ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาทำงานในรูปแบบ Freelance กันมากขึ้น ด้วยความที่เป็นอาชีพที่ค่อนข้างมีอิสระต่างจากงานประจำ
นอกจากการมีอิสระแล้ว สิ่งที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะออกจากงานประจำมาเป็น Freelance ก็คือเรื่องของเวลาที่มีความยืดหยุ่น การใช้ความคิดสร้างสรรค์ การเสนอไอเดียที่ไม่จำกัด รวมถึงเรื่องการแต่งกาย เมื่อไม่ต้องเข้าออฟฟิศ มนุษย์ Freelance จะตื่นขึ้นมาทำงานต่อในชุดนอนแบบ ยุ่น ในหนังเรื่อง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ ก็ได้ (แหม... โคตรสะดวกเลย)
เห็นข้อดีของการเป็น Freelance แบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่ามนุษย์ Freelance จะไม่มีเรื่องให้กลุ้มนะ เพราะในเมื่อไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ ไม่มีเงินเดือน รับตังค์เป็นงานๆ ไป แบบนี้ธุรกรรมทางการเงินก็เริ่มๆ ยากครับเรื่องการทำบัตรเครดิตเอย อะไรเอย สำหรับ Freelance นี่ยังง่ายนะ บางธนาคารแค่มี Statement ย้อนหลังก็ขอได้ละ อันนี้ไม่น่าหนักใจเท่าไหร่ฮะ
แต่!! ถ้าเกิดวันนึงอยากนั่งใส่ชุดนอน ทำงานให้ลูกค้าในบ้านหลังใหม่ อยากซื้อบ้านหรือคอนโดขึ้นมา งานประจำก็ไม่ใช่ สลิปเงินเดือนก็ไม่มี แล้วอย่างนี้ Freelance จะต้องทำยังไงถึงจะกู้ซื้อบ้านให้ผ่านกันนะ!!
ถ้าคุณเป็นมนุษย์ Freelance และอ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งถอดใจในการมีบ้านครับ เพราะวันนี้เราจะทำเอา เทคนิค กู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุย สำหรับมนุษย์ Freelance มาฝากกัน!!
เอกสารการรับเงิน ห้ามทำหาย!!
ส่วนใหญ่ Freelance มักจะทำงานกับลูกค้าที่เป็นบริษัท ทางบริษัทจะทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือใบ 50 ทวิ มาให้ ซึ่งใบนี้ห้ามหายโดยเด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็นปีที่ยังไม่ได้ยื่นภาษีด้วยแล้ว เพราะใบนี้เป็นใบที่สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าเรามีรายได้นะ โดยทางธนาคารจะสามารถนำ 50 ทวิ ไปคำนวณเงินได้ในปัจจุบันให้เราได้ครับ โดยเค้าจะคำนวณว่ารายได้ต่อเดือนของเราน่าจะตกอยู่ที่เท่าไหร่ พอถึงปลายปีเราก็สามารถนำยอดรายได้ทั้งหมดไปยื่นภาษีให้ถูก และที่สำคัญห้ามลืมจ่ายภาษีเด็ดขาด!!
สร้างประวัติเครดิตให้ดี
ธนาคารจะสามารถเข้าไปเช็คประวัติทางการเงินของเราจากข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้ครับ ซึ่งหากพบว่าเรามีหนี้ ทั้งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือผ่อนรถ ผ่อนสินค้า สิ่งที่ต้องทำคือการจ่ายให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ จะจ่ายขั้นต่ำก็ได้ครับ แต่ห้ามไม่จ่ายโดยเด็ดขาด ที่สำคัญก่อนจะทำการซื้อบ้านควรทยอยปิดบัตรและลดภาระหนี้ก่อนอย่างน้อยหนึ่งปี แต่ใครไม่เคยมีหนี้เลย เป็นคนขาวสะอาดแบบผุดผ่องงง อันนี้ทราบมาว่ามันก็ไม่ใช่ข้อดีนะครับ เพราะธนาคารอาจจะไม่พิจารณาก็เป็นได้ เนื่องจากทางธนาคารอาจจะไม่สามารถอ้างอิงวินัยทางการเงินของเราได้ โอ้ย ไม่มีหนี้ก็ไม่ดีเท่าไหร่เนอะ555
การเดินบัญชีธนาคารต้องมีความสม่ำเสมอ
ข้อนี้นับว่าเป็นใจความสำคัญของการซื้อบ้าน ไม่ใช่แค่ Freelance เท่านั้นนะ อันนี้ผมยังพูดในภาพรวมของคนทำงานประจำด้วย Bank Statement ที่มีความสม่ำเสมอนั้นแสดงถึงความมั่นคงทางการเงินของเรานั่นเอง (ควรจะเดินบัญชี 1-2 ปีขึ้นไปดีกว่า) บางคนเดินบัญชีอยู่ประจำ แต่เงินเหลือมีไม่มาก ข้อนี้ไม่น่ากังวลเสมอไปครับ เพราะส่วนใหญ่ธนาคารจะดูเงินเข้ามากกว่า แต่ก็มีข้อแม้ว่าเงินที่เข้านั้นควรจะมีจำนวนที่ไม่เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลง ทางที่ดีควรมีเงินในจำนวนที่สม่ำเสมอดีกว่าครับ ซึ่งการเดินบัญชีก็เพื่อให้ธนาคารเห็นว่าเรามีรายได้และมีกำลังพอที่จะทำการผ่อนชำระนั่นเอง
บัญชีเงินออม
ข้อนี้ต่อยอดมาจากเรื่องของการเดินบัญชี หลายคนอาจจะคิดว่าในเมื่อเราเดินบัญชีและทางธนาคารก็เห็นรายได้เราแล้ว แล้วเงินออมสำคัญด้วยหรอ ขอบอกว่าสำคัญมากๆ ครับ ทางที่ดีมนุษย์ Freelance ควรมีบัญชีสำหรับการออมแยกออกมาจากบัญชีที่มีการใช้จ่ายประจำด้วย อันนี้เหมือนเป็นการสร้างเครดิตให้ตัวเองว่าเรามีวินัยทางการเงินนะ รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกด้วย
คำนวณเงินกู้บ้าน
ตามกฎเกณฑ์การผ่อนชำระต่างๆ ต่อเดือนไม่ควรจะเกิน 40% ของรายได้ ส่วนเงินติดบัญชีควรมีขั้นต่ำอยู่ที่ 10% ของราคาบ้าน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นจะซื้อคอนโด 1 ห้องนอน ราคา 3 ล้านบาท เงินติดบัญชีควรจะมีขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาท นอกจากนี้ยังต้องมีเงินสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ที่บางโครงการก็ไม่ได้มีโปรฟรีจอง กรณีนี้อาจจะต้องเตรียมอีก 3-5% ของราคาคอนโด ซึ่งจะอยู่ที่ 150,000-300,000 บาท นั่นเอง ที่สำคัญอย่าลืมทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยบ้านด้วยนะ อย่าลืมว่าสินเชื่อบ้านจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เพราะฉะนั้นหากคิดจะกู้บ้านหรือคอนโดเหล่า Freelance ต้องห้ามลืมเรื่องนี้โดยเด็ดขาด!!
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับทริค เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก็อย่างที่ผมบอกแหละว่า ปัจจุบันนี้มนุษย์ Freelance มีอยู่เยอะมากๆ และก็มีจำนวนไม่น้อยที่กำลังคิดไม่ตกกับการขอกู้บ้านอยู่แน่ๆ
แม้อาชีพ Freelance จะขอกู้ผ่านยากกว่าพนักงานประจำ แต่ถ้าทำตามขั้นตอนที่ผมบอกไปข้างต้นแล้ว การมีบ้านหรือคอนโด ก็จะไม่ใช่เรื่องยากและไกลตัวอีกต่อไปครับผม
Tag : กู้บ้าน | Freelanceกู้ซื้อบ้าน |
ช่างเป็นคอนโดที่เหมาะกับคนเห็นแก่กินอย่างพวกผมยิ่งนัก 555 จะหันซ้ายหันขวา ก็คราคร่ำไปด้วยร้านของกินเด็ดๆ เรียงกันเป็นแถว
เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก
จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย
"PASSION LIVING" คือชื่อที่อนันดาใช้สำหรับแปะป้ายพื้นที่โครงการครับ
'PYNN Pridi 20' (พินน์ ปรีดี 20) คอนโดใหม่แถวซอยปรีดีฯ 20 จากภาพที่เห็นตอนเปิดตัว ก็พอทราบแล้วว่าแบรนด์ 'PYNN' เป็นแบรนด์ที่แสนสิริเค้าน่าจะปั้นให้มีจุดเด่นในแง่ของการเป็นคอนโดเล็กๆ ในซอยสงบๆ เน้นความเป็นส่วนตัวสูงและสามารถเลี้ยงสัตว์ได้
ตั้งแต่เปิดปีมาคอนโดภายใต้แบรนด์ 'MUNIQ' (มิวนีค) สามารถกวาดยอดขายช่วงพรีเซลไปได้แบบโกยได้โกยของแท้ เค้าเป็นแบรนด์ที่ทำให้ตอนนี้เมเจอร์ยอดขายรอรับรู้รายได้หรือ Backlog มากกว่า 4,400 ลบ. แล้วครับท่านผู้ชม!!
หน้าร้อนกำลังจะผ่านไป และฤดูแห่งความชุ่มฉ่ำกำลังก้าวเข้ามา ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ
ตอนนี้จ้าวแคมปัสคอนโดของตลาดอสังหาบ้านเรา ไม่ต้องให้ใบ้ก็ตอบได้ว่าคือ“แอสเซทไวส์” นี่แหละ
หมู่บ้านต้องมีไม่เกินกี่หลัง ถึงจะเรียก Private ถ้าแค่ 1 หลัง Private พอมั้ย? ‘แสนสิริ‘ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘ELSE’ เป็น EXCLUSIVE RESIDENCES ทำโครงการไม่เกิน 10 หลัง!
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอะไรให้เราว้าวอยู่ตลอดเวลาจริงๆ นะ อย่างล่าสุดเค้ากำลังทำการสร้าง สนามบิน Lishui (หลี่ซุย) แห่งใหม่ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งพี่จีนไม่ได้สร้างให้เป็นแค่สนามบินธรรมดา แต่นี่คือสนามบินที่สร้างในสวน เป็นรูปแบบของสนามบิน "Forest City" !!
หลังจาก "Emsphere" ห้างใหม่ในกลุ่ม "Em District" เปิดตัวไป ก็เพิ่มกระแสให้กับพื้นที่รอบด้านได้เพียบเลย ขนาดแค่เปิดตัววันแรกคนก็มหาศาล เรียกว่าสมราคาตระกูล Em สุดๆ
คิดจะพักคิดถึงคิทแคท แต่ถ้าคิดถึงโดนัทอร่อยๆ ก็ต้องคิดถึงคริสปี้ ครีม ดิค้าบบ ไปลองกันยัง “คริสปี้ ครีม x คิทแคท” (Krispy Kreme x KitKat) กับ 3 โดนัทหน้าพิเศษสุดฟิน!!