คนที่เคยหรือไม่เคยไปไอซ์แลนด์ ผมว่าต้องเคยได้ยินชื่อสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของประเทศนี้อย่าง "Blue Lagoon" กันมาบ้างล่ะ
ยิ่งพอพูดถึงไอซ์แลนด์แล้วนี่ คนส่วนใหญ่ก็มีเป้าหมายที่จะไปเยือนสถานที่น่าสนใจทางธรรมชาติ เพราะบ้านเค้านั้นต้องยอมรับจริงๆ ว่าสวยมาก ทั้งถ้ำน้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง ทุ่งลาวา หรือน้ำพุร้อนไกเซอร์อันโด่งดัง
แต่หนึ่งในที่ที่คนไม่พลาดไปคือทะเลสาบสีน้ำเงินอย่าง "Blue Lagoon" แห่งนี้แหละครับ
ผมลองไปหาข้อมูลดูแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจมากที่ "Blue Lagoon" มีจำนวนนักท่องเที่ยวไปเยือนมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี (ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีประชากรเพียง 332,000 คน แต่ต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 1.8 ล้านคนต่อปีเลยนะ!)
แต่หลายๆ คนไม่รู้ครับ ว่าความจริงแล้ว "Blue Lagoon" ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ทะเลสาบน้ำร้อนแห่งนี้เป็นฝีมือการสร้างของมนุษย์ต่างหาก!
น่าสนใจกว่านั้นคือน้ำเหล่านี้เป็นน้ำที่ถูกสูบขึ้นมาใช้ที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ Svartsengi แล้วก็ถูกปล่อยให้มันไหลลงไปในแอ่งลาวา ต่อมาก็กลายเป็นทะเลสาบสีฟ้านวลตาส่งไอความร้อนขึ้นมาอย่างที่เห็น!
สำหรับคนที่เพิ่งรู้อาจจะตกใจ ว่าแบบนี้มันได้เร้อออ!!! แต่เราต้องเข้าใจแบ็คกราวนด์ของไอซ์แลนด์ก่อนว่า ประเทศนี้เป็นประเทศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ
ดังนั้นการสร้าง "Blue Lagoon" ขึ้นมาเพื่อให้เป็นทะเลสาบสำหรับรองรับน้ำที่เหลือจากกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้แน่นอน
แต่แน่ล่ะ มันไม่ได้โผล่มาให้เราใช้งานกันง่ายๆ เพราะการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานความร้อนใต้พิภพนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพลังงานหมุนเวียนที่มีขั้นตอนการสร้างยุ่งยากที่สุดเลย
ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างกระบวนการการผลิตเองก็สามารถปล่อยมลพิษออกมาได้ด้วย ถ้าหากว่าโรงไฟฟ้าไม่ได้ออกแบบระบบควบคุมแบบปิด ป้องกันการเล็ดรอดของสารพิษอย่างดีล่ะก็ ยุ่งแน่นอนครับงานนี้
นอกจากนั้น การที่เราจะนำเอาพลังงานความร้อนใต้พิภพมาใช้ ขั้นตอนที่ต้องทำคือจำเป็นต้องขุดไปใต้แผ่นเปลือกโลก เพื่อที่จะได้เข้าถึงและปล่อยน้ำพุร้อนหรือไอน้ำร้อนใต้ดินขึ้นมาสู่พื้นผิว
ความลึกของมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศนะ มีทั้งต้องขุดแบบหลายกิโลเมตรหรือไม่กี่ร้อยเมตรเลย ส่วนอุณหภูมิก็อาจสูงถึง 370 องศาเซลเซียสได้เหมือนกัน
ฟังดูยุ่งยาก แต่ว่ารัฐเค้าสามารถครับ
และคนแรกที่หย่อนตัวลงไปใน Blue Lagoon ก็คือ Valur Margeirsso ตอนนั้นพี่แกเป็นโรคสะเก็ดเงิน ทุกข์ทรมานจนยอมที่จะลองทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาโรคนี้ให้หาย
สุดท้ายเลยตัดสินใจลงไปแช่ใน Blue Lagoon ซะเลย และอะเมซิ่งมากที่โรคผิวหนังของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง นับจากนั้นมาสถานที่แห่งนี้เลยโด่งดัง กลายเป็นสปาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกไปเลย
ก็ไม่แน่ใจนะครับว่ามันมีผลมั้ย แต่ว่าในน้ำที่ถูกดึงขึ้นมาจากใต้พิภพนั้นมีแร่ธาตุเข้มข้นหลายชนิด หลักๆ คือซิลิกา ที่มาของสีน้ำเงินนวลตาแสนลึกลับ แต่นอกจากซิลิกาแล้วก็ยังมีฟลูออรีน โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม และซัลเฟต รวมอยู่ด้วย
ส่วนเรื่องของความสะอาดนั้น Blue Lagoon มีระบบเปลี่ยนน้ำในสระเองทุกๆ 48 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ใครไม่ชอบแช่บ่อรวมก็อีกเรื่องเนอะ
หลายปีมานี้ Blue Lagoon เค้ายกระดับเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณด้วย นอกจากจะเป็นทะเลสาบน้ำร้อนแล้วยังมีห้องซาวนากับห้องอบไอน้ำในถ้ำลาวาเสริมเข้ามาอีกต่างหาก
แต่แช่ๆ น้ำไปด้วย มองข้ามขอบน้ำไปก็มองเห็นอาคารกับท่อโลหะของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพไปด้วย ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะรู้สึกยังไงดี มีใครเคยไปแช่มาแล้วลองบอกเล่าประสบการณ์กันได้นะครับ 5555
Tag :
ช่างเป็นคอนโดที่เหมาะกับคนเห็นแก่กินอย่างพวกผมยิ่งนัก 555 จะหันซ้ายหันขวา ก็คราคร่ำไปด้วยร้านของกินเด็ดๆ เรียงกันเป็นแถว
เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก
จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย
ตั้งแต่เปิดปีมาคอนโดภายใต้แบรนด์ 'MUNIQ' (มิวนีค) สามารถกวาดยอดขายช่วงพรีเซลไปได้แบบโกยได้โกยของแท้ เค้าเป็นแบรนด์ที่ทำให้ตอนนี้เมเจอร์ยอดขายรอรับรู้รายได้หรือ Backlog มากกว่า 4,400 ลบ. แล้วครับท่านผู้ชม!!
ช่วงเวลาประมาณนี้เมื่อปีที่แล้ว ผมจำได้ว่าเคยแวะไปดูทำเลโครงการใหม่ ในย่าน "เทียมร่วมมิตร" และผ่านแถวสถานทูตเกาหลี จำได้ว่าข้างกันยังมีที่ดินว่างซึ่งเป็นแปลงเก่าของ "สยามนิรมิตร" อยู่
หน้าร้อนซัมเมอร์มันก็ต้องคู่กับทะเล ผมฝันไว้เสมอนะว่าอยากมีคอนโดตากอากาศ แต่ปัญหาก็คือคอนโดติดทะเลส่วนใหญ่มีราคาแรงมาก
หมู่บ้านต้องมีไม่เกินกี่หลัง ถึงจะเรียก Private ถ้าแค่ 1 หลัง Private พอมั้ย? ‘แสนสิริ‘ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘ELSE’ เป็น EXCLUSIVE RESIDENCES ทำโครงการไม่เกิน 10 หลัง!
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอะไรให้เราว้าวอยู่ตลอดเวลาจริงๆ นะ อย่างล่าสุดเค้ากำลังทำการสร้าง สนามบิน Lishui (หลี่ซุย) แห่งใหม่ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งพี่จีนไม่ได้สร้างให้เป็นแค่สนามบินธรรมดา แต่นี่คือสนามบินที่สร้างในสวน เป็นรูปแบบของสนามบิน "Forest City" !!
หลังจาก "Emsphere" ห้างใหม่ในกลุ่ม "Em District" เปิดตัวไป ก็เพิ่มกระแสให้กับพื้นที่รอบด้านได้เพียบเลย ขนาดแค่เปิดตัววันแรกคนก็มหาศาล เรียกว่าสมราคาตระกูล Em สุดๆ
คิดจะพักคิดถึงคิทแคท แต่ถ้าคิดถึงโดนัทอร่อยๆ ก็ต้องคิดถึงคริสปี้ ครีม ดิค้าบบ ไปลองกันยัง “คริสปี้ ครีม x คิทแคท” (Krispy Kreme x KitKat) กับ 3 โดนัทหน้าพิเศษสุดฟิน!!
แต่ก่อนผมคิดนะว่า การจะซื้อบ้านทีก็ต้องไปดูถึงโครงการ ไปดูให้เห็นกับตาแล้วค่อยตัดสินใจ แต่ด้วยอากาศแบบนี้ บางทีก็แอบส่องผ่านทาง Social เอาก่อน น่าจะดีกว่านะ 5555
เมื่อวันก่อนได้ไปเดินเล่นที่งาน "สถาปนิก’67" เป็นอีกงานที่ผมประทับใจแล้วอยากให้เพื่อน ๆ ตามไปกันมาก ๆ เลยนะ