นของรัฐมันใช่หรอ?
ก่อนอื่นต้องบอกว่า 'กฎหมายนี้มีอยู่จริง' โดยอยู่ในมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และมีการใช้มาตั้งแต่ปี 2522 นับถึงปัจจุบันนี้ก็กว่า 23 ปีมาแล้ว
แต่ แต่ แต่ กรมที่ดินเค้าก็แจ้งมาว่าจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีคำสั่งศาลให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ตกเป็นของรัฐแต่อย่างใด
ซึ่งที่หยิบยกกันมาในช่วงนี้ และวางแผนจะทำการบังคับใช้นั้น ก็เพื่อเป็นการกดดันทางอ้อมให้เราใช้ประโยชน์ในที่ดินนั่นเองเองครับ
ก่อนที่เราจะตัดสินว่ากฎหมายนี้ควรบังคับใช้หรือไม่ จะเกิดประโยชน์จริงมั้ย ผมว่าเราไปดูรายละเอียดและกระบวนการของเค้ากันก่อนดีกว่าเนอะ
เค้าพิจารณากันยังไง?
ถ้ามีการบังคับใช้ขึ้นมาเราก็ต้องเตรียมวางแผนหาทางรอดกันไว้ก่อนเนอะ ซึ่งแค่ล้อมรั้วกั้นขอบเขต หรือเสียภาษีที่ดินตามที่รัฐเรียกเก็บ แบบนี้ไม่ช่วยนะ!
เท่าที่ผมจับใจความได้ สรุปก็คือเค้าจะพิจารณาถึงการทำประโยชน์ของที่ดินนั้น ๆ เป็นหลัก ซึ่งมันก็คลุมเครือว่ามันคืออะไรล่ะ 5555
"ถ้าล้อมรั้วหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่ทำประโยชน์ = เป็นการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า
สำหรับที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านหรือในเมือง แม้จะยังไม่ได้ปลูกบ้านแต่เจ้าของยังมีเจตนายึดถือเพื่อตนอยู่ก็ให้ถือว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินที่ได้ทำประโยชน์แล้วโดยสภาพ"
ขั้นตอนดำเนินการล่ะ?
กำหนดการนี้เค้าจะเริ่มสำรวจกันภายในเดือนมกราคมของทุกปีครับ จังหวัดจะสำรวจว่าที่มีที่ดินแปลงใดบ้างที่มีผู้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนด
โดนกำหนดไว้ 10 ปีติดต่อกันสำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน หรือ 5 ปีติดต่อกันสำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์และรายงานกระทรวงมหาดไทยทราบ
ซึ่งก่อนส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยจะมีขั้นตอนดำเนินการเป็นลำดับอีกที ผมสรุปแบบรวบรัดไว้ในแผนภาพนะ แต่เนื้อหาหลัก ๆ ก็คือ
1. จังหวัดหรืออำเภอจะทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของที่ดินที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า จัดการหรือเร่งรัดให้มีการทำประโยชน์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รับแจ้ง
2. เมื่อครบกำหนดแล้วยังไม่จัดการให้มีการทำประโยชน์ให้จังหวัดตั้งกรรมการเพื่อพิจารณาว่ามีการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาจริงหรือไม่เพียงใด
3. เมื่อคณะกรรมการมีความเห็นว่ามีการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาจริง ให้จังหวัดทำความเห็นส่งกรมที่ดินเพื่อพิจารณาดำเนินการส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลสั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว ให้ตกเป็นของรัฐต่อไป
กฎหมายนี้ควรบังคับใช้ไหมนะ?
อันนี้ผมเข้าใจทั้งสองฝ่ายนะ ทางฝั่งรัฐก็ต้องการให้บ้านเมืองเจริญเติบโตไปข้างหน้า ก่อเกิดการลงทุนตั้งแต่สเกลเล็ก ๆ ที่ดินผืนน้อย ๆ ไปเลย
ถ้ามองในภาพรวมมันก็เกิดประโยชน์จริง ๆ แหละครับ ไม่ใช่เพียงแค่ที่ดินที่พัฒนา แต่เป็นสายพานที่หล่อเลี้ยงไปถึงการก่อสร้าง การทำธุรกิจ การจ้างงาน และอีกมากมายด้วย
แต่มุมมองเจ้าของที่ดิน บางทีเราก็ไม่ได้อยากลงทุนเพิ่ม และมันก็เป็นสิทธิของเราอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (ที่ควรจะเป็น) ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไรกับของ ๆ เราเองก็ได้
การลงทุนของเราคือใช้พลังจิตพลังใจในการอดทนรอเวลาที่เหมาะสมแค่นั้น เราอาจจะมีบิ๊กโปรเจคในฝันแต่อย่ามากดดันกันด้วยเวลา 5 ปี 10 ปีได้มุ้ยยยย ฮ่า ๆๆๆๆ
ถ้าถามผมว่าสรุปแล้วกฎหมายนี้มันควรบังคับใช้ไหม ผมว่าจะใช้ก็ได้นะ แต่ต้องมีเกณฑ์การพิจารณาคำว่า 'รกร้าง' และ 'ไม่ทำประโยชน์' ให้เหมาะสมและเข้าใจได้จริง ๆ มากกว่าครับ
เพราะอย่างที่บอกว่าคนเราซื้อที่มาครอบครองก็รอเวลาที่เหมาะสมในการทำประโยชน์นั่นแหละ แต่บางทีหมดเงินซื้อไปแล้วจะให้ลงทุนต่อก็คงจะไม่ไหวใช่มั้ยล่ะ
อีกอย่างถ้าพูดกันตามหลักกฎหมายแล้วก็อาจจะขัดกับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในมาตรา 37 “บุคคลย่อมมีสิทธิในทรัพย์สินและการสืบมรดก” อีกทางด้วยนะ
ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สิน แม้จะมีกฎหมายที่สามารถยึดที่ดินคืนได้ดังเช่นประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 แต่รัฐต้องมีการคุ้มครองประชาชน
ใครที่ถือที่ดินอยู่ก็ใจร่ม ๆ กันก่อนครับ เพราะตอนนี้ก็ยังไม่มีการบังคับใช้แต่อย่างใด ระหว่างนี้ก็เข้าไปตรวจสอบที่ดินผ่านแอปพลิเคชั่น LandsMaps ของกรมที่ดินกันไว้ก่อน
เผื่อจะเกิดไอเดียทำประโยชน์ในที่ดิน ได้ปกป้องและรักษาสิทธิในที่ดินของเราเองด้วย อ่านจบแล้วเพื่อน ๆ คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ ฮิฮิ
Tag :
ช่างเป็นคอนโดที่เหมาะกับคนเห็นแก่กินอย่างพวกผมยิ่งนัก 555 จะหันซ้ายหันขวา ก็คราคร่ำไปด้วยร้านของกินเด็ดๆ เรียงกันเป็นแถว
เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก
จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย
หน้าร้อนซัมเมอร์มันก็ต้องคู่กับทะเล ผมฝันไว้เสมอนะว่าอยากมีคอนโดตากอากาศ แต่ปัญหาก็คือคอนโดติดทะเลส่วนใหญ่มีราคาแรงมาก
หลังจากปล่อย "KLOS Ratchada" ไปไม่นาน "Frasers Property" ก็ได้ฤกษ์เตรียมผุดคอนโดแบรนด์ KLOS แห่งที่ 2 ต่อทันทีครับ
นับตั้งแต่เมืองเริ่มขยายตัวออก พื้นที่ที่หลายคนเคยมองข้ามก็กลายเป็นว่าเริ่มเนื้อหอมขึ้นเรื่อยๆ
ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองตอนผ่านไปโซน ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางแค บางบอน บางขุนเทียน นะว่ามองไปทางไหน ทำไมถึงมีแต่โครงการบ้าน 100 ตร.วาขึ้นไปเท่านั้น!
ล่าสุดทางด้าน RPBW ได้ทำการเปิดตัวการออกแบบศูนย์ศิลปะและนวัตกรรมในเมืองโบกา ราตัน รัฐฟลอริดา ซึ่งความน่าสนใจก็คือเค้าไม่ได้เป็นแค่ศูนย์ศิลปะธรรมดา แต่ที่นี่ยังเป็นเวทีสำหรับแนวคิดใหม่ๆ โอกาสในการโต้ตอบกับ AI อีกด้วย
Art แค่ไหนเรียก Pop? บางเจ้าอาจจะสงสัยแต่ไม่กล้าลอง แต่ที่พูดมาทั้งหมด ‘แสนสิริ’ ทำมาหมดแล้ว!
"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม
เทรนด์อาคารอนุรักษ์พลังงานยังคงมีมาให้เห็นกันเรื่อยๆ และล้ำหน้ามากขึ้นทุกวันๆ และหนึ่งในโปรเจ็คที่น่าตื่นตาตื่นใจและควรค่าให้หยิบมาพูดถึงกันในวันนี้คือ "505 State Street" ครับ
ในวินาทีที่ผมย่างเท้าเข้ามาชมห้องตัวอย่างของโครงการ "Amatara Residences Rayong" (อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง) บอกตามตรงว่าแอบคิดลึกๆ ในใจว่า 'นี่มันอีกระดับของที่พักตากอากาศแล้ว'