เอาแบบตรงๆ คือรอบนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคอนโดเลย ฮ่าๆๆ ละถ้าถามว่าสาระมีไหม? ก็บอกได้เลยว่าไม่ แหะๆ
แต่จะเป็นเรื่องของกินบ้างอะไรบ้าง ซึ่งเราจะตามไปกินบรรดาอาหารญี่ปุ่นที่โอซาก้า ที่เค้าว่ากันว่าอร่อยและไม่ควรพลาด…
ห้ามถามนะว่าเค้าไหน เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกัน เค้าเยอะไปหมด 5555 เอาหล่ะ ไปลองชิมกันดูซิว่าจะอร่อยจริงอย่างที่เค้าว่ากันว่ารึเปล่าาาา
ฮอนเกะ ชิบะโตะ (Honke Shibato)
ร้านข้าวหน้าปลาไหล ที่มีประวัติมาอย่างยาวนานและโชกโชนถึง 300 ปี โดยเมนูที่เราสั่งคือ Osaka-Mamushi (4,220 เยน) มีปลาไหลโปะไว้อยู่บนข้าวเรียบร้อยพร้อมทาน มาพร้อมกับซุปที่มีให้เลือก 2 แบบ คือ ซุปมิโซะ และซุปตับปลาไหล แน่นอนว่าเราเลือกแบบที่ 2 อิอิ
แต่ต้องบอกก่อนว่าถ้าอยากกินแบบแชร์กันสองคน ก็ต้องสั่งไซส์ M ขึ้นไปนะ ถ้าสั่งไซส์ S เค้าจะให้เรากินได้แค่คนเดียว
ซึ่งพอมาเสิร์ฟนี่แบบต้องร้องเฮ้ยยยย... น่ากินโคตรรรร ปลาไหลดูดีดูใหญ่จริงไม่โกหก หรือเพราะว่าเราชอบกินปลาไหลอยู่แล้วก็ไม่รู้นะ เลยรู้สึกตื่นเต้นกับหน้าตาของนาง ฮ่าๆๆ
ยิ่งพอได้กินนะ ความรู้สึกแรกคือทำไมไม่สั่งแยกกันนนนน… เค้าให้น้อย? หึ! จะบ้าหรอ มันอร่อยต่างหากเล่าาาา… ปลาไหลนุ๊มนุ่ม ข้าวก็นุ่ม ซอสก็ชุ่มฉ่ำ น้ำซุปก็ร้อน 5555
และเรามารู้ทีหลังว่าเค้ามีปลาไหลซ่อนอยู่อีกชั้นด้วย นี่ไม่ได้สังเกตกินอย่างเดียว แหะๆ… ซึ่งการทำแบบนี้เรียกว่า “Osaka Mamushi” เป็นการนำปลาไหลมาวางเรียงซ้อนกันกับข้าวเป็นเลเยอร์ เพื่อให้ปลานุ่มขึ้นจากไอร้อนของข้าว รวมทั้งยังทำให้ซอสแทรกซึมเข้าไปในข้าวได้มากกว่าเดิม
ส่วนอีกอันของน้องเราเองสั่งเมนู Ohitu-Mamushi (4,280 เยน) ลักษณะคล้ายๆ กับของเรา แต่มีลูกเล่นมาเพิ่มอย่างการกินใส่ซุป มีสาหร่าย ประมาณนี้ ซึ่งก็อร่อยเหมือนกันอยู่เน้อออ
ใครชอบปลาไหลแบบเรานะ เชื่อเถอะต้องมาโดนให้ได้ อร่อยเด็ดดวงหฤทัยยยยย~~
คะแนน : 10 10 10 ไปเลยจ้าาาา
การเดินทาง : ลงที่สถานี Yodoyabashi ทางออก 12 และเดินตามกูเกิ้ลแมพโลดดดด แหะๆ ไม่ไกลๆ ร้านอยู่เยื้องๆ กับตึกอิฐสีแดงค่ะ หาไม่ยาก
ปล. แนะนำให้ไปตอนร้านเปิด เพราะเราไปตอนนั้นพอดีเลยไม่ต้องรอคิว แต่พอกินเสร็จเห็นคนรอแล้วค่ะ และรับเฉพาะเงินสดนะคะ (เปิดทุกวัน จ.-ศ. 11.00-14.00 น. และ 17.00-20.30 น. / ร้านปิดในวันหยุดของญี่ปุ่น )
คานิ โดราคุ (Kani Doraku)
อีกหนึ่งร้านดัง ที่ขึ้นชื่อเรื่องปู เอกลักษณ์เด่นคือมีปูติดอยู่หน้าร้านตัวใหญ่เป้ง แต่เราไม่ได้กินร้านต้นตำรับนี้ เพราะไปในช่วงค่ำแถมยังไม่ได้จองเลยอดกิน 5555
ก็เลยเดินไปอีกสาขาหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านหลักเท่าไหร่นัก ขายดีขนาดไหนคิดดู ถึงขนาดมีอีกสาขาที่เรียกได้ว่าห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร
เมนูที่เราสั่งเป็นชุดสุกี้ปู แต่จำชื่อเมนูไม่ได้ ราคาก็ประมาณ 9,800 เยน (ไม่ชัวร์นะ)
สิ่งที่ได้จะมีชุดสุกี้พวกผักพร้อมก้ามปูประมาณ 8 ชิ้น ต่อด้วยซาชิมิปู และเหมือนเป็นปูเผาปูย่างอะไรสักอย่างอีก 2 จาน เราไม่ค่อยอินเท่าไหร่เลยไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฮ่าๆๆ
กินเรียบร้อยก็แอบผิดหวังกับเนื้อปู รู้สึกเฉยๆๆๆๆ เกือบทุกอย่าง ตัวปูไม่ได้เนื้อแน่นอย่างที่คิด รสชาติก็ธรรมดาไม่ได้มีกลิ่นหอมหรือมีอะไรโดดเด่น แต่มีที่อร่อยหน่อยคือซาชิมิปู มีความสด ไม่มีกลิ่นคาว
และถ้าใครสั่งเมนูนี้ตอนกินเสร็จ เค้าจะทำข้าวต้มให้เรากินด้วย โดยใส่ข้าวใส่ไข่ลงในหม้อน้ำซุปที่เหลืออยู่… อันนี้อร่อยดี ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรกก็ไม่รู้ 5555
เมนูนี้กินสองคนไม่อิ่มนะบอกเลย แต่กินแค่พอให้รู้ดีกว่าว่ารสชาติเป็นยังไง เพราะเกรงว่าถ้าร้านแบบนี้กินเอาอิ่มรับรองงบบานปลายแน่นอนนนนน คิคิ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะไม่ได้สั่งเมนู Recommend ของทางร้านก็เป็นได้ เลยไม่ได้รู้สึกว่าอร่อยจนต้องอยากมากินอีก
ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแค่ 11.00 น. - 22.00 น. (ปิด 23.00 น.)
คะแนน : ให้ 5 คะแนน (ได้คะแนนจากซาชิมิกับข้าวต้นตอนจบ ฮ่าๆๆ ที่เหลือไม่ชอบเลย)
การเดินทาง : นั่งใต้ดินลงสถานี Namba ทางออก 14 โดยร้านจะอยู่เลยจากสาขาแรกไม่ถึง 100 เมตร ฝั่งเดียวกัน
อิชิรัน รางเมง (Ichiran Ramen)
อันนี้เสียงลือเสียงเล่าอ้างกระฉ่อนมานานพอสมควร สำหรับราเมงข้อสอบ ซึ่งในญี่ปุ่นก็มีอยู่หลายสาขา แต่ที่เราไปเป็นสาขา Dotonbori อยู่ข้างสะพานกูลิโกะค่ะ
วิธีการสั่งอาหารและจ่ายเงินจะต้องกดตู้เพื่อได้คูปองมา (ตรงนี้จะเพิ่มไข่ เพิ่มต้นหอม เพิ่มหมูก็กดจากตรงนี้ได้เลยนะ) และเอาไปให้คนทำอีกที ส่วนนี้เราขอไม่ลงรายละเอียดมากเพราะทุกคนน่าจะเคยอ่านเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว
แต่มาดูเรื่องรสชาติกันดีกว่า… คือถ้าวงตามที่เค้าปะเส้นจุดมาให้ อ่อ!!! ลืมบอก คือเราจะได้เหมือนกระดาษข้อสอบ เพื่ออามาเลือกวงในส่วนของรายละเอียดอาหาร ไม่ว่าจะเป็น เลือกความเข้มข้น ความมัน กระเทียม ต้นหอม หมูชาชูว่าจะใส่หรือไม่ใส่ ความเผ็ด และความนุ่มแข็งของเส้น
นั่นแหละถ้าเราวงตามที่เค้าแนะนำมาให้ (แอบเพิ่มความเผ็ดเป็นระดับ 2)… ก็รู้สึกว่าจืดไปหน่อย 5555 ซึ่งจืดในที่นี้คือมันไม่เผ็ดเฉยๆ นะ แต่น้ำซุปเค้าแจ่มมากมีรสชาติชัดเจน
คือยังไงดีอ่ะ ไม่ได้รู้สึกว่ากินน้ำเปล่าอ่ะ มันมีความเข้มข้นของน้ำซุปกระดูกหมูขนานแท้ ส่วนเส้นเป็นแบบมีเดียมคือกำลังดีไม่นุ่มไม่แข็งจนเกินไป ขณะที่ตัวหมูเราเฉยๆ นะ ไม่ได้ว้าวเท่าไหร่ก็หมูปกติตามร้านรางเมงทั่วไป ซึ่งได้มาสองชิ้น น้อยไปนิดถ้าได้สามชิ้นจะเวิร์กเลยยย ฮ่าๆ
และด้วยความที่เรารู้สึกว่ามันยังอร่อยไม่สุดอ่ะ ก่อนกลับเราเลยไปกินอีกรอบ เอาความเผ็ดระดับ 8 ไปเลยจ้าาาาา… คราวนี้โอเคเยี่ยมเลย ได้ความเผ็ดแบบไม่ต้องปากแดงเจ่อ กินได้เรื่อยๆ เพลินๆ ทำให้รู้สึกว่ากินได้เยอะกว่ารอบแรก อิอิ
สำหรับ อิชิรัน รางเมง (Ichiran Ramen) ถ้าสั่งแบบปกติไม่เพิ่มอะไร ราคา 890 เยน โดยร้านเปิดตลอด 24 ชั่วโมงค่า
คะแนน : เราให้ 9 คะแนน (หักคะแนนตรงหมูที่รสชาติกลางๆ และก็น่าจะให้มาสามชิ้น เพราะเค้าให้เส้นกับน้ำมาเยอะมากมันเลยไม่บาลานซ์กันเท่าไหร่อ่า)
การเดินทาง : นั่งใต้ดินลงสถานี Namba ทางออก 14 เดินไม่ถึง 5 นาที
และนี่คือทั้งสามร้าน ที่เราไปกินตามที่เค้าว่ากันว่าอร่อย ซึ่งจริงๆ มีอีกหลายร้านเลยแหละ แต่ประเด็นคือไม่มีรูป และก็จำร้านไม่ได้ อย่างเช่น ทาโกะยากิก็อร่อย ไอศกรีมก็เริ่ด เครปนี่อร่อยมากกกกกก
ต้องยอมรับเลยว่าของกินที่ญี่ปุ่นเค้าอร่อยเกือบทุกอย่างจริงๆ ยิ่งใครที่มาทางสายอาหารและขนมญี่ปุ่นแบบเราแล้วหล่ะก็รับรอง… ฟินนนนนนน ><